สองรัฐมนตรีมาร จอมรื้องานรัฐ

เห็นวีรกรรมของ 2 รัฐมนตรีจากพรรคภูมิใจไทยแล้วรู้สึกว่า นี่เรามีนักเลงมาบริหารประเทศกันหรือเนี่ย สั่งรื้อย้าย เปลี่ยนแปลง โครงการต่าง ๆ ที่เขาวางกันไว้ดี ๆ เป็นว่าเล่น จนยุ่งเหยิงไปหมด ทั้งข้าราชการ คนมาร่วมงานร่วมลงทุนได้รับความเสียหายไปตาม ๆ กัน 
 
อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี, รมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และเจ้าของซิโนทัย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น กับ ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม และ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ที่ตอนนี้มีข่าวว่าเปิดศึกงัดข้อกับสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ โควตาพรรคพลังประชารัฐ หลังจากที่ศักดิ์สยามขอทบทวนปรับแก้เมกะโปรเจกต์หลายโครงการที่สมคิดผลักดันไว้ ตั้งแต่สมัยเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจในยุครัฐบาล คสช.


 
โดยอนุทิน ในฐานะรองนายกฯ กำกับดูแลกระทรวงคมนาคม ได้สั่งการให้ศักดิ์สยามไปหาทางออกรูปแบบใหม่ในการลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก จากเดิมใช้วิธีการร่วมลงทุนระหว่างรัฐกับเอกชน (PPP) เพื่อให้รัฐประหยัดค่าใช้จ่ายมากที่สุด หรือกรณีศักดิ์สยามขอทบทวนผลการเจรจาต่ออายุสัมปทานทางด่วนออกไป 30 ปี เพื่อแลกกับการยุติข้อพิพาทระหว่างการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กับ บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) ที่ทำให้รัฐได้ประโยชน์คุ้มค่า โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยหลายแสนล้านบาทและยังทำให้ประชาชนจะได้ขึ้นทางด่วนราคาไม่แพงอีกด้วย

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
 
หรือเรื่องยืดอายุรถตู้โดยสาร จนทำให้คนที่ลงทุนซื้อหรือทำธุรกิจต่อรถไมโครบัส ต้องสูญเสียรายได้เป็นร้อยล้านบาท เพราะลงทุนตามนโยบายรัฐบาลก่อนไปแล้ว แต่รัฐมนตรีในรัฐบาลนี้กลับมาเปลี่ยนนโยบายซะงั้น


 
ล่าสุดสองมารแห่งภูมิใจไทย อนุทินกับศักดิ์สยามก็ออกมาพูดเสียงแข็งต่อโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน บีบคั้นให้กลุ่มซีพีและพันธมิตรมาลงนามสัญญาในวันที่ 15 ต.ค. นี้ พร้อมประกาศขู่ว่า ถ้าไม่มาจะยึดเงินค้ำประกัน 2,000 ล้านบาท ขึ้นบัญชีดำทุกบริษัทที่เป็นพันธมิตรในกลุ่มให้หมดสิทธิเข้าร่วมประมูลงานกับภาครัฐ แถมยังต้องจ่ายส่วนต่างที่เพิ่มขึ้นหากรัฐบาลมอบหมายให้เอกชนรายที่ 2 เข้ามาดำเนินโครงการแทน แสดงอาการกร่างออกมาแบบไม่รู้ทิศทาง ทั้ง ๆ ที่คนที่เกี่ยวข้องเขากำลังเจรจาหาทางลงกันอยู่ ทำให้การทำงานของเขาเสียรูปกระบวน

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้


 
ยิ่งใหญ่ซะเหลือเกิน นึกจะเปลี่ยน จะรื้อ จะย้าย จะบีบใครก็ได้ ไม่แคร์หน้าอินทร์หน้าพรหมว่าเขาดำเนินงานกันมาขนาดไหน ใครจะต้องเสียหายบ้าง อย่างว่าแหละ ก็คนมันดวงขึ้น ตัวเองเป็นรัฐมนตรีและเจ้าของบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่รับงานโครงการของรัฐ แต่ได้สิทธิ์มาดูแลหน่วยงานที่ธุรกิจตัวเองเกี่ยวข้องอยู่ ก็ต้องใช้โอกาสให้เป็นประโยชน์ จะปรับจะเปลี่ยนอะไรก็ได้ตามใจปรารถนา ปูทางให้เอื้อประโยชน์กับธุรกิจของเราได้ในอนาคตไว้ก่อน ไม่ต้องเกรง ต้องกลัวใคร ถึงจะต้องคัดง้างกับคนที่เขาทำงานหนักก่อร่างสร้างแผนวางโครงการมาก่อน เพื่อประโยชน์ของประเทศ แต่เมื่อมันไม่เข้ากับประโยชน์ของเรา ก็ต้องรื้อรากถอนโคนปรับเปลี่ยนให้เข้าทางเรา อำนาจอยู่ในมือแล้ว จะทำอะไรใครจะทำไม 
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่