การหมดรัก การไม่รู้สึกรักได้ 100% กับคนที่คบ และ ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน

เรื่องราวคร่าวๆก็คือ...

เรากับแฟน คบกันได้ประมาณจะครบ 1 ปีแล้ว วันที่ 10.10.2562 ครบ 1 ปีพอดี => ก่อนหน้านี้เราเจอกัน โดยทีขับรถมาขอเบอร์ เราถึงเริ่มทำความรู้จักกันประมาณ เดือนนึง ...เริ่มแรกสิ่งที่เรารับรู้ได้ คือ ความใส่ใจ ความพยายาม จากนั้นเราเริ่มเรียนรู้กัน ประมาณ 3 เดือน เขาก็เริ่มหากู้ซื้อคอนโด วางแพลนชีวิต พาเราไปดูห้อง และ ทุกอย่างที่ทำให้เห็น ว่าคนนี้แหละ ...คือคนที่ดี สำหรับเรา ...เรารู้สึกดี และคิดว่า คบกันไปเดี๋ยวเราคงรักเขาได้ เพราะสิ่งที่เขาทำ 

บอกก่อนว่า ...ตอนที่ผู้ชายคนนี้มาเจอเรา เราเลิกกับแฟนเก่ามาประมาณ จะ 6-8 เดือน มันเป็นช่วงต่อรอบความคิด ว่าเราจะอยู่คนเดียว หรือ ว่ายังอยากมีชีวิตคู่อีกหรือเปล่า เพราะคนเก่าทำหลายๆอย่างให้เรารู้สึกเจ็บ เสียใจ และ แทบจะอยู่ไม่ได้ กลายเป็นสภาวะซึมเศร้าขั้นรุนแรง

กลับมาที่แฟนเราคนปัจจุบัน สิ่งต่างๆที่เขาทำ คือทุกอย่างค่อนข้างดีหมด ...พาเข้าบ้าน พบพ่อแม่ ครอบครัวของเขา ตั้งแต่ครั้งแรก ก็สร้างความมั่นใจได้ว่า อยากคบเราจริงๆ แต่ปัญหาอยู่ที่เราด้วยส่วนนึง นำพาชิวิต และ ความคิดติดลบ และความหวาดระแวง มากะเกณฑ์กับคนใหม่ ...

จนวันที่เราย้ายเข้าคอนโดใหม่และอยู่ด้วยกัน วันแรกๆเราก็รู้สึกเครียด คิดว่าก้าวเร็วไปไหม ... แต่องค์ประกอบหลายๆอย่างที่ปรึกษาทางครอบครัว เขาก็บอกว่าตัดสินใจให้ดี อยู่ให้เป็นสุข  บอกตรงๆตัวเราสับสน ใจนึงก็คิดว่า เอาวะ จะอะไรหนักหนากับชีวิต แต่อีกใจนึงก็กลัว เพราะเขาเองก็เล่าให้เราฟังหลายเรื่องในตลอดชีวิตที่ผ่านมา ผู้หญิงที่เขาได้เจอ เขาไม่เคยคิดอยากจะใช้ชีวิตกับใคร เบื่อความเยอะ และ เพราะโลกส่วนตัวสูง แต่พอเขาเห็นเรา สิ่งที่เขาคิด และ ได้คุย เขาคิดว่าอยากดูแล และ สงสาร และ น่าจะไปกันได้ เขาอยากมีครอบครัวที่ดี และ ใครสักคนที่ดูแลเขาเหมือนกัน ชีวิตพวกเราไม่ใช่วัยรุ่น หรือ หนุ่มสาว เราใกล้เลข 40 กันแล้ว 

จนอยู่กันไปสักระยะ สักประมาณครึ่งปีเห็นจะได้  ปัญหาที่เกิด ส่วนหนึ่งก็มาจากการสื่อสาร ที่ไม่เข้าใจกัน ...เนื่องจากแฟนมีความคิดที่แตกต่างไม่เหมือนคนอื่น ไม่แน่ใจว่าด้วยหน้าที่การงานที่เป็นนักพัฒนาซอฟแวร์ จึงทำให้เราเข้าไม่ถึงเขาด้วยหรือเปล่า แต่เราก็พยายามเรียนรู้ เข้าใจ และ อยากให้เขาเข้าใจ ความเป็นเราด้วย เราเป็นผู้หญิง มีความจุกจิก วุ่นวาย เขามองว่าความคิดส่วนนึงเราดูไม่ฉลาด เราก็ไม่เข้าใจ ว่าเพราะอะไร แต่ไม่ได้คิดหรือใส่ใจอะไรตรงนั้น ก็คงปรับตัว

เรื่องแรก ครั้งนึงเพื่อนเขาโทรมา มีปัญหาชีวิต และ อยากเจอไม่ได้เจอกันนาน ...โทรมา ตอนสี่ทุ่มหน่อยๆ ซึ่งเราเลยถามว่า ออกไปตอนนี้นี่นะ เขาบอกว่าจะออกไปแค่ 2 ชั่วโมง เพื่อนเขามีปัญหา เป็นผู้ชายเลี้ยงลูกคนเดียวมันเหนื่อย ไม่มีกำลังใจ ...เราเลยถามว่า แล้วเราล่ะไม่เหนื่อยเหรอทำงานนอกบ้าน ในบ้าน เราก็ต้องการกำลังใจดีๆ ต้องการเวลาที่ดีที่อยู่ด้วยกัน การออกไปหาเพื่อนไม่ใช่ปัญหา ปัญหาอยู่ตรงที่คำพูด ...เราถามว่าเพื่อนคุณรู้ไหม ว่ามีครอบครัวแล้ว เขาบอกไม่รู้ เราเลยถามเพราะเพื่อนคุณไม่รู้ เขาไม่ผิด แต่แค่สงสัยว่าทำไมคุณไม่อยากบอกเพื่อน เรื่องของเรา ...เขาตอบว่า การที่เขาพาไปหาครอบครัว และ เขามาหาครอบครัวเรา มันก็น่าจะเพียงพอแล้วหรือเปล่า ส่วนตัวเขาต้องการความสงบ ความเป็นส่วนตัว ไม่ได้ต้องการประกาศให้โลกรู้ ว่าต้องทำอะไร กินอะไร อยู่ตรงไหน ....เราบอกเราเข้าใจ แต่เราแค่รู้สึกเราน้อยใจ เสียใจ ว่าทำไม คำถามแค่นี้ ....ถึงกลายเป็นปัญหาใหญ่ได้ จบการสนทนานี้ไป ...เขาก็ออกไป ...เรารู้สึกอึดอัดเลยออกไปหาร้านนั่ง สักแป๊บแล้วเราก็กลับบ้าน

เรื่องที่สอง การพูดคุยกัน มีครั้งนึง เขาถามเราว่ารู้สึกรักเขาบ้างไหม เราไม่ได้ตอบ แต่เราบอกว่า ไม่มีผู้หญิงคนไหนหอบผ้าหอบผ่อนมาอยู่ โดยที่เขาไม่รู้สึกอะไร การที่มาอยู่ด้วย แสดงว่ามั่นใจ และ อยากสร้างครอบครัวด้วยกัน และ คุณก็เป็นคนบอกเองความรักมันอยู่ได้ไม่นาน ต่างจากความเข้าใจที่ทำให้คนอยู่กันได้ไปตลอดรอดฝั่ง แล้วถามทำไมว่ารักหรือเปล่า เขาก็เงียบ เราเลยถามว่า เป็นอะไร น้อยใจเหรอ เขาบอกเปล่า แค่รู้สึกแต่ไม่ได้อะไร

สุดท้าย ถึงวันนี้ พอมีเรื่องราวเกิดขึ้น ชั่งน้ำหนัก ความทุกข์ ความสุข เรามองว่ามันอย่างละครึ่งๆ แต่แฟนเรามองว่าเขารู้สึกทุกข์มากกว่า สุข จึงให้เราคิดทบทวนใหม่ และ เขาบอกว่า พอเจอการคุยกัน และ การกระทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า (การกระทำ หมายถึง เวลาทะเลาะกัน เราเลือกที่จะออกไปข้างนอกสูดอากาศ สงบสติ แล้วค่อยกลับมา)  มันทำให้เขาคิดว่า เขาไม่อยากใช้ชีวิต หรือ สร้างครอบครัวอีกแล้ว เขาเบื่อกับเหตุการณ์แบบนี้ เพราะเขามองไม่เห็นมัน และ มันไกลห่างสำหรับคำว่าครอบครัวมาก และตอนนี้ใจเขาก็ห่างแล้วด้วย

เราเลยถามว่า คำว่าอภัย ให้โอกาสที่ผ่านมา มันไม่สำคัญแล้วหรือ แล้วพูดทำไม ให้โอกาสกัน ให้อภัยกัน เมตตากัน ...แต่พอมีปัญหา ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไร คำว่าชีวิตคู่มันควรอดทนมากกว่านี้หรือเปล่า ...และเราทั้งสองก็อยู่ในสภาวะปรับตัวกันหลายๆอย่าง

เขาบอกว่า ก็ให้คิดทบทวนแล้วกัน เขาจะเป็นแบบนี้อย่างที่เขาบอก ยังอยากจะอยู่กับเขาอีกไหม และ ถ้าอยากอยู่ก็ต้องทำตัวใหม่ ไม่ใช่แบบทุกวันนี้ 

ตอนนี้ เราคิดถึงแต่สิ่งที่เขาพูดออกมา บอกตรงๆไม่ได้รู้สึกเสียใจ หรือ เจ็บปวดอะไร เหมือนหัวใจเรามันเฉยๆ แต่ความรู้สึกมากกว่าที่เราเสีย ....เหมือนแพลนที่วางไว้ หลายเรื่องต้องพังลง  

และคำสุดท้ายที่เราบอกเขาไว้ก็คือ นี่คือเหตุผลที่ส่วนนึงยังรักคุณไม่ได้ เต็มร้อย และ ไม่รู้ว่าคำพูดคำนี้ เขาก็ติดใจเหมือนเกัน ....

ถึงตอนนี้เราว่า โรคซึมเศร้าที่เราเป็นอยู่ มันดูกลับมาอีก ดูรุนแรงอีก และ โรคนี้เขาก็เรียกว่า โรคโง่ๆ 
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่