เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เจอกับตัวเองเมื่อวานนี้เอง หลังจากตั้งสติทบทวนดูแล้วก็คิดว่าน่าจะนำเรื่องมาลงกระทู้มห้คนอื่นรับรู้และจะได้ระมัดระวังกันด้วย
เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อวานตอนสายๆเราพาลูก 2 ขวบไปหาหมอที่ รพ.ใน อ.ศรีราชา ปรากฏว่าที่จอดรถบนอาคารของ รพ.เต็ม จึงต้องออกไปจอดที่ลานจอดด้านนอกของ รพ. ซึ่งเมื่อไปถึง จนท.ลานจอดของ รพ.ก็บอกให้เราไปจอดที่ลานจอดรถอัตโนมัติ เพราะเป็นรถเล็ก เราก็ไปจอดตามนั้น ซึ่งไม่มีปัญญาใดๆ ปกติก็เคยขึ้นไปจอดอยู่ พอหาหมอเสร็จกลับมาที่รถ เอาบัตรไปให้ จนท.ลานจอด เค้าก็กดปุ่มเลื่อนเอารถเราลงมาให้ พอพอลิฟต์ลงมาจอดสนิทแล้ว จนท.ก็ให้สัญญาณว่าเข้าไปเอารถได้ เราก็อุ้มลูกเข้าไปเปิดประตูหลังกำลังจะเอาลูกนั่งที่เก้าอี้เด็ก ในตอนนั้นจู่ๆก็ได้ยินเสียงลิฟต์ทำงาน แล้วพื้นที่รถเราจะจอดอยู่ก็ขยับขึ้นข้างบน ตอนนั้นเราตกใจสุดขีด พอตั้งสติได้ก็รีบร้องบอก จนท.ว่าเรายังอยู่บนลานจอด ให้เค้ารีบหยุดลิฟท์ กว่าทุกอย่างจะหยุด ประตูรถที่เปิดตูก็ไปขัดกับสายเคเบิ้ลที่ใช้โยงลิฟต์แต่ละตัวไว้ จนท.บอกให้เราปิดประตู แต่มันปิดไม่ได้แล้ว เราแทบเสียสติไปแล้วตัวเราเองก็ยืนอุ้มลูกอยู่ระหว่างประตูกับรถ เราทำอะไรไม่ถูกเลย กลัวมากๆ กลัวโดนหนีบ กลัวประตูหลุดสลิงขาดสารพัด จนกระทั่งเค้ากดหยุดลิฟต์และเอาเราลงมาที่พื้น ก็มี จนท.คนนึงเดิมเข้ามาดูที่รถ เค้าก็ดูรอยที่ขอบประตูรถ แล้วบอกว่าแค่ถลอกๆ ไม่เป็นไรนะพี่ แล้วก็เดินออกไป เราก็รีบขึ้นรถแล้วขับลงมาจากลานจอด มาจอดข้างๆอาคารจอดรถนั่น กำลังนั่งเรียกสติเรียกขวัญตัวเองอยู่ จู่ๆ จนท.คนที่เดินเข้าไปหาเราในอาคารจอดก็เปิดประตูหลังรถเรา แล้วมาลูบๆดูรอยที่ขอบประตูอีกรอบ แล้วพยายามที่จะพูดกล่อมไม่ให้เราเรียกประกัน บอกว่าแผลไม่ใหญ่ให้เราไปซ่อมแล้วมาเรียกเก็บส่วนตัวกับเค้าเอา แก้ตัวว่าเพิ่งเข้ามาทำงานได้4เดือนเอง ยังทำงานไม่คล่องเลยผิดพลาด พยายามบอกว่ามันมืดมองไม่เห็นบ้าง มือพ่องงงงงสิ 11โมง แดดเปรี้ยงสว่างจ้าขนาดนี้ ณ ตอนนั้นถึงได้รู้ว่าเค้าเป็น จนท.vallet คือมีหน้าที่เอารถมาจอดให้ลูกค้าของ รพ. แล้วกำลังมาเอารถให้ลูกค้า ซึ่งเป็นคนละคนกับทจนท.ที่กดลิฟท์เอารถลงให้เราในตอนแรก โดยเค้ากดปุ่มลิฟท์เพื่อเอารถออกเอง ไม่ได้ให้ จนท.ประจำกดให้ โดยไม่ได้สังเกตุเห็นหรืออาจจะไม่ได้เช็กก่อน ว่ามีคนอยู่บนลานจอด มาถึงก็กดเลย
เราไม่รู้ว่าที่นี่เค้าแบ่งหน้าที่กันยังไง หรือว่าใครมาก็กดเองได้เหรอเรารู้สึกว่าที่นี่ ไม่มีระบบป้องกันด้านความปลอดภัยเลย เสี่ยงมากที่เข้าไปใช้งาน
และที่น่าโมโหมากที่สุด คือ เค้าห่วงแต่ตัวเองอ่ะ ไม่ถามเราสักคำว่าบาดเจ็บอะไรมั้ย ตกใจมากแค่ไหน อยากแต่จะปกปิดอุบัติเหตุ ไม่ให้แจ้งประกัน ซึ่งสุดท้ายแล้วเราก็เรียกประกันมานั่นแหละ ด้วยเหตุผลที่ว่า เราไม่อยากวุ่นวายตามเรื่องค่าเสียหายเอง และเราไม่ต้องการให้มีการปกปิดเรื่องนี้ ทาง รพ.ควรรับทราบเรื่อง และนำไปแก้ไข ก่อนที่จะมีอุบัติเหตุร้ายแรงเกิดขึ้น
พอจนท.ประกันมาถึง เค้าคุยกับคนก่อเหตุตกลงเรื่องขั้นตอนเรียกร้องค่าเสียหาย เราได้ใบเคลมมา1ใบ แล้วก็แยกย้ายกันไป
ตอนแรกก็อยากจะเข้าไปที่ รพ.พบฝ่ายบริหารเพื่อแจ้งเรื่อง แต่ก็ติดที่ลูกเริ่มงอแงมากขึ้นเพราะนั่งรอในรถนานมาก เลยเวลากินข้าวเที่ยงไปเยอะแล้ว เลยตัดสินใจพาลูกกลับบ้านก่อนละกัน ค่อยว่ากันใหม่
มาวันนี้สามีก็ถามเรื่องอุบัติเหตุอีกว่า แจ้งทาง รพ.รึยังเราก็บอกว่ายังไม่ได้แจ้ง และวันนี้ทั้งวันก็ไม่มีใครติดต่อมา แสดงว่าเรื่องยังไปไม่ถึงฝ่ายบริการ หรือไม่ก็ไม่ได้มีการแจ้งใดๆเลยก็เป็นได้ เพราะตอนที่ประกันมา ก็มีแค่ จนท.คนนั้นคนเดียวที่มาคุย เค้าไม่ได้เรียกหัวหน้าหรือคนอื่นมา
ตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะเข้าไปเขียนร้องเรียนที่ รพ. เพื่อให้ำเนินการปรับปรุงระบบความปลอดภัยของลานจอดให้มันดีขึ้นกว่านี้ ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่ควรเปิดใช้ ในระหว่างนี้ถ้าใครจะเข้าไปจอดก็เพิ่มความระมัดระวังด้วยตัวเองให้มากด้วยนะคะ ถ้ามีความคืบหน้าจะมาอัพเดทต่อค่ะ
เตือนภัย เฉียดตายบนลานจอดรถอัตโนมัติของโรงพยาบาลที่ศรีราชา
เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อวานตอนสายๆเราพาลูก 2 ขวบไปหาหมอที่ รพ.ใน อ.ศรีราชา ปรากฏว่าที่จอดรถบนอาคารของ รพ.เต็ม จึงต้องออกไปจอดที่ลานจอดด้านนอกของ รพ. ซึ่งเมื่อไปถึง จนท.ลานจอดของ รพ.ก็บอกให้เราไปจอดที่ลานจอดรถอัตโนมัติ เพราะเป็นรถเล็ก เราก็ไปจอดตามนั้น ซึ่งไม่มีปัญญาใดๆ ปกติก็เคยขึ้นไปจอดอยู่ พอหาหมอเสร็จกลับมาที่รถ เอาบัตรไปให้ จนท.ลานจอด เค้าก็กดปุ่มเลื่อนเอารถเราลงมาให้ พอพอลิฟต์ลงมาจอดสนิทแล้ว จนท.ก็ให้สัญญาณว่าเข้าไปเอารถได้ เราก็อุ้มลูกเข้าไปเปิดประตูหลังกำลังจะเอาลูกนั่งที่เก้าอี้เด็ก ในตอนนั้นจู่ๆก็ได้ยินเสียงลิฟต์ทำงาน แล้วพื้นที่รถเราจะจอดอยู่ก็ขยับขึ้นข้างบน ตอนนั้นเราตกใจสุดขีด พอตั้งสติได้ก็รีบร้องบอก จนท.ว่าเรายังอยู่บนลานจอด ให้เค้ารีบหยุดลิฟท์ กว่าทุกอย่างจะหยุด ประตูรถที่เปิดตูก็ไปขัดกับสายเคเบิ้ลที่ใช้โยงลิฟต์แต่ละตัวไว้ จนท.บอกให้เราปิดประตู แต่มันปิดไม่ได้แล้ว เราแทบเสียสติไปแล้วตัวเราเองก็ยืนอุ้มลูกอยู่ระหว่างประตูกับรถ เราทำอะไรไม่ถูกเลย กลัวมากๆ กลัวโดนหนีบ กลัวประตูหลุดสลิงขาดสารพัด จนกระทั่งเค้ากดหยุดลิฟต์และเอาเราลงมาที่พื้น ก็มี จนท.คนนึงเดิมเข้ามาดูที่รถ เค้าก็ดูรอยที่ขอบประตูรถ แล้วบอกว่าแค่ถลอกๆ ไม่เป็นไรนะพี่ แล้วก็เดินออกไป เราก็รีบขึ้นรถแล้วขับลงมาจากลานจอด มาจอดข้างๆอาคารจอดรถนั่น กำลังนั่งเรียกสติเรียกขวัญตัวเองอยู่ จู่ๆ จนท.คนที่เดินเข้าไปหาเราในอาคารจอดก็เปิดประตูหลังรถเรา แล้วมาลูบๆดูรอยที่ขอบประตูอีกรอบ แล้วพยายามที่จะพูดกล่อมไม่ให้เราเรียกประกัน บอกว่าแผลไม่ใหญ่ให้เราไปซ่อมแล้วมาเรียกเก็บส่วนตัวกับเค้าเอา แก้ตัวว่าเพิ่งเข้ามาทำงานได้4เดือนเอง ยังทำงานไม่คล่องเลยผิดพลาด พยายามบอกว่ามันมืดมองไม่เห็นบ้าง มือพ่องงงงงสิ 11โมง แดดเปรี้ยงสว่างจ้าขนาดนี้ ณ ตอนนั้นถึงได้รู้ว่าเค้าเป็น จนท.vallet คือมีหน้าที่เอารถมาจอดให้ลูกค้าของ รพ. แล้วกำลังมาเอารถให้ลูกค้า ซึ่งเป็นคนละคนกับทจนท.ที่กดลิฟท์เอารถลงให้เราในตอนแรก โดยเค้ากดปุ่มลิฟท์เพื่อเอารถออกเอง ไม่ได้ให้ จนท.ประจำกดให้ โดยไม่ได้สังเกตุเห็นหรืออาจจะไม่ได้เช็กก่อน ว่ามีคนอยู่บนลานจอด มาถึงก็กดเลย
เราไม่รู้ว่าที่นี่เค้าแบ่งหน้าที่กันยังไง หรือว่าใครมาก็กดเองได้เหรอเรารู้สึกว่าที่นี่ ไม่มีระบบป้องกันด้านความปลอดภัยเลย เสี่ยงมากที่เข้าไปใช้งาน
และที่น่าโมโหมากที่สุด คือ เค้าห่วงแต่ตัวเองอ่ะ ไม่ถามเราสักคำว่าบาดเจ็บอะไรมั้ย ตกใจมากแค่ไหน อยากแต่จะปกปิดอุบัติเหตุ ไม่ให้แจ้งประกัน ซึ่งสุดท้ายแล้วเราก็เรียกประกันมานั่นแหละ ด้วยเหตุผลที่ว่า เราไม่อยากวุ่นวายตามเรื่องค่าเสียหายเอง และเราไม่ต้องการให้มีการปกปิดเรื่องนี้ ทาง รพ.ควรรับทราบเรื่อง และนำไปแก้ไข ก่อนที่จะมีอุบัติเหตุร้ายแรงเกิดขึ้น
พอจนท.ประกันมาถึง เค้าคุยกับคนก่อเหตุตกลงเรื่องขั้นตอนเรียกร้องค่าเสียหาย เราได้ใบเคลมมา1ใบ แล้วก็แยกย้ายกันไป
ตอนแรกก็อยากจะเข้าไปที่ รพ.พบฝ่ายบริหารเพื่อแจ้งเรื่อง แต่ก็ติดที่ลูกเริ่มงอแงมากขึ้นเพราะนั่งรอในรถนานมาก เลยเวลากินข้าวเที่ยงไปเยอะแล้ว เลยตัดสินใจพาลูกกลับบ้านก่อนละกัน ค่อยว่ากันใหม่
มาวันนี้สามีก็ถามเรื่องอุบัติเหตุอีกว่า แจ้งทาง รพ.รึยังเราก็บอกว่ายังไม่ได้แจ้ง และวันนี้ทั้งวันก็ไม่มีใครติดต่อมา แสดงว่าเรื่องยังไปไม่ถึงฝ่ายบริการ หรือไม่ก็ไม่ได้มีการแจ้งใดๆเลยก็เป็นได้ เพราะตอนที่ประกันมา ก็มีแค่ จนท.คนนั้นคนเดียวที่มาคุย เค้าไม่ได้เรียกหัวหน้าหรือคนอื่นมา
ตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะเข้าไปเขียนร้องเรียนที่ รพ. เพื่อให้ำเนินการปรับปรุงระบบความปลอดภัยของลานจอดให้มันดีขึ้นกว่านี้ ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่ควรเปิดใช้ ในระหว่างนี้ถ้าใครจะเข้าไปจอดก็เพิ่มความระมัดระวังด้วยตัวเองให้มากด้วยนะคะ ถ้ามีความคืบหน้าจะมาอัพเดทต่อค่ะ