ดิฉันแต่งงานกับสามีต่างชาติมา 15 ปี มีลูกด้วยกัน 1 คน ตั้งแต่แต่งงานก็ย้ายไปอยู่ ตปท ชีวิตดีมาก หรือแม้เขาจะไม่โรแมนติคแต่เขาก็โทรหาเราทุกคนเวลาเราออกไปทำงานหรือไปนอกบ้าน อยู่บ้านทุกวัน ไปไหนด้วยกันตลอด (เขาขับรถไม่เป็น)
หลังแต่งงานได้ 1 เดือน ดิฉันก็ได้งานทำในเมืองของเขาทันที จนท้องและลาคลอด จากนั้นก็เลี้ยงลูกที่บ้าน และเริ่มทำธุรกิจส่วนตัว จนฐานะดีขึ้นมาก เพราะธุรกิจของดิฉัน สามีทำงานแบงค์ (และไม่เคยทำงานอีกเลยจนถึงทุกวันนี้ มีเล่นหุ้นนิดหน่อย) จึงได้ลาออกและ รับ ส่งลูกที่ รร และพาลูกไปเล่นกีฬาตอนเย็น
10 ปีที่อยู่ใน ตปท เราไปด้วยกันทุกที่ เที่ยวด้วยกัน เป็นครอบครัวที่ปกติสุขดี จนวันนึงเริ่มเริ่มเบื่อ ตปท และชวนกันกลับมาอยู่ไทย เพราะอยากให้ลูกเรียนภาษาไทยด้วย เพราะลูกได้แต่ภาษาอังกฤษ
เราย้ายมาอยู่ไทย และมาสร้างบ้านกันอยู่ที่ ขอนแก่น ปี 2013 ช่วง 3 ปีแรก เขาปรับตัวได้ดี พาลูกเล่นกีฬา แต่ดิฉันทำงานที่บ้าน รับส่งลูก ปกติ เขาเริ่มจริงจังกับการให้ลูกเล่นกีฬา เพื่อขอทุนไป ตปท แต่ลูกไม่ค่อยชอบเล่นกีฬา ต่อมา ปี 2016 เราเลยให้เขากับลูกเข้าไปอยู่ที่ กทม เพื่อเรียนอินเตอร์ที่นั่น และเ่ล่นกีฬา เพราะเป็นศูนย์รวมเรื่องมีแข่งเยอะและครูฝึกเยอะกว่า โอกาสเยอะกว่า ฯลฯ โดยที่ดิฉันยอมเสียสละเฝ้าบ้านและดูแลบ้าน
ทั้งคู่หลงรัก กทม มาก เขาไม่เคยพาลูกกลับมาเยี่ยมดิฉันเลย มีแต่ดิฉันขับรถไปหาทุกๆ 1.5 เดือน ไปกลับ 14 ชม. หรือส่งลูกมาเยี่ยมดิฉัน จนเขาบอกให้ดิฉันขายบ้านไปอยู่ กทม เพราะขอนแก่นไม่มีอะไร บ้านหลังใหญ่ที่สร้างมา 5 ปี ด้วยราคาที่ค่อนข้างสูง จึงทำให้ขายยากมาก จนเมื่อ 3 เดือนที่แล้วลูกกับเขาทะเลาะกันหนักมา 1 วัน จนลูกหนีมาหาดิฉันที่ขอนแก่น และไม่ยอมกลับ กทม อีก เพราะไม่อยากอยู่กับพ่อ ดิฉันพาลูกเข้าเรียนใน รร แห่งใน ขอนแก่น และให้ลูกอยู่ด้วยถาวร ส่วนสามีเสียใจมากว่าลูกทิ้งเขามา เขาบอกจะไม่กลับจอนแก่น ดิฉันจึงปล่อย สุดท้าย 2 เดือนมา ดิฉันก็ไปรับเขากลับมาขอนแก่น เพราะไม่อยากทิ้งเขาไว้ที่ กทม คนเดียว แต่ดิฉันต้องจ่ายค่าเช่าคอนโดให้ทุกเดือนๆละ 30000 บาท เลยบอกใ้ห้ขากลับบ้าน เขาไม่อยากกลับ เพราะชอบ กทม มาก แต่สุดท้ายเขาก็ยอมกลับมา ซึ่งดิฉันคิดว่าเขาน่าจะดีขึ้น เพราะได้อยู่กับลูกและเรา เป็นครอบครัวอีกครึ่ง
แต่ตั้งแต่กลับมา เขาไม่มีความสุข เพราะเขาเบื่อ ไม่ทำงาน วันๆ ตื่นมาก็เล่นมือถือ ไอแพด นั่งดู netflix ทั้งวัน จิบชา กาแฟไปวัน และแทบจะไม่สนทนากับเรา ไม่ทานข้าวด้วย ไม่พาลูกไปเที่ยวด้วยกัน ไม่มีอะไรยุ่งเกี่ยวกันเลย ดิฉันแค่หาข้าวให้เขาทาน วางไว้บนโต๊ะ ถึงเวลาเขาก็มาหากินเอง ดิฉันรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทุกอย่างในบ้าน ทุกอย่างๆ จริงๆ โดยที่เขา่ไม่ออกสักบาทเดียว (มีเงินหุ้นแต่เก็บไว้ที่ตัวเอง มี เงิน 400000 บาทไทย แต่ไม่ถอนออกมา ขอเงินดิฉัน 500 บ้าง 1000 บ้าง ไม่สนใจว่าลูกเรียนอะไร สายไหน เสาร์ อาทิตย์ เรียนอะไร ไม่เคยออกไปไหนด้วยกัน วันทั้งวัน ตื่นมา เอาแต่บอกว่าเกลียดขอนแก่น เบื่อ ไม่มีอะไรทำ กทม มีรถไฟฟ้า และห้างให้เขาเดินเยอะแยะ พอดิฉันฟังก็รู้สึกเจ็บปวด เสียใจว่า เขาเลือก กทม เหนือ ครอบครัว เขาไม่มีงาน ไม่มีบ้าน ไม่มีครอบครัว ไม่มีเพื่อนสักคนที่ กทม มีแค่เวสป้าที่ดิฉันซื้อเป็นชื่อตัวเองให้เขาใช้ 1 คัน
ดิฉันคิดว่า เขาสนุกกับชีวิตแบบนั้น คือไปไหนก็ได้ เหมือนกลับไปเป็นโสดอีกครั้ง ไม่ต้องรับผิดชอบเราและลูก วันๆ ก็ไม่ทำอะไรสักอย่าง ช่วยงานบ้านก็ไม่เอาค่ะ ดิฉันเหนื่อยมากในแต่ละวัน เพราะทำงานบ้านทุกอย่าง ดูและเขา ลูกและหมา 4 ตัว ไหนจะทำธุรกิจส่วนตัวที่บ้านอีก ได้นอนวันละ 5 ชม มองสามีตัวเองในแต่ละวันที่ไม่เอาไหนสักวัน มันท้อแท้ เหนื่อยใจมากค่ะ ทะเลาะกันทุกวัน เพราะเขาบอกทำไมเราไปรับเขามาจาก กทม เราไม่ยอมปล่อยเขาไป กทม ฯลฯ
สุดท้ายดิฉันตัดสินใจที่จะปล่อยเขาไป โดยวางเงินมัดจำคอนโดใน กทม ให้เขา และให้เขาไปอยู่คนเดียวตามที่ต้องการ โดยเขาจะเดินทางไปอีก 1 เดือนข้างหน้า เขาไม่ต้องสนใจว่าลูกกับดิฉันจะอยู่อย่างไร ดูเหมือนเขามีความสุขที่จะได้ไป แทนที่จะมีความสุขที่ได้อยู่กับครอบครัว
แต่ปัญหาคือ ......ดิฉันให้เขาไปคะ ไปแต่ขอหย่า แต่เขาไม่ยอม เพราะเราก็คิดว่าทันทีที่สามีทิ้งเราไปกับลูก นั่นคือเขาหมดรักเราแล้ว และเขาก็ไม่คิดที่จะดูแลเราและลูกอยู่แล้ว ทำยังงัยก็ไม่หย่า แต่ไม่อยู่กับเราและลูก ดิฉันคิดว่า 1. เขาอาจจะห่วงเรื่องวีซ่า เพราะเขาอยู่ได้เพราะวีซ่าแต่งงาน เราต่อให้ทุกปี 2. เราทำทุกอย่างให้เขาและลูกมาตลอด โดยที่ชีวิตเขาสบายมาก ไม่ต้องทำอะไรสักอย่างเอง เราต้องสแตนบายคอยช่วยเขาเวลาที่เขาต้องการเรา
กลุ้มใจมากค่ะ ดิฉันต้องยอมให้เขาไป แล้วทำอะไรก็ได้ สนุกกับชีวิต กทม แล้วรอจนเขาเบื่อ กทม แล้วกลับมาหาเรา? ดิฉันอยากจะ move on กับชีวิต แต่เขาไม่ยอมหย่า เพราะถ้าหย่า เขาจะพา ผญมาห้อง หรือ ไปลองคบคนใหม่ มันจะได้ไม่ผิดกับเราไปมากกว่านี้ มันคาราคาซัง หาทางออกไม่ได้ค่ะ ขอคำแนะนำด้วยค่ะ
ปล. ลูกอย่างงัยก็ได้ค่ะ เขา 15 ปีแล้ว เข้าใจทุกอย่าง พ่อแม่หย่ากันก็ได้
ควรหย่า หรือแค่ปล่อยสามีให้ไปสนุกดีคะ?
หลังแต่งงานได้ 1 เดือน ดิฉันก็ได้งานทำในเมืองของเขาทันที จนท้องและลาคลอด จากนั้นก็เลี้ยงลูกที่บ้าน และเริ่มทำธุรกิจส่วนตัว จนฐานะดีขึ้นมาก เพราะธุรกิจของดิฉัน สามีทำงานแบงค์ (และไม่เคยทำงานอีกเลยจนถึงทุกวันนี้ มีเล่นหุ้นนิดหน่อย) จึงได้ลาออกและ รับ ส่งลูกที่ รร และพาลูกไปเล่นกีฬาตอนเย็น
10 ปีที่อยู่ใน ตปท เราไปด้วยกันทุกที่ เที่ยวด้วยกัน เป็นครอบครัวที่ปกติสุขดี จนวันนึงเริ่มเริ่มเบื่อ ตปท และชวนกันกลับมาอยู่ไทย เพราะอยากให้ลูกเรียนภาษาไทยด้วย เพราะลูกได้แต่ภาษาอังกฤษ
เราย้ายมาอยู่ไทย และมาสร้างบ้านกันอยู่ที่ ขอนแก่น ปี 2013 ช่วง 3 ปีแรก เขาปรับตัวได้ดี พาลูกเล่นกีฬา แต่ดิฉันทำงานที่บ้าน รับส่งลูก ปกติ เขาเริ่มจริงจังกับการให้ลูกเล่นกีฬา เพื่อขอทุนไป ตปท แต่ลูกไม่ค่อยชอบเล่นกีฬา ต่อมา ปี 2016 เราเลยให้เขากับลูกเข้าไปอยู่ที่ กทม เพื่อเรียนอินเตอร์ที่นั่น และเ่ล่นกีฬา เพราะเป็นศูนย์รวมเรื่องมีแข่งเยอะและครูฝึกเยอะกว่า โอกาสเยอะกว่า ฯลฯ โดยที่ดิฉันยอมเสียสละเฝ้าบ้านและดูแลบ้าน
ทั้งคู่หลงรัก กทม มาก เขาไม่เคยพาลูกกลับมาเยี่ยมดิฉันเลย มีแต่ดิฉันขับรถไปหาทุกๆ 1.5 เดือน ไปกลับ 14 ชม. หรือส่งลูกมาเยี่ยมดิฉัน จนเขาบอกให้ดิฉันขายบ้านไปอยู่ กทม เพราะขอนแก่นไม่มีอะไร บ้านหลังใหญ่ที่สร้างมา 5 ปี ด้วยราคาที่ค่อนข้างสูง จึงทำให้ขายยากมาก จนเมื่อ 3 เดือนที่แล้วลูกกับเขาทะเลาะกันหนักมา 1 วัน จนลูกหนีมาหาดิฉันที่ขอนแก่น และไม่ยอมกลับ กทม อีก เพราะไม่อยากอยู่กับพ่อ ดิฉันพาลูกเข้าเรียนใน รร แห่งใน ขอนแก่น และให้ลูกอยู่ด้วยถาวร ส่วนสามีเสียใจมากว่าลูกทิ้งเขามา เขาบอกจะไม่กลับจอนแก่น ดิฉันจึงปล่อย สุดท้าย 2 เดือนมา ดิฉันก็ไปรับเขากลับมาขอนแก่น เพราะไม่อยากทิ้งเขาไว้ที่ กทม คนเดียว แต่ดิฉันต้องจ่ายค่าเช่าคอนโดให้ทุกเดือนๆละ 30000 บาท เลยบอกใ้ห้ขากลับบ้าน เขาไม่อยากกลับ เพราะชอบ กทม มาก แต่สุดท้ายเขาก็ยอมกลับมา ซึ่งดิฉันคิดว่าเขาน่าจะดีขึ้น เพราะได้อยู่กับลูกและเรา เป็นครอบครัวอีกครึ่ง
แต่ตั้งแต่กลับมา เขาไม่มีความสุข เพราะเขาเบื่อ ไม่ทำงาน วันๆ ตื่นมาก็เล่นมือถือ ไอแพด นั่งดู netflix ทั้งวัน จิบชา กาแฟไปวัน และแทบจะไม่สนทนากับเรา ไม่ทานข้าวด้วย ไม่พาลูกไปเที่ยวด้วยกัน ไม่มีอะไรยุ่งเกี่ยวกันเลย ดิฉันแค่หาข้าวให้เขาทาน วางไว้บนโต๊ะ ถึงเวลาเขาก็มาหากินเอง ดิฉันรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทุกอย่างในบ้าน ทุกอย่างๆ จริงๆ โดยที่เขา่ไม่ออกสักบาทเดียว (มีเงินหุ้นแต่เก็บไว้ที่ตัวเอง มี เงิน 400000 บาทไทย แต่ไม่ถอนออกมา ขอเงินดิฉัน 500 บ้าง 1000 บ้าง ไม่สนใจว่าลูกเรียนอะไร สายไหน เสาร์ อาทิตย์ เรียนอะไร ไม่เคยออกไปไหนด้วยกัน วันทั้งวัน ตื่นมา เอาแต่บอกว่าเกลียดขอนแก่น เบื่อ ไม่มีอะไรทำ กทม มีรถไฟฟ้า และห้างให้เขาเดินเยอะแยะ พอดิฉันฟังก็รู้สึกเจ็บปวด เสียใจว่า เขาเลือก กทม เหนือ ครอบครัว เขาไม่มีงาน ไม่มีบ้าน ไม่มีครอบครัว ไม่มีเพื่อนสักคนที่ กทม มีแค่เวสป้าที่ดิฉันซื้อเป็นชื่อตัวเองให้เขาใช้ 1 คัน
ดิฉันคิดว่า เขาสนุกกับชีวิตแบบนั้น คือไปไหนก็ได้ เหมือนกลับไปเป็นโสดอีกครั้ง ไม่ต้องรับผิดชอบเราและลูก วันๆ ก็ไม่ทำอะไรสักอย่าง ช่วยงานบ้านก็ไม่เอาค่ะ ดิฉันเหนื่อยมากในแต่ละวัน เพราะทำงานบ้านทุกอย่าง ดูและเขา ลูกและหมา 4 ตัว ไหนจะทำธุรกิจส่วนตัวที่บ้านอีก ได้นอนวันละ 5 ชม มองสามีตัวเองในแต่ละวันที่ไม่เอาไหนสักวัน มันท้อแท้ เหนื่อยใจมากค่ะ ทะเลาะกันทุกวัน เพราะเขาบอกทำไมเราไปรับเขามาจาก กทม เราไม่ยอมปล่อยเขาไป กทม ฯลฯ
สุดท้ายดิฉันตัดสินใจที่จะปล่อยเขาไป โดยวางเงินมัดจำคอนโดใน กทม ให้เขา และให้เขาไปอยู่คนเดียวตามที่ต้องการ โดยเขาจะเดินทางไปอีก 1 เดือนข้างหน้า เขาไม่ต้องสนใจว่าลูกกับดิฉันจะอยู่อย่างไร ดูเหมือนเขามีความสุขที่จะได้ไป แทนที่จะมีความสุขที่ได้อยู่กับครอบครัว
แต่ปัญหาคือ ......ดิฉันให้เขาไปคะ ไปแต่ขอหย่า แต่เขาไม่ยอม เพราะเราก็คิดว่าทันทีที่สามีทิ้งเราไปกับลูก นั่นคือเขาหมดรักเราแล้ว และเขาก็ไม่คิดที่จะดูแลเราและลูกอยู่แล้ว ทำยังงัยก็ไม่หย่า แต่ไม่อยู่กับเราและลูก ดิฉันคิดว่า 1. เขาอาจจะห่วงเรื่องวีซ่า เพราะเขาอยู่ได้เพราะวีซ่าแต่งงาน เราต่อให้ทุกปี 2. เราทำทุกอย่างให้เขาและลูกมาตลอด โดยที่ชีวิตเขาสบายมาก ไม่ต้องทำอะไรสักอย่างเอง เราต้องสแตนบายคอยช่วยเขาเวลาที่เขาต้องการเรา
กลุ้มใจมากค่ะ ดิฉันต้องยอมให้เขาไป แล้วทำอะไรก็ได้ สนุกกับชีวิต กทม แล้วรอจนเขาเบื่อ กทม แล้วกลับมาหาเรา? ดิฉันอยากจะ move on กับชีวิต แต่เขาไม่ยอมหย่า เพราะถ้าหย่า เขาจะพา ผญมาห้อง หรือ ไปลองคบคนใหม่ มันจะได้ไม่ผิดกับเราไปมากกว่านี้ มันคาราคาซัง หาทางออกไม่ได้ค่ะ ขอคำแนะนำด้วยค่ะ
ปล. ลูกอย่างงัยก็ได้ค่ะ เขา 15 ปีแล้ว เข้าใจทุกอย่าง พ่อแม่หย่ากันก็ได้