(แชร์ประสบการณ์) การเลี้ยงลูกแบบเผด็จการ = เสี่ยงต่อการทำให้ลูกเป็นโรคซึมเศร้าและเป็นการฆ่าลูกทางอ้อม

เพื่อนสนิทสมัยประถมของผมมีปัญหาเรื่องสุขภาพจิต มีการโพสต์ข้อความลงโซเชียลว่าจะฆ่าตัวตายมาสักพักและพยายามฆ่าตัวตายจริงๆเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาด้วยการผูกคอตายแต่แม่เข้ามาพบแล้วห้ามได้ทัน 

วันนี้แม่เพิ่งพาเขาไปพบจิตแพทย์ พบว่าเขาเป็น"โรคซึมเศร้าขั้นรุนแรง" สิ่งที่น่าสนใจคือ หมอบอกว่า "เขาเป็นโรคนี้ตั้งแต่เด็ก เป็นเวลามากกว่า 10 ปี เนื่องจากโดนพ่อด่า ยัดเยียดความคิดในแง่ลบ ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า จึงทำให้ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป" 

ช่วงเย็นผมและเพื่อนๆไปคุยกับแม่เขาเรื่องนี้ แม่เขาบอกว่า ตอนเด็กๆ พ่อเขาพยายามบีบบังคับให้เขาอยู่ดูแลร้านขายของที่บ้าน ไม่คิดจะให้ออกไปทำงานด้านนอก พยายามด่าเขาประจำเพื่อให้ตัวพ่อสามารถควบคุมเขาได้โดยที่ไม่มีการโต้แย้ง พยายามปิดกั้นทุกอย่าง ไม่ให้เขาได้ตัดสินใจอะไรด้วยตัวเอง หากเขาจะตัดสินใจอะไรด้วยตัวเองก็โจมตีเขาว่า "เขาไม่มีสมอง" เมื่อแม่พยายามห้าม ก็บอกว่า "มันเป็นลูกฉัน ฉันจะทำอะไรกับมันก็ได้ ฉันต้องเป็นคนกำหนดเส้นทางชีวิตให้มัน เพราะฉันเลี้ยงมันมา" นอกจากนี้ ตลอดช่วงเวลาตอนเรียน พ่อไม่ให้เขาไปเข้าร่วมกิจกรรมหรือสังสรรค์กับเพื่อน อ้างว่าโลกภายนอกมีแต่คนไม่ดี หลอกเอาผลประโยชน์จากเขาเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น ยังพยายามพูดใส่เขาว่า "แกไม่ได้จบจุฬา - ธรรมศาสตร์ แกไม่มีทางเป็นผู้จัดการได้ (เขาจบราชมงคลแถวๆดินแดง) เพื่อขัดขวาง ไม่ให้เขาพยายามสู้เพื่อตำแหน่งงานที่สูงขึ้น 

เรื่องนี้ทำให้ผมและเพื่อนๆเข้าใจทันทีว่าทำไมตอนเรียนประถม ต่อเนื่องมัธยม ยันเรียนมหาลัย เขาดูเป็นคนที่มักจะดูถูกตัวเองอยู่ตลอด คิดแต่ว่าตัวเองทำอะไรก็ไม่ได้ ต้องให้เพื่อนๆช่วยตลอดเวลาและไม่ยอมเข้าร่วมกิจกรรมกับเพื่อนๆเลย

แม้พ่อเขาจะเสียไปแล้ว แต่สิ่งที่ทำไว้ยังคงอยู่ ทำให้เขาเปลี่ยนงานบ่อยมาก ผมเคยคุยกับอดีตหัวหน้าเขาคนนึง หัวหน้าคนนั้นบอกว่า "เขาเป็นคนมีความสามารถ ตอนสัมภาษณ์งานก็แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในตัวเอง แต่เมื่อทำไปสักพัก เริ่มมีปัญหาเรื่องความมั่นใจ เมื่อเริ่มถ่ายงานให้มากขึ้น เริ่มออกอาการกลัว เริ่มดูถูกตัวเองว่าตัวเองทำไม่ได้ เดือนแรกผลงานดี แต่เดือน 2-3 เริ่มตก ทำให้ไม่ผ่านโปรในที่สุด สิ่งที่หัวหน้าสงสัยคือ ทำไมเขาถึงไม่มั่นใจในตัวเอง ทำไมถึงคิดแต่ว่าตัวเองทำไม่ได้ จึงทำร้ายตัวเองแบบนี้ เรื่องนี้ถือเป็นคำตอบครับ 

ที่เลวร้ายไปกว่านั้น แถวบ้านเขามีร้านสะดวกซื้อมาเปิดห่างไม่ถึง 500 เมตร ทำให้ร้านของบ้านเขาแย่มาก เขาไม่สามารถอยู่ดูแลร้านได้แล้ว

ผมจึงเอามาแชร์ เพื่อเป็นอุทาหรณ์ สำหรับการดูแลลูกครับ ต่อให้พ่อแม่มีธุรกิจใหญ่โต ก็ไม่มีสิทธิ์มาบังคับลูกแบบนี้ ถ้าแม่เขาไม่มาพบก่อน เพื่อนผมคนนี้คงจะตายไปแล้วครับ 
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่