😍 ใครชอบกุ้งชุบแป้งทอดบ้างงงงง 🦐วันนี้เรานำภาพและรายละเอียดของร้านเทมปุระเพียงหนึ่งเดียวที่ได้รับการบรรจุลงในมิชลินไกด์ปี 2019 นั่นก็คือ ...
แต่ก่อนอื่นฝากกดไลค์ กดแชร เป็นกำลังใจ ห้พวกเราด้วยนะค้าาา
>>> FB: ตามล่า Fine Dining
รวบรวมร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์หลายร้อยแห่งทั่วโลก รวมถึงร้านอาหาร “ทุกร้าน” ในมิชลินไกด์ฉบับกรุงเทพฯ ไปล่าของกินด้วยกันค่ะ
🇹🇭 Tempura Kanda - เทมปุระ คันดะ
🍽 The Plate - มิชลิน เพลท
🎌 เทมปุระ คันดะ ร้านอาหารญี่ปุ่นในรูปแบบเทมปุระสไตล์กินซ่าหรือชุบแป้งทอดแบบพรีเมี่ยมโอมากาเสะร้านแรกในประเทศไทย ตัวร้านตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 53 ร่วมกันกับร้านอื่นๆในเครือคือ ยาคินิคุ คันดะ และ ซูชิ คันดะ ด้านหน้าตกแบบเรียบง่ายสไตล์ญี่ปุ่น มองจากด้านนอกเห็นเพียงป้ายร้านขนาดเล็กและประตูไม่ไผ่แบบญี่ปุ่นเท่านั้น ด้านในมีขนาดไม่ใหญ่มาก มีเพียงส่วนโต๊ะเคาเตอร์ไม่กี่ที่นั่งในสไตล์โอมากาเสะคล้ายร้านซูชิที่เราคุ้นเคยกันดีโดยลูกค้าสามารถมองเห็นเชฟทอดอาหารเสิร์ฟตามออเดอร์บนจานตรงหน้าได้เลย
🥬 การคัดสรรค์วัตถุดิบและการปรุงอาหารควบคุมโดยเชฟเฉลิมรัฐและเชฟผู้ช่วยซึ่งผ่านการฝึกฝนงานกับเชฟชาวญี่ปุ่นมากว่าสองปีในช่วงแรกที่ร้านเปิด เสิร์ฟเมนูอาหารทะเลเเละผักผลไม้ตามฤดูกาล อาหารทุกอย่างที่นี่ไม่ว่าจะเป็น ปลา กุ้ง รวมไปถึงผักทุกชนิด นำเข้าจากญี่ปุ่นมาแบบสดๆเกือบ 100% เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจใรสชาติและเข้าถึงความเป็นญี่ปุ่นอย่างแท้จริง อย่างไรก็ตามในจุดนี้ทำให้ราคาของอาหารที่นี่ค่อนข้างสูงมาก โดยลูกค้าสามารถเลือกทานแบบโอมากาเสะที่เชฟจะจัดอาหารให้เป็นคอร์สในราคาคนละ 7700++ บาท หรืออาจเลือกสั่งเมนูอลาคาร์ท ก็ต้องเตรียมเงินเอาไว้มากกว่า 6000 บาทแน่ๆ แต่ขอให้มั่นใจว่ารสชาติอาหารของที่นี่ได้ยกระดับเมนูเทมปุระที่เราคุ้นเคยให้อร่อยขึ้นไปหลายขั้น และบอกเลยว่าทุกเมนูที่เราสั่งมานานวันนี้ อร่อยทุกอย่างแบบไม่มีข้อผิดพลาดเลยจริงๆ
📃 เมนูวันนี้
- Hotate (430++)
- Madai (400++)
- Amadai (560++)
- Mekoji (300++)
- Katsugodai (300++)
- Maitake (300++)
- Imo (300++)
- Tama Negi (180++)
- Nyumen (600++)
- Lunch Set (980++)
Amuse-Bouche, Japanese Salad, Ebi, Mongo Ika, Asparagus, Ayu, Kagiage Don, Miso Soup
- Mizu Shingen Mochi (Complimentary)
- Miso Pudding (Complimentary)
👍 เทมปุระคุณภาพสูง รสชาติอร่อยมาก ราคาสูงเนื่องจากวัตถุดิบนำเข้าเกือบ 100%
รสชาติ : 13/20
ราคา : 10/20
ความคุ้มค่า : 12/20
บรรยากาศ : 15/20
บริการ : 15/20
ความประทับใจโดยรวม : 13/20

- Japanese Salt
🧂 เทมปุระนอกจากเสิร์ฟคู่กันกับน้ำจิ้มและเลมอนเเล้ว ทีเด็ดที่ทำให้เราว้าวได้ระดับหนึ่งคือเกลือญี่ปุ่นแบบต่างๆ ที่รสชาติไม่เหมือนกันเลย เริ่มจากล่างซ้ายวนไปหาบนซ้ายทวนเข็มนาฬิกาคือ เกลือสาหร่าย เกลือใบชิโสะ เกลือชาเขียว เกลือธรรมชาติ เกลือพริก และเกลือซากุระบ๊วย ตามลำดับ โดยเกลือทุกชนิดมีรสชาติเค็มพอประมาณ กลมกล่อมแบบเกลือคุณภาพสูง และแฝงรสชาติวันถุดิบเสริมเพียงอ่อนๆ ไม่แรงจนกลบรสอาหารจานหลักที่เราทาน เกลือมีหลายแบบทำให้ทุกคำที่เราจิ้มทานจะมีรสชาติและกลิ่นต่างกันเสมอ

- Amadai (560++)
อะมาได หรือปลาตาหวาน หรือปลาไท่หวาน หนึ่งในเมนูเทมปุระที่ราคาสูงที่สุดจานนี้ เสิร์ฟมาแบบทอดทั้งเกล็ด ซึ่งต้องใช้เทคนิคชั้นสูงในการปรุง เนื่องจากหากทอดจนสุกเกินไป เนื้อปลาจะเเข็ง ไม่อร่อย เเต่ถ้าหากทอดน้อยเกินไป เกล็ดจะเเข็งและมีกลิ่นคาวจนทานไม่ได้ ที่นี่ทอดออกมาได้เพอร์เฟคสุดๆ เนื้อปลากรอบนอกฉ่ำใน มีรสหวานธรรมชาติ เกล็ดปลากรอบพอดี ไม่มีกลิ่นคาว ไม่เเข็งจนทิ่มปาก เเละยังมีกรอบของเเป้งเทมปุระที่เคลือบบางๆอยู่ด้านนอกอีก จานนี้ทำเราว้าวมากๆ เพราะไม่คิดว่าจะเจอเมนูแบบนี้ที่ร้านญี่ปุ่นในกรุงเทพฯ ทำให้จานนี้เป็นจานที่ห้ามพลาดและแนะนำให้ชิมมากๆหากมาทานที่ร้านนี้ (14/20)

- Hotate (430++)
จานนี้ไม่ต้องพูดมาก เพราะหอยเชลล์โฮตาเตะนับเป็นหนึ่งใน Great Scallop ที่อร่อยที่สุดในโลกอยู่แล้ว ดูในรูปอาจดูไม่ใหญ่เเต่ของจริงเพียงครึ่งตัวก็ทานเต็มปากได้เลย แป้งด้านนอกกรอบจนมีสีเหลืองทอง ส่วนเนื้อหอยด้านในเพียงดูรูปก็บอกได้ว่าสุกพอดี เพอร์เฟคมากๆ มีรสหวาน มีกลิ่นที่ดีของหอยเชลล์ตัดกันกับแป้ง เป็นหนึ่งในคอร์สที่ฟินที่สุดของมื้อนี้เลย (16/20)

- Katsugodai (300++)
เนื้อลูกปลากะพงแดงญี่ปุ่น หาทานได้เฉพาะตามฤดูกาลเท่านั้น มีจุดเด่นคือเนื้อสัมผัสที่นุ่ม ละมุนลิ้น หากนำไปทำเป็นซูชิจะมีรสหวานเด่นเป็นเอกลักษณ์ แต่หากนำมาทอดเป็นเทมปุระจะได้ความกรอบของแป้งเข้ามาตัดกับความนุ่มของเนื้อปลาอย่างลงตัว (13/20)

- Madai (400++)
มาไดหรือปลากะพงแดงน้ำลึกนำเข้าจากญี่ปุ่น ทางร้านชุบแป้งบางๆนำไปทอดจนหนังกรอบ ราดด้วยซอสส้มปอนซึและปอนซึเจลลี่รสเปรี้ยวหวาน ตัดกันกับรสหวานธรรมชาติของเนื้อปลา ทอปด้านบนด้วยหอมซอย จานนี้สามารถเสิร์ฟคั่นกลางคอร์สเททปุระอื่นๆเพื่อตัดรสชาติกันได้ดี (13/20)

- Mekoji (300++)
เนื้อปลาเมโกจิที่ทอดมาแบบแป้งหนากว่าปลาอื่นๆเเต่ไม่อมน้ำมันเลย ด้านนอกมีเนื้อสัมผัสเคี้ยวกรอบกว่าเทมปุระคอร์สอื่นๆ เเต่ยังคงความฉ่ำของเนื้อปลาด้านในไว้ได้อย่างดี แถมราคายังเป็นมิตรกว่าคอร์สอื่นๆด้วย (14/20)

- Maitake (300++)
เห็ดไมตาเกะชุบแป้งทอด เสิร์ฟมาหน้าตาคล้ายปะการัง ตัวเห็ดเคี้ยวกรอบมากกว่าเทมปุระจานอื่นๆ ทอดมาสุกพอดี ไม่แห้งจนเกินไป และไม่ดิบจนมีกลิ่นของฟังกัส มีรสหวานอ่อนๆ เคี้ยวกรอบเพลินๆ (13/20)

- Tama Negi (180++)
หอมใหญ่ญี่ปุ่นทอด ตัวหอมมีกลิ่นที่ดี ไม่ฉุนจนเกินไป ทานเปล่าๆจะได้รสหวานและเนื้อสัมผัสของหอมใหญ่ตัดกับความกรอบของแป้งเทมปุระ เหมาะกับคนชอบทานหอมใหญ่มากๆ (13/20)

- Imo (300++)
แม้กระทั่งมันหวานก็ยังชุบแป้งทอด เนื้อมันด้านในที่เรากลัวว่าจะแห้งจากการทอดกลับสุกพอดี คงความฉ่ำและรสหวานได้อย่างครบถ้วน เเถมยังมีความกรอบของแป้งกับผิวมันด้านนอก มีกลิ่นหอมในแบบที่มันหวานดีๆควรมี (14/20)

- Lunch Set (980++)
Amuse-Bouche
ทางร้านมี Lunch Set ในราคาย่อมเยา เริ่มจากด้านซ้ายคือส่วนปีกของหมึกกระดอง มงโกอิกะ ราดด้วยซอสมิโสะ เนื้อสัมผัสของหมึก นุ่มเด้ง สุกกำลังพอดี ซอสเต้าเจี้ยวรสออกเค็มเล็กน้อย ช่วยเรียกน้ำย่อยได้ดี (14/20) ตรงกลางเป็นปลาทูน่าต้มซีอิ๊วแบบญี่ปุ่น รสหวานของซอสเข้ากันกับรสหวานของเนื้อปลาได้อย่างดี อร่อยมากๆ (14/20) สุดท้ายคือสาหร่าย Mozuku เพิ่มความอุมามิช่วยเรียกน้ำย่อยได้อย่างดี (12/20)

- Lunch Set (980++)
Japanese Salad
สลัดผักต่างๆทอปด้วยสาหร่ายและน้ำสลัดรสหวานกลมกล่อม เป็นจานสลัดที่ทำให้คนไม่ชอบสลัดอย่างเราทานได้ แถมอร่อยด้วย (13/20)

- Lunch Set (980++)
Ebi
กุ้งใน Lunch Set เป็นจานเทมปุระอย่างเดียวที่ใช้กุ้งจากไทย ไม่ได้นำเข้าเนื่องจากมีราคาย่อมเยา อย่างไรก็ตาม เนื้อกุ้งทอดออกมาสุกพอดี มีความเด้ง เนื้อยังคงหวานฉ่ำในแบบที่กุ้งทั่วไปจะให้ได้ ทานกับเลมอน เข้ากันสุดๆ (13/20)

- Lunch Set (980++)
Ayu
ปลาหน้าตาประหลาดนี่มากับ Lunch Set ตอนเเรกเชฟบอกว่าคือลูกปลาฉลามก็เกือบจะเชื่ออยู่เหมือนกัน เเต่หน้าตาน้องไม่ให้เลย โดยเชฟจะนำปลาอะยูลงทอดทั้งตัวเเละเสิร์ฟมาแบบตั้งได้ คอร์สนี้เป็นคอร์สที่รสชาติแปลกที่สุดเเล้ว เพราะทานทั้งตัว รสออกขมๆปนหวานๆตามสไตล์ปลาที่ทานทั้งตัว รสไม่ได้แย่ แต่ก็ไม่รู้จะทานทำไม (10/20)

- Lunch Set (980++)
Mongo Ika
เนื้อหมึก มงโกอิกะ จากญี่ปุ่นนำไปชุบแป้งทอด เนื้อเด้ง สุกพอดี ตัดกับความกรอบของแป้งด้านนอกมากๆ ด้วยความที่แป้งหนากว่าเนื้อปลา ทำให้เนื้อสัมผัสตัดกันมากกว่าเดิม ทานกับซอสเทมปุระและหัวไชเท้าฝน ฟินมากๆ (14/20)

- Lunch Set (980++)
Asparagus
หน่อไม่ฝรั่งชุบแป้งทอดมาสุกพอดี ไม่มีกลิ่นเขียว กรอบอร่อยในแบบที่ควรจะเป็น โดยทางร้านเสิร์ฟมาให้สองชิ้น ชิ้นหนึ่งบีบมะนาวจิ้มเกลือ อีกชิ้นจิ้มซอสเทมปุระ อร่อยใช้ได้เลย (14/20)

- Lunch Set (980++)
Kagiage Don, Miso Soup
สุดท้ายของ Lunch Set คือคากิอาเกะด้ง ทานกับมิโซซุปเเละผักดอง

- Lunch Set (980++)
Kagiage Don
คากิอาเกะด้งคือข้าวญี่ปุ่น ทอปด้านบนด้วยเมนูชุบแป้งทอดหลายชนิดรวมกัน มีทั้งกุ้งเเละผักต่างๆ ราดด้วยซอสรสหวานเค็มกลมกล่อม เป็นเมนูง่ายๆที่ทางร้านทำออกมาได้อร่อยกว่าที่เราคิดไว้มากๆ (15/20)

- Lunch Set (980++)
Miso Soup
มิโซซุปรสชาติดีแบบที่หาทานได้ในร้านญี่ปุ่นพรีเมี่ยม เเต่ก็ยังไม่ถึงกับว้าว (13/20)

- Nyumen (600++)
นิวเม็ง เส้นโซเม็งเสิร์ฟในน้ำซุปร้อนๆ ตอนเสิร์ฟเชฟจะทอดเทมปุระร้อนมาเททอปลงบนซุปจนมีเสียงฟู่ดูน่าทานมากๆ เทมปุระกรอบๆ ทานกับเส้นโซเม็งและน้ำซุปรสกลมกล่อม อร่อยอย่าบอกใคร (14/20)

- Tempura Sauce, Lemon
น้ำจิ้มเทมปุระ หัวไชเท้าฝน และเลมอน รสของน้ำจิ้มและกลิ่นไม่แรงจนกลบรสธรรมชาติของเทมปุระ แต่ไม่อ่อนจนจืด อร่อยมากจริงๆ

- Miso Pudding (Complimentary)
ทีเด็ดของหวานที่ห้ามพลาดเลยก็คือมิโสะพุดดิ้ง คัสตาร์ดเนื้อเนียนรสหวานอร่อยคล้ายคาราเมล มีกลิ่นหอมถึงจมูก สุดยอดมากๆ (16/20)

- Mizu Shingen Mochi (Complimentary)
โมจิหยดน้ำ ขนมหวานคลาสสิคประจำร้านอาหารญี่ปุ่น เนื้อโมจินุ่ม เนียน ด้านบนทอปด้วยน้ำตาลทรายแดงรสหวาน ปิดท้ายมื้ออาหารอย่างสมบูรณ์ (15/20)

ราคา 5,155.26 บาท

ปล.ฝากติดตามเพจ FB: ตามล่า Fine Dining
รวบรวมร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์หลายร้อยแห่งทั่วโลก รวมถึงร้านอาหาร “ทุกร้าน” ในมิชลินไกด์ฉบับกรุงเทพฯ ไปล่าของกินด้วยกันค่ะ
[CR] 🇹🇭 Tempura Kanda - เทมปุระ คันดะ ร้านเทมปุระเพียงหนึ่งเดียวที่ได้รับการบรรจุลงในมิชลินไกด์ปี 2019
แต่ก่อนอื่นฝากกดไลค์ กดแชร เป็นกำลังใจ ห้พวกเราด้วยนะค้าาา
>>> FB: ตามล่า Fine Dining
รวบรวมร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์หลายร้อยแห่งทั่วโลก รวมถึงร้านอาหาร “ทุกร้าน” ในมิชลินไกด์ฉบับกรุงเทพฯ ไปล่าของกินด้วยกันค่ะ
🇹🇭 Tempura Kanda - เทมปุระ คันดะ
🍽 The Plate - มิชลิน เพลท
🎌 เทมปุระ คันดะ ร้านอาหารญี่ปุ่นในรูปแบบเทมปุระสไตล์กินซ่าหรือชุบแป้งทอดแบบพรีเมี่ยมโอมากาเสะร้านแรกในประเทศไทย ตัวร้านตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 53 ร่วมกันกับร้านอื่นๆในเครือคือ ยาคินิคุ คันดะ และ ซูชิ คันดะ ด้านหน้าตกแบบเรียบง่ายสไตล์ญี่ปุ่น มองจากด้านนอกเห็นเพียงป้ายร้านขนาดเล็กและประตูไม่ไผ่แบบญี่ปุ่นเท่านั้น ด้านในมีขนาดไม่ใหญ่มาก มีเพียงส่วนโต๊ะเคาเตอร์ไม่กี่ที่นั่งในสไตล์โอมากาเสะคล้ายร้านซูชิที่เราคุ้นเคยกันดีโดยลูกค้าสามารถมองเห็นเชฟทอดอาหารเสิร์ฟตามออเดอร์บนจานตรงหน้าได้เลย
🥬 การคัดสรรค์วัตถุดิบและการปรุงอาหารควบคุมโดยเชฟเฉลิมรัฐและเชฟผู้ช่วยซึ่งผ่านการฝึกฝนงานกับเชฟชาวญี่ปุ่นมากว่าสองปีในช่วงแรกที่ร้านเปิด เสิร์ฟเมนูอาหารทะเลเเละผักผลไม้ตามฤดูกาล อาหารทุกอย่างที่นี่ไม่ว่าจะเป็น ปลา กุ้ง รวมไปถึงผักทุกชนิด นำเข้าจากญี่ปุ่นมาแบบสดๆเกือบ 100% เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจใรสชาติและเข้าถึงความเป็นญี่ปุ่นอย่างแท้จริง อย่างไรก็ตามในจุดนี้ทำให้ราคาของอาหารที่นี่ค่อนข้างสูงมาก โดยลูกค้าสามารถเลือกทานแบบโอมากาเสะที่เชฟจะจัดอาหารให้เป็นคอร์สในราคาคนละ 7700++ บาท หรืออาจเลือกสั่งเมนูอลาคาร์ท ก็ต้องเตรียมเงินเอาไว้มากกว่า 6000 บาทแน่ๆ แต่ขอให้มั่นใจว่ารสชาติอาหารของที่นี่ได้ยกระดับเมนูเทมปุระที่เราคุ้นเคยให้อร่อยขึ้นไปหลายขั้น และบอกเลยว่าทุกเมนูที่เราสั่งมานานวันนี้ อร่อยทุกอย่างแบบไม่มีข้อผิดพลาดเลยจริงๆ
📃 เมนูวันนี้
- Hotate (430++)
- Madai (400++)
- Amadai (560++)
- Mekoji (300++)
- Katsugodai (300++)
- Maitake (300++)
- Imo (300++)
- Tama Negi (180++)
- Nyumen (600++)
- Lunch Set (980++)
Amuse-Bouche, Japanese Salad, Ebi, Mongo Ika, Asparagus, Ayu, Kagiage Don, Miso Soup
- Mizu Shingen Mochi (Complimentary)
- Miso Pudding (Complimentary)
👍 เทมปุระคุณภาพสูง รสชาติอร่อยมาก ราคาสูงเนื่องจากวัตถุดิบนำเข้าเกือบ 100%
รสชาติ : 13/20
ราคา : 10/20
ความคุ้มค่า : 12/20
บรรยากาศ : 15/20
บริการ : 15/20
ความประทับใจโดยรวม : 13/20
- Japanese Salt
🧂 เทมปุระนอกจากเสิร์ฟคู่กันกับน้ำจิ้มและเลมอนเเล้ว ทีเด็ดที่ทำให้เราว้าวได้ระดับหนึ่งคือเกลือญี่ปุ่นแบบต่างๆ ที่รสชาติไม่เหมือนกันเลย เริ่มจากล่างซ้ายวนไปหาบนซ้ายทวนเข็มนาฬิกาคือ เกลือสาหร่าย เกลือใบชิโสะ เกลือชาเขียว เกลือธรรมชาติ เกลือพริก และเกลือซากุระบ๊วย ตามลำดับ โดยเกลือทุกชนิดมีรสชาติเค็มพอประมาณ กลมกล่อมแบบเกลือคุณภาพสูง และแฝงรสชาติวันถุดิบเสริมเพียงอ่อนๆ ไม่แรงจนกลบรสอาหารจานหลักที่เราทาน เกลือมีหลายแบบทำให้ทุกคำที่เราจิ้มทานจะมีรสชาติและกลิ่นต่างกันเสมอ
- Amadai (560++)
อะมาได หรือปลาตาหวาน หรือปลาไท่หวาน หนึ่งในเมนูเทมปุระที่ราคาสูงที่สุดจานนี้ เสิร์ฟมาแบบทอดทั้งเกล็ด ซึ่งต้องใช้เทคนิคชั้นสูงในการปรุง เนื่องจากหากทอดจนสุกเกินไป เนื้อปลาจะเเข็ง ไม่อร่อย เเต่ถ้าหากทอดน้อยเกินไป เกล็ดจะเเข็งและมีกลิ่นคาวจนทานไม่ได้ ที่นี่ทอดออกมาได้เพอร์เฟคสุดๆ เนื้อปลากรอบนอกฉ่ำใน มีรสหวานธรรมชาติ เกล็ดปลากรอบพอดี ไม่มีกลิ่นคาว ไม่เเข็งจนทิ่มปาก เเละยังมีกรอบของเเป้งเทมปุระที่เคลือบบางๆอยู่ด้านนอกอีก จานนี้ทำเราว้าวมากๆ เพราะไม่คิดว่าจะเจอเมนูแบบนี้ที่ร้านญี่ปุ่นในกรุงเทพฯ ทำให้จานนี้เป็นจานที่ห้ามพลาดและแนะนำให้ชิมมากๆหากมาทานที่ร้านนี้ (14/20)
- Hotate (430++)
จานนี้ไม่ต้องพูดมาก เพราะหอยเชลล์โฮตาเตะนับเป็นหนึ่งใน Great Scallop ที่อร่อยที่สุดในโลกอยู่แล้ว ดูในรูปอาจดูไม่ใหญ่เเต่ของจริงเพียงครึ่งตัวก็ทานเต็มปากได้เลย แป้งด้านนอกกรอบจนมีสีเหลืองทอง ส่วนเนื้อหอยด้านในเพียงดูรูปก็บอกได้ว่าสุกพอดี เพอร์เฟคมากๆ มีรสหวาน มีกลิ่นที่ดีของหอยเชลล์ตัดกันกับแป้ง เป็นหนึ่งในคอร์สที่ฟินที่สุดของมื้อนี้เลย (16/20)
- Katsugodai (300++)
เนื้อลูกปลากะพงแดงญี่ปุ่น หาทานได้เฉพาะตามฤดูกาลเท่านั้น มีจุดเด่นคือเนื้อสัมผัสที่นุ่ม ละมุนลิ้น หากนำไปทำเป็นซูชิจะมีรสหวานเด่นเป็นเอกลักษณ์ แต่หากนำมาทอดเป็นเทมปุระจะได้ความกรอบของแป้งเข้ามาตัดกับความนุ่มของเนื้อปลาอย่างลงตัว (13/20)
- Madai (400++)
มาไดหรือปลากะพงแดงน้ำลึกนำเข้าจากญี่ปุ่น ทางร้านชุบแป้งบางๆนำไปทอดจนหนังกรอบ ราดด้วยซอสส้มปอนซึและปอนซึเจลลี่รสเปรี้ยวหวาน ตัดกันกับรสหวานธรรมชาติของเนื้อปลา ทอปด้านบนด้วยหอมซอย จานนี้สามารถเสิร์ฟคั่นกลางคอร์สเททปุระอื่นๆเพื่อตัดรสชาติกันได้ดี (13/20)
- Mekoji (300++)
เนื้อปลาเมโกจิที่ทอดมาแบบแป้งหนากว่าปลาอื่นๆเเต่ไม่อมน้ำมันเลย ด้านนอกมีเนื้อสัมผัสเคี้ยวกรอบกว่าเทมปุระคอร์สอื่นๆ เเต่ยังคงความฉ่ำของเนื้อปลาด้านในไว้ได้อย่างดี แถมราคายังเป็นมิตรกว่าคอร์สอื่นๆด้วย (14/20)
- Maitake (300++)
เห็ดไมตาเกะชุบแป้งทอด เสิร์ฟมาหน้าตาคล้ายปะการัง ตัวเห็ดเคี้ยวกรอบมากกว่าเทมปุระจานอื่นๆ ทอดมาสุกพอดี ไม่แห้งจนเกินไป และไม่ดิบจนมีกลิ่นของฟังกัส มีรสหวานอ่อนๆ เคี้ยวกรอบเพลินๆ (13/20)
- Tama Negi (180++)
หอมใหญ่ญี่ปุ่นทอด ตัวหอมมีกลิ่นที่ดี ไม่ฉุนจนเกินไป ทานเปล่าๆจะได้รสหวานและเนื้อสัมผัสของหอมใหญ่ตัดกับความกรอบของแป้งเทมปุระ เหมาะกับคนชอบทานหอมใหญ่มากๆ (13/20)
- Imo (300++)
แม้กระทั่งมันหวานก็ยังชุบแป้งทอด เนื้อมันด้านในที่เรากลัวว่าจะแห้งจากการทอดกลับสุกพอดี คงความฉ่ำและรสหวานได้อย่างครบถ้วน เเถมยังมีความกรอบของแป้งกับผิวมันด้านนอก มีกลิ่นหอมในแบบที่มันหวานดีๆควรมี (14/20)
- Lunch Set (980++)
Amuse-Bouche
ทางร้านมี Lunch Set ในราคาย่อมเยา เริ่มจากด้านซ้ายคือส่วนปีกของหมึกกระดอง มงโกอิกะ ราดด้วยซอสมิโสะ เนื้อสัมผัสของหมึก นุ่มเด้ง สุกกำลังพอดี ซอสเต้าเจี้ยวรสออกเค็มเล็กน้อย ช่วยเรียกน้ำย่อยได้ดี (14/20) ตรงกลางเป็นปลาทูน่าต้มซีอิ๊วแบบญี่ปุ่น รสหวานของซอสเข้ากันกับรสหวานของเนื้อปลาได้อย่างดี อร่อยมากๆ (14/20) สุดท้ายคือสาหร่าย Mozuku เพิ่มความอุมามิช่วยเรียกน้ำย่อยได้อย่างดี (12/20)
- Lunch Set (980++)
Japanese Salad
สลัดผักต่างๆทอปด้วยสาหร่ายและน้ำสลัดรสหวานกลมกล่อม เป็นจานสลัดที่ทำให้คนไม่ชอบสลัดอย่างเราทานได้ แถมอร่อยด้วย (13/20)
- Lunch Set (980++)
Ebi
กุ้งใน Lunch Set เป็นจานเทมปุระอย่างเดียวที่ใช้กุ้งจากไทย ไม่ได้นำเข้าเนื่องจากมีราคาย่อมเยา อย่างไรก็ตาม เนื้อกุ้งทอดออกมาสุกพอดี มีความเด้ง เนื้อยังคงหวานฉ่ำในแบบที่กุ้งทั่วไปจะให้ได้ ทานกับเลมอน เข้ากันสุดๆ (13/20)
- Lunch Set (980++)
Ayu
ปลาหน้าตาประหลาดนี่มากับ Lunch Set ตอนเเรกเชฟบอกว่าคือลูกปลาฉลามก็เกือบจะเชื่ออยู่เหมือนกัน เเต่หน้าตาน้องไม่ให้เลย โดยเชฟจะนำปลาอะยูลงทอดทั้งตัวเเละเสิร์ฟมาแบบตั้งได้ คอร์สนี้เป็นคอร์สที่รสชาติแปลกที่สุดเเล้ว เพราะทานทั้งตัว รสออกขมๆปนหวานๆตามสไตล์ปลาที่ทานทั้งตัว รสไม่ได้แย่ แต่ก็ไม่รู้จะทานทำไม (10/20)
- Lunch Set (980++)
Mongo Ika
เนื้อหมึก มงโกอิกะ จากญี่ปุ่นนำไปชุบแป้งทอด เนื้อเด้ง สุกพอดี ตัดกับความกรอบของแป้งด้านนอกมากๆ ด้วยความที่แป้งหนากว่าเนื้อปลา ทำให้เนื้อสัมผัสตัดกันมากกว่าเดิม ทานกับซอสเทมปุระและหัวไชเท้าฝน ฟินมากๆ (14/20)
- Lunch Set (980++)
Asparagus
หน่อไม่ฝรั่งชุบแป้งทอดมาสุกพอดี ไม่มีกลิ่นเขียว กรอบอร่อยในแบบที่ควรจะเป็น โดยทางร้านเสิร์ฟมาให้สองชิ้น ชิ้นหนึ่งบีบมะนาวจิ้มเกลือ อีกชิ้นจิ้มซอสเทมปุระ อร่อยใช้ได้เลย (14/20)
- Lunch Set (980++)
Kagiage Don, Miso Soup
สุดท้ายของ Lunch Set คือคากิอาเกะด้ง ทานกับมิโซซุปเเละผักดอง
- Lunch Set (980++)
Kagiage Don
คากิอาเกะด้งคือข้าวญี่ปุ่น ทอปด้านบนด้วยเมนูชุบแป้งทอดหลายชนิดรวมกัน มีทั้งกุ้งเเละผักต่างๆ ราดด้วยซอสรสหวานเค็มกลมกล่อม เป็นเมนูง่ายๆที่ทางร้านทำออกมาได้อร่อยกว่าที่เราคิดไว้มากๆ (15/20)
- Lunch Set (980++)
Miso Soup
มิโซซุปรสชาติดีแบบที่หาทานได้ในร้านญี่ปุ่นพรีเมี่ยม เเต่ก็ยังไม่ถึงกับว้าว (13/20)
- Nyumen (600++)
นิวเม็ง เส้นโซเม็งเสิร์ฟในน้ำซุปร้อนๆ ตอนเสิร์ฟเชฟจะทอดเทมปุระร้อนมาเททอปลงบนซุปจนมีเสียงฟู่ดูน่าทานมากๆ เทมปุระกรอบๆ ทานกับเส้นโซเม็งและน้ำซุปรสกลมกล่อม อร่อยอย่าบอกใคร (14/20)
- Tempura Sauce, Lemon
น้ำจิ้มเทมปุระ หัวไชเท้าฝน และเลมอน รสของน้ำจิ้มและกลิ่นไม่แรงจนกลบรสธรรมชาติของเทมปุระ แต่ไม่อ่อนจนจืด อร่อยมากจริงๆ
- Miso Pudding (Complimentary)
ทีเด็ดของหวานที่ห้ามพลาดเลยก็คือมิโสะพุดดิ้ง คัสตาร์ดเนื้อเนียนรสหวานอร่อยคล้ายคาราเมล มีกลิ่นหอมถึงจมูก สุดยอดมากๆ (16/20)
- Mizu Shingen Mochi (Complimentary)
โมจิหยดน้ำ ขนมหวานคลาสสิคประจำร้านอาหารญี่ปุ่น เนื้อโมจินุ่ม เนียน ด้านบนทอปด้วยน้ำตาลทรายแดงรสหวาน ปิดท้ายมื้ออาหารอย่างสมบูรณ์ (15/20)
ราคา 5,155.26 บาท
ปล.ฝากติดตามเพจ FB: ตามล่า Fine Dining
รวบรวมร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์หลายร้อยแห่งทั่วโลก รวมถึงร้านอาหาร “ทุกร้าน” ในมิชลินไกด์ฉบับกรุงเทพฯ ไปล่าของกินด้วยกันค่ะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้