แบ่งปันความรู้ด้าน ISO ข้อมูลเบื้องต้น ISO คืออะไร ?

   เนื่องจากประสบการณ์ทำงานที่ผ่านมาทำงานสายคุณภาพ และการวางระบบการบริหารจัดการด้านต่าง ๆ ในหลากหลายบริษัท และผันตัวมาเป็นที่ปรึกษาการจัดการด้านคุณภาพ และการวางระบบมาตรฐาน ISO ต่าง ๆ จึงอยากนำความรู้ที่มีมาแบ่งปันให้กับ หลาย ๆ ท่านที่มีข้อสงสัย เรื่องมาตรฐาน ISO อย่างน้อย ๆ ความรู้ที่ได้ อาจจะมีประโยชน์สำหรับผู้ที่ต้องเริ่มวางระบบ ISO หรือนักศึกษาจบใหม่ ๆ ที่ต้องการความรู้เผื่อต้องใช้ในการสัมภาษณ์งาน ในองค์กร หรือบริษัทที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO ไปแล้ว 
    
     เอาล่ะค่ะก่อนอื่น เรามารู้จักกันก่อนว่ามาตรฐาน ISO มันคืออะไร มีที่มาที่ไปยังไงแน่ ถ้าหลาย ๆ ท่าน ไป Search google จะพบความหมายดังนี้ 
    "ISO มาจากคำว่า International Organization for Standardization (ISO) เป็นมาตรฐานการวัดคุณภาพองค์กรต่างๆ เพื่อรับรองระบบการบริหารและการดำเนินงานขององค์กรในแต่ละประเทศเพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก" สงสัยอะไรเหมือน จขกท. มั้ยคะ 

    แต่ด้วยความขี้สงสัยของ จขกท. ในช่วงแรก ๆ ที่เริ่มทำ ISO (นานมากนะคะยุคนั้นยังไม่มี google หรืออาจจะมี แต่ไม่นิยมนัก ) ถ้า ISO มาจากคำว่า International Organization for Standardization จริง เหตุใดจึงไม่ตั้งชื่อย่อเป็น IOS ที่จะตรงมากกว่า จนมีอาจารย์ที่ปรึกษา ณ เวลานั้นที่บริษัท เริ่มทำ ISO (ประมาณปี 2545) บอกแค่ว่า ISO ที่จริงมาจากภาษากรีก คือ ISOS อ่านว่า ไอซอส แปลว่า เท่ากัน ก็พอเข้าใจได้ แต่...ทำไมต้องใช้คำนี้ล่ะ 

     จนผ่านเวลามา มาหาข้อมูลอีกครั้ง ความจริงของที่มาของ ISO คือ 
      "มาตรฐาน ISO เริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 1946 เมื่อตัวแทนจาก 25 ประเทศมาประชุมกันที่สถาบันวิศวกรโยธา กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ และที่ประชุมมีมติที่จะสร้างมาตรฐานนานาชาติ ดังนั้น ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 1947 จึงเกิดองค์กรใหม่ เพื่ออำนวยความสะดวกในการประสานงานระหว่างประเทศและการรวมกันของมาตรฐานอุตสาหกรรม ISO จึงได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ ณ เวลานั้น
      ตั้งแต่นั้นมา ISO ได้เผยแพร่มากกว่า 22,811 มาตรฐานสากลครอบคลุมเกือบทุกด้านของเทคโนโลยีและการผลิต"

     เพราะฉะนั้น เมื่อไหร่ที่เราเห็นมาตรฐาน อะไรก็ตามที่ขึ้นต้นด้วย ISO ให้เข้าใจได้ว่า เป็นมาตรฐานสากลที่ถูกจัดทำขึ้น โดยองค์กรดังกล่าวนี้ 

     แล้วคำว่า ISO มาได้อย่างไรล่ะ ? จากที่ประชุมในกรุงลอนดอนครั้งนั้นมีคำถามว่าองค์กรใหม่ ที่ตั้งขึ้นควรจะมีชื่อว่าอะไรดีล่ะ ? ในแต่ละประเทศ จะมีตัวย่อที่แตกต่างกันในภาษาต่าง ๆ (สหราชอาณาจักร และ สหรัฐอเริกา เรียกว่า IOS หรือ International Organization for Standardization  , ประเทศฝรั่งเศษ เรียกว่า Organisation internationale de normalisation หรือ OIN ในภาษาฝรั่งเศษ) ผู้ก่อตั้งจึงตัดสินใจให้ ISO สั้น ISO มาจากภาษากรีก isos ซึ่งมีความหมายเท่าเทียมกัน ไม่ว่าประเทศใดก็ตามไม่ว่าจะใช้ภาษาใดก็ตามเราก็เป็น ISO เสมอ

“Things are going the right way!”

     ปัจจุบัน International Organization for Standardization  มีประเทศสมชิกทั้งหมด 167 ประเทศทั่วโลก โดยมีสำนักงานใหญ่ อยู่ที่กรุงเจนีวา         ประเทศวิสเซอร์แลนด์ และ ประเทศไทยเริ่มเข้าเป็นสมาชิกสมบูรณ์ใน ISO ตั้งแต่ พ.ศ. 2509 โดยมีสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ซึ่งเป็นสถาบันมาตรฐานแห่งชาติทำหน้าที่เป็นผู้แทนประเทศไทยเป็นสมาชิกสมบูรณ์ใน ISO

  Note 1* สมาชิกสมบูรณ์ หมายถึง เป็นตัวแทนทางด้านการมาตรฐานของประเทศ แต่ละประเทศจะมีหน่วยงานซึ่งทำหน้าที่สมาชิก ISO เพียงหน่วยงานเดียว 
  
ประเทศไทย ได้เข้าร่วมดำเนินงานกับ ISO ทั้งทางด้านบริหารและวิชาการ ดังนี้
           - งานด้านบริหาร  ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกในคณะกรรมการกำหนดนโยบาย โดยพิจารณาให้ข้อคิดเห็น และดำเนินการตอบออกเสียงให้ข้อคิดเห็น รวมทั้งส่งผู้แทนไปเข้าร่วมประชุมประจำปีและแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกับบรรดาสถาบันมาตรฐานต่างๆ
          - งานด้านวิชาการปัจจุบัน สมอ. ได้เข้าร่วมกิจกรรมด้านวิชาการโดยเป็นสมาชิกประเภทร่วมทำงาน (P-member) ในคณะกรรมการวิชาการและคณะอนุกรรมการวิชาการ รวม 90 คณะ และเป็นสมาชิกประเภทสังเกตการณ์ (O-member) รวม 205 คณะ

Note 2* แหล่งที่มาของข้อมูล www.iso.org  และ  www.tisi.go.th
     
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่