🦢 อ่านอ่านไปเหอะ 🦢 : จาก 3 กลายเป็น 8 และประเด็นสำคัญกลุ่มทีมลุ้นแชมป์!

จบไปแล้วกับเกมที่เป็น Milestone 1/5 ของฤดูกาลนี้ เรียกได้ว่าเป็นสัปดาห์ทองของหงส์แดงจ่าฝูงในอย่างแท้จริงที่โชคเข้าข้างทำให้ทำแต้มฉีกหนีที่สองไปถึง 8 คะแนน เพราะเมื่อช่วงค่ำของวันเสาร์ก่อนจบเกมการแข่งขันไม่กี่อึดใจ พวกเค้ามีความเสี่ยงสูงมากที่จะโดนลดช่องว่างลงมาเหลือแค่ 3 คะแนนเมื่อจบสัปดาห์ แต่กลายเป็นว่าเมื่อเกมการแข่งขันของทีมแชมป์เก่าหมดเวลาลง สถานการณ์มันกลายเป็นเข้าทางหงส์แดงซะเต็มตัว และนี่คือประเด็นสำคัญของเกมที่ผ่านมาครับ


54 เกมที่มิลนี่ยิงได้ ไร้พ่าย 100% จ้ะ


1. หงส์แดงไม่ละเมียดแต่ก็ 3 แต้มอีกแล้ว - ลิเวอร์พูลเดินเกมรุกใส่จิ้งจอกสยามอยู่ตลอดเวลา ซึ่งแสดงถึงจุดมุ่งหมายที่ชัดเจนว่าต้องการแค่ 3 คะแนนเท่านั้น  ในเกมจะเห็นว่าหลังจากได้ประตูขึ้นนำ พวกเค้าก็มีโอกาสมากมายที่จะฉีกสกอร์ให้ห่าง แต่ก็หยุดอยู่ที่ประตูเดียวนั้นล่ะ ทำให้โอกาสของทีมเยือนยังเปิดอยู่ตลอดเวลา ซึ่งมันเป็นเพราะการขาดความคมของพวกเค้านั่นเอง

2. เลสเตอร์คมกริบ - ต้องยอมรับว่าฟอร์มการทำประตูของลูกทีม BR ในช่วงนี้มันช่างร้อนแรงเหลือเกิน โอกาสยิงเข้ากรอบแค่ครั้งเดียวในเกมเปลี่ยนให้เป็นประตูตีเสมอได้อย่างยอดเยี่ยม


แมดดี้เก่งขึ้นเรื่อยๆ ย้ายทีมแน่ๆถ้าเล่นแบบนี้


3. ฟานไดจ์ก็แค่คนธรรมดาคนนึง - หลังจากเล่นได้อย่างพีคตลอดเวลามาถึงฤดูกาลกว่าๆติดต่อกัน เกมนี้ฟานไดจ์ก็มีหลุดให้เห็นอีกครั้งในจังหวะที่ประกบพลาดและปล่อยให้แมดดิสันหลุดมายิงประตูตีเสมอ นี่คืออีกหนึ่งปัญหาที่กำลังจะเกิดกับหงส์แดง ไม่ใช่เรื่องฟอร์มของฟานไดจ์ แต่เป็นเรื่องความสำคัญของเค้ากับทีมที่ไม่มีใครทดแทนได้ การเล่นติดต่อกันในทุกๆเกม มันย่อมทำให้เค้าเหนื่อยและล้าสะสม ถ้าโชคดีหน่อยเค้าก็คงลงเล่นได้เรื่อยๆ แต่ฟอร์มคงจะไม่เทพจุติตลอดเวลา แต่ถ้าเค้าบาดเจ็บขึ้นมาก็ไม่รู้ว่าจะแก้สถานการณ์อย่างไรเช่นกัน


ลอฟเรนเล่นไม่เหมือนกับว่าเพิ่งลงตัวจริงเกมแรกเลย


4. อาเดรียนกับทีมชาติสเปน - ฟอร์มของนายทวารไร้ค่าตัวในเวลานี้คือพีคสุดๆเท่าที่จะทำได้แล้ว เกมถัดไปคือศึกแดงเดือดซึ่งโอกาสที่เค้าจะได้ลงสนามน่าจะ 50/50 เพราะอลิสซอนน่าจะฟิตทันเกมนี้พอดี ถ้าวัดกันเฉพาะฟอร์มในนาทีนี้มันก็น่าลุ้นอยู่เหมือนกันว่าเค้าอาจจะมีโอกาสคิดทีมชาติในอนาคตก็เป็นได้ แต่การที่อลิสซอนกลับมาก็คงทำให้โอกาสในการเป็นมือหนึ่งในทีมของเค้าจบลงทันที เพราะถึงแม้ฟอร์มจะดียังไงแต่ก็คงเทียบฝีมือกับอลิสซอนยากอยู่ดี และคงปิดประตูการลุ้นติดทีมชาติลงไปด้วยอย่างแน่นอน ยังไงก็ตามมองไปที่จุดเริ่มต้นจากการเป็นนักเตะไร้สังกัด กลายมาเป็นมือหนึ่งของทีมลิเวอร์พูลในช่วงสั้นๆ และอาจจะยึดสถิติชนะ 100% ในการลงเล่นเกมลีคกับหงส์แดงเข้าไปอีกหนึ่งอย่าง เท่านี้ก็น่าจะเกินความคาดหวังจากจุดแรกที่เค้ายืนอยู่ไปมากแล้ว และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งดีๆ ที่แสดงให้เห็นว่าขุมกำลังในเชิงลึกของหงส์แดงก็ดูดีไม้น้อยเลยทีเดียว


อาเดรียนถึงจะเล่นดียังไงก็ต้องเตรียมหลีกทางให้พี่หมี


5. โอรีกี้ของดีข้างสนาม - ความวูบวาบของกองหน้าเบลเจี้ยนผู้นี้เป็นสิ่งที่เข้ากับระบบของคลอป ในฐานะกองหน้าตัวสำรองเบอร์หนึ่งเค้ามีครบทุกทักษะที่จำเป็น ประกอบกับลักษณะทางกายภาพที่ยอดเยี่ยม เมื่อรวมกับทัศนคติที่มุ่งมั่นและหาได้ยากในกลุ่มนักเตะกำลังสำรอง นี่ล่ะคือว่าที่ตำนาน Super-sub ของลิเวอร์พูลในเวลานี้

6. ดวง + ความมุ่งมั่น - เกมล่าสุดที่แอนฟิลด์กำลังจะจบด้วยความเซ็งของเจ้าบ้านที่ใช้โอกาสอย่างสิ้นเปลือง แต่ด้วยจิตใจที่แข็งแกร่งทำให้หงส์แดงเร่งพลังบุกอย่างไม่ลดละ และก็ได้ประตูชัยจากจุดโทษที่มีดวงนิดๆ แต่ที่สำคัญคือกฝทัศนคติแห่งชัยชนะนี่ล่ะที่ทำให้พวกเค้าไม่ต้องเสียสองแต้มสุดสำคัญไปในเกมนี้


ถึงจุดโทษจะมีโชคนิดๆ แต่มันเริ่มต้นจากความมุ่งมั่นในชัยชนะ


7. BR ย่ามใจไปหน่อย - เกมนี้ทีมเยือนเล่นได้อย่างมีวินัยและมีทรงบอลที่ดี ถึงแม้คุณภาพผู้เล่นจะเป็นรองแต่การที่ทีมเล่นอย่างเป็นระบบ มันก็ไม่ได้ทำให้รูปเกมเลวร้ายจนสู้ไม่ได้ ความผิดพลาดส่วนตัวในจังหวะสำคัญของเกม นำมาซึ่งสามประตูในเกม ถ้ามองให้ละเอียดอีกหน่อย หลังจากที่ทีมของ BR เร่งเกมบุกจนตีเสมอได้ พวกเค้าก็ยังเล่นแบบเดิม นั่นก็เป็นการเปิดทางให้หงส์แดงทำเกมรุกได้ง่ายขึ้น จนในที่สุดก็นำไปสู่จุดโทษและประตูชัย ด้วยสถานการณ์แบบนี้ที่ทีมออกตัวได้ค่อนข้างดีและไม่ได้โดนมองว่าเป็นทีมตัววาง ดังนั้นทีมจิ้งจอกสยามไม่ต้องคิดอะไรมากนอกจากเล่นเอนเตอร์เทนแฟนบอลไปแบบนี้ล่ะ แต่ถ้าทีมสามารถยกระดับตัวเองไปอีกขั้นเมื่อไร BR คงต้องวางแผนให้รัดกุมไปกว่านี้ ที่พูดมาคือเค้าทำได้เยี่ยมแล้ว แต่จะเจ๋งไปกว่านี้ได้อีกครับ


BR ใช่จริงๆสำหรับจิ้งจอกสยาม


8. เรือใบที่ขาดลม - การขาดลาปอร์ตพร้อมกับเดบรอยด์แสดงผลชัดเจนที่สุดในเกมเจอกับหมาป่าเกมนี้ แมนซิตี้ขาดความคมในเกมรุก ขณะเดียวกันในเกมรับก็ขาดความพิเศษที่จะจัดการกับเกมโต้กลับของทีมเยือนจนนำมาซึ่ง 2 ประตู นี่ยังไม่นับโอกาสหลุดเดียวอีก 3 ครั้งในครึ่งแรกที่ควรจะเป็นประตูบ้างนะครับ  ถ้าในช่วงที่เรือใบขาดสองกำลังพลสำคัญแบบนี้ คู่แข่งทุกทีมสามารถเล่นได้อย่างอดทนกับเหมือนกับวูลฟ์ ก็ไม่รู้นะครับว่าจะมีเกมพลิกล้อคแบบนี้ให้เห็นอีกหรือเปล่า คำพูดที่ว่า "เกมรุกทำให้แฟนบอลรักและเกมรับจะให้ทีมเป็นแชมป์" ตอนนี้มันช่างจี๊ดโดนในเหล่าซิติเซ็นเหลือเกิน แต่ด้วยศักยภาพของเรือใบผมเชื่อว่ามันก็เป็นแค่อุบัติเหตุในเกมฟุตบอล และพวกเค้าคงจะกลับมาอย่างหฤโหดอีกครั้งในเกมถัดไปเป็นแน่แท้ คิดแล้วก็สงสารพาเลสแทนจริงๆครับ 😅😅


โดนทิ้ง 8 แต้มตั้งแต่ไก่โห่ เป๊ปจะแก้ปัญหายังไงนะ


9. ห่าง 8 แต้มจากเกมที่เท่ากัน - นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หงส์แดงทำแต้มนำที่สองห่างไกลแบบนี้ เพราะเคยทิ้ง 10 แต้มในฤดูกาลก่อนและถ้าจำไม่ผิดก็เคยเกิดขึ้นในยุคของราฟามาแล้ว แต่ว่า 2 ครั้งนั้นเป็นเพราะลิเวอร์พูลเตะล่วงหน้าก่อนชาวบ้าน  ส่วนครั้งนี้คือสิ่งที่แตกต่างเพราะมันคือจำนวนเกมที่ลงเตะเท่ากัน ก็นับเป็นสถิติใหม่ที่เดินหน้าผลิตออกมาจากค่ายแอนฟิลด์เรื่อยๆ แต่มันก็ไม่ได้สำคัญอะไรเพราะสถิติเดียวที่พวกเค้าต้องการเบรคให้ได้มันก็คือแชมป์พรีเมียร์ลีคเท่านั้นครับ 🤩

10. หรือว่าไก่เดือยทองผ่านจุดพีคไปแล้ว - เป็นที่น่าตกใจว่าฟอร์มอันย่ำแย่ของสเปอร์สในฤดูกาลนี้มีสาเหตุมาจากอะไร ก่อนเริ่มฤดูกาลแฟนบอลน้องไก่คงหวังกับพัฒนาการของทีมไว้พอสมควร และโดนมองว่านี่คืออีกทีมที่จะเป็นผู้ร่วมลุ้นแชมป์ในฤดูกาลนี้ เพราะพวกเค้าไม่ได้เสียกำลังสำคัญไปแม้แต่คนเดียว กลับกันยังได้นักเตะเกรดดีเข้าทีมมาอีก 2-3 คน จึงไม่มีใครคาดคิดว่าฟอร์มจะถอยหลังได้ขนาดนี้ พวกเค้าไร้ปัญญาชนะทีมต่ำชั้น รวมถึงสองเกมล่าสุดที่โดนถลุงไป 10 ประตู มันคงเป็นสัญญาณบางอย่างที่ถูกส่งออกมาจากทีม ซึ่งมีหลายประเด็นมากมาย เช่น นักเตะสำคัญอย่างอิริคเซ่นและอัลเดอไวลด์ เริ่มออกตัวชัดเจนว่าต้องการวิ่งหาความสำเร็จ และยังไม่รวมพวกภัยเงียบจากนักเตะคนอื่นๆที่ยังไม่ได้แสดงตัวออกมาอีก 😨 ทำให้อดคิดไม่ได้เหมือนกันว่า ฤดูกาลที่แล้วมันคือจุดสูงสุดที่พอชและลูกทีมชุดนี้ทำร่วมกันได้หรือเปล่า เพราะฟอร์มที่สวนทางกับการลงทุนแบบนี้ ถ้าบอร์ดบริหารใจร้อนที่จะปรับเปลี่ยนอะไรขึ้นมา ทีมที่เต็มไปด้วยนักเตะพรสวรรค์มากมายชุดนี้ มีโอกาสกลายเป็นดาวกระจายได้อย่างง่ายดาย และคงทำให้เหล่าสาวกไก่เดือยทองหัวใจสลาย เพราะกว่าจะมาถึงวันนี้ พวกเค้าอดทนรอมากี่ทศวรรษกันแล้วก็ไม่รู้ 😭


จากทีมลุ้นแชมป์ กลายเป็นลุ้น UCL และไม่รู้ว่าจะ down ลงไปกว่านี้อีกรึเปล่า


ทั้งหมดนี้ก็เป็นแค่บทสรุปเล็กๆ ในเกมที่เพิ่งผ่านไป ยังมีอีกตั้ง 30 เกมให้ลุ้น สำหรับลิเวอร์พูลเองเค้ากำลังอยู่ในเส้นทางที่สวยงามถ้ามองจากสิ่งที่เห็นในตาราง การเล่นด้วยฟอร์มของตัวเองแค่ 60-70% ในบางเกมและยังได้ผลการแข่งขันที่ต้องการถือเป็นจุดแข็งของทีมชุดนี้ ซึ่งเบื้องหลังมันเกิดจากทัศนคติแห่งการไม่ยอมแพ้จนนำมาซึ่งโอกาส + วาสนา จนทำให้ทีมได้รับชัยชนะในที่สุด และทำให้ย้อนนึกถึงผีแดงในยุคของท่านเซอร์ที่เล่นแบบหวังผลได้ตามใจแทบทุกครั้งในช่วงเวลาที่สำคัญๆ จนทำให้ทีมผู้ตามท้อและแพ้ภัยตัวเอง

อย่างไรก็ตามนี่เป็นแค่จุดเริ่มต้นของฤดูกาลเท่านั้นเอง เพียงแต่คำว่า "เริ่มต้นดี มีชัยไปกว่าครึ่ง" มันมองเห็นได้ชัดเจนเท่านั้นเอง 🥰

ฤดูกาลยังอีกยาวไกล เกมหน้าหงส์แดงจะต้องไปเยือนโรงละครแห่งความฝัน สถานที่ที่เป็นอีกจุดสำคัญที่ทำให้พลาดแชมป์ลีคเมื่อฤดูกาลก่อน ถ้าปีนี้เค้าคว้าสามแต้มออกมาได้ คงเป็นการข้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองได้อีกครั้งหนึ่ง และก็อาจจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญอีกครั้งกับแมนยูก็เป็นได้ เบรคทีมชาติเสร็จแล้วค่อยกลับมาลุ้นกันครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่