ใช่ค่ะ ดีใจในที่นี้คือ “เพื่อนกำลังจะแต่งงาน”
.
.
เรากับเพื่อนคนนี้รู้จักกันตอนม.ต้น ช่วง ม.3 เทอม 2 ตอนนั้นเราเพิ่งย้ายเข้ามาเรียนแล้วได้เรียนห้องเดียวกัน ขอเรียกเพื่อนคนนี้ว่า “เอฟ” นะคะ วันแรกที่รู้จักกันคือตอนที่คุณครูให้เราออกไปแนะนำตัวหน้าห้องให้เพื่อนๆได้รู้จัก ระหว่างนั้นมีคนปาชอล์กใส่หน้าเรา คุณครูเลยเรียกคนนั้นออกมายืนหน้าห้อง แล้วบอกให้เขาขอโทษเรา และแนะนำตัวให้เรารู้จัก
ใช่ค่ะเป็นใครไปไม่ได้ นั่นก็คือ “เอฟ” ถ้าถามว่าแล้วเรา2คนมาเป็นเพื่อนกันได้ไง ทั้งๆที่มันนิสัยเสียตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน ก็เพราะนิสัยมันเป็นคนชอบแกล้งเนี่ยแหละค่ะ ทำให้เรา2คนสนิทกันไว วันแรกคุณครูก็จัดตารางเวรทำความสะอาดใหม่ แล้วบังเอิญเราได้ทำเวรวันเดียวกับเอฟ (อะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้นนนนนน) ระหว่างวันคาบเรียนช่วงบ่ายเป็นวิชาภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นวิชาที่เราชอบและถนัด คาบแรกคุณครูก็สั่งงานให้แปลบทความ
ตอบคำถาม บลาๆๆ เพื่อนกลุ่มผู้หญิงเห็นว่าเราถนัดภาษาอังกฤษเลยขอให้เราช่วยติวให้ ซึ่งกลุ่มนี้สนิทกับกลุ่มเอฟเลยชวนกลุ่มเอฟมาติวด้วย
เราเลยกะจะเอาคืนเอฟ โดยการแกล้งทำไม่พูด ไม่ตอบ ไม่สนใจ เวลามันถามหรือสงสัย ถามว่าได้ผลไหม? บอกเลยว่า... ไม่ได้5555

เพราะกลายเป็นว่ามันยิ่งแกล้งเรามากขึ้น หลังจากที่ติวกันเสร็จก็แยกย้ายกันกลับบ้าน ส่วนเราต้องเดินไปนั่งรอรถตู้มารับหลังโรงเรียน ระหว่างที่เดินกลับเอฟมันก็เดินมาสะกิดด้านหลัง ถามเราว่า “แกเดินกลับทางนี้หรอ?” เราก็บอกว่า “อือ” แล้วเราก็เดินต่อไม่พูดอะไร พอถึงหลังโรงเรียน เอฟมันก็ตะโกนบอก“นั่งรถกลับดีๆนะ” ตอนนั้นเราคิดในใจ (อะไรของมันว่ะ วันนี้ทั้งวันแกล้งเราเกือบตาย พอจะกลับบ้านทำมาเป็นห่วง)
พอกลับมาถึงบ้าน เราก็เคลียร์งาน ระหว่างนั้นเฟสบุ๊คมันแจ้งเตือนขึ้น เอฟมัน Add Friend
ตอนนั้นก็ตกใจนะว่ารู้เฟสเราได้ไงยังไม่ทันบอกเลย สักพักมันก็ทักมาหาเราบอกช่วยสอนการบ้านหน่อย เราก็เลยบอกมันว่า “งั้นมาสัญญากับเราก่อน ว่าจะแกล้งเราให้น้อยลงแล้วเราจะสอนการบ้านให้” เอฟบอกว่า “โอเค ก็ได้” แล้วหลังจากวันนั้นมันก็ทักมาให้สอนการบ้านทุกคืนไม่ใช่แค่วิชาภาษาอังกฤษนะ แต่ทุกวิชาเลย ทำให้เรา2คนสนิทกันมากขึ้น ตอนเช้าเอฟมันก็จะมายืนรอเราหน้าโรงเรียนเดินเข้าโรงเรียนพร้อมกัน เวลาเปลี่ยนคาบเรียนก็จะเดินไปด้วยกันเป็นกลุ่มใหญ่ทั้งกลุ่มเราและกลุ่มเอฟ พอตอนเย็นหลังเลิกเรียนเอฟก็เดินไปส่งหลังโรงเรียน เพราะเป็นทางเดินกลับบ้านมันอยู่แล้ว ใช่ค่ะทุกอย่างตอนนั้นโอเคมาก ทำให้เรารู้สึกดีเวลาอยู่ใกล้เอฟ มันมีความสุขมากเพราะเอฟทำให้เรายิ้มและหัวเราะได้ตลอด จนเราแอบชอบเอฟไปตั้งแต่ตอนไหน
เราเองก็ยังไม่รู้ตัวเลย

แต่เราก็ทำตัวปกติมันเลยไม่รู้ว่าเราแอบชอบมัน ขนาดเพื่อนในกลุ่มผู้หญิงยังไม่มีใครรู้สักคน
ช่วงหลังปีใหม่โรงเรียนมีการจัดแข่งขันฟุตซอลภายใน ตอนนั้นผู้ชายกลุ่มเอฟลงแข่งทุกคน ยกเว้นเอฟคนเดียวที่ไม่แข่ง ความที่เราขี้สงสัยเห็นมันนั่งดูเพื่อนแข่งอยู่เลยไปนั่งดูข้างมัน แล้วถามมันว่า “เอฟ ทำไมแกไม่ลงแข่งกับเพื่อนด้วยว่ะ” เอฟมันก็บอกว่า “เราไม่ชอบเล่นง่ะ เราชอบเล่นเทนนิสมากกว่า” เราก็เลยได้รู้ว่า อ๋อ....เอฟชอบเทนนิส
หลังจากวันนั้น 3 วัน ก็เป็นวันเกิดเรา ถ้าถามว่าแอบหวังไหมว่าเอฟจะมีของขวัญให้ พูดเลยว่า..ก็หวังนิดนึง แต่ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไร แล้ววันนั้นก็เป็นวันปกติ หลังเลิกเรียนเอฟก็เดินมาส่งเหมือนทุกๆวัน ระหว่างเดินไปหลังโรงเรียนเอฟมันแวะซื้อน้ำเต้าหู้ แล้วมันก็บอกแม่ค้าว่า “ป้าครับ เอาน้ำเต้าหู้เย็น 1 ถุง ใส่ใจผมลงไปด้วยนะ” ป้ากับเรายืนหัวเราะกันใหญ่เลย เราคิดในใจ (เล่นอะไรของมันวะ555) แล้วพอป้ายื่นถุงน้ำเต้าหู้ให้เอฟ มันก็ยื่นมาให้เราดูด
เราก็ตกใจ เอฟก็บอกเราว่า “เออหน่ะ แกดูดก่อน” เราก็ดูดตามที่มันบอก แล้วมันก็พูดขึ้นมาว่า “Happy Birth Day นะ เราไม่รู้จะซื้ออะไรให้แก
เป็นของขวัญวันเกิด แต่เรารู้ว่าแกชอบกินน้ำเต้าหู้ งั้นปีนี้เอาน้ำเต้าหู้ไปก่อนนะ”

เราหลุดขำแล้วเผลอยิ้มออกมา (คิดในใจแค่นี้ก็ดีมากแล้ว)

แล้วหลังจากวันเกิดเราเอฟก็กลับบ้านเร็วกว่าทุกวันรีบเดินกลับก่อนไม่รอเรา ตอนนั้นเราก็สงสัยนะว่าทำไม เกิดอะไรขึ้น? แต่ก็ไม่กล้าถาม
จนมาถึงเดือนสุดท้ายของการใช้ชีวิตม.ต้น เราก็ยังทำตัวปกติ ใจนึงก็อยากบอกความรู้สึกแต่ก็กลัวไม่กล้าบอก พอถึงวันวาเลนไทน์ วันนั้นทั้งวันในโรงเรียนครึกครื้นกันมาก เพื่อนผู้หญิงได้สติกเกอร์หัวใจติดที่เสื้อ บางคนก็ถือดอกกุหลาบ กล่องช็อคโกแลตเต็มไปหมด
เราก็ได้สติกเกอร์หัวใจนะแต่เพื่อนผู้หญิงมาติดให้ไง555 (คิดในใจอยากให้เอฟมาติดให้จัง)

หลังเลิกเรียนวันนี้เราเดินกลับคนเดียว เพราะเอฟไม่ได้เดินกลับพร้อมเราตั้งแต่หลังจากวันเกิดเราแล้ว แถมวันนี้เอฟหายไปตั้งแต่ตอนเที่ยง ถามเพื่อนในกลุ่มเอฟ พวกนั้นก็บอกว่า “อ๋อ มันไปซื้อของ” เราก็ไม่ได้สนใจอะไร ระหว่างเดินกลับได้ยินเสียงตะโกนเรียกชื่อเรา
มาจากด้านหลัง เราหันหลังไปเห็นเอฟในสภาพที่เหนื่อย พูดไม่รู้เรื่อง เราเลยบอกว่า “เอฟ แกใจเย็นๆก่อน วิ่งมาจากไหนเนี่ย แล้วช่วงบ่ายหายไปไหนมาห้ะ แถมโดดเรียนอีก ไปซื้อของค่อยซื้อหลังเลิกเรียนไม่ได้อ่อ” เราก็บ่นใส่มันยาวเลย แล้วมันก็พูดกลับมาว่า “ก็.........” แล้วก็เงียบไป เราก็บอกว่า “ก็อะไร? รีบๆพูด เดี๋ยวเราตกรถ” เอฟเลยบอกว่า “ก็เราไปซื้อดอกไม้มาให้แกไง (แล้วยื่นดอกกุหลาบที่แอบข้างหลังพร้อมกล่องของขวัญเล็กๆกล่องนึง) เราชอบแกตั้งแต่วันแรกที่เจอ ไม่ใช่เพราะแกเป็นเด็กใหม่ที่เพิ่งย้ายมา ไม่ใช่เพราะมีคนสนใจแกเยอะ ไม่ใช่เพราะแกสวย แต่เราชอบแกเพราะอะไรก็ไม่รู้ เวลาอยู่ใกล้แกเรามีความสุข เป็นแฟนกันนะ?” ตอนนั้นเรายืนตัวแข็ง ความรู้สึกตอนนั้นมันเขิล มันบอกไม่ถูก

เราเลยพูดกับมันว่า “เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าค่อยมาให้คำตอบแกที่โรงเรียนละกัน ไปก่อนนะเดี๋ยวไม่ทันรถ” แล้วเราก็รีบวิ่งไปขึ้นรถหลังโรงเรียน
พอเช้าวันรุ่งขึ้น ก่อนเข้าแถวหน้าเสาธง ก็มานั่งคุยกับเพื่อนในกลุ่มเหมือนทุกๆวัน แต่วันนี้เอฟมาช้า เราเลยเล่าเรื่องที่เอฟขอเราเป็นแฟนให้เพื่อนในกลุ่มฟัง เพื่อนก็ถามเราว่าเรารู้สึกยังไงกับเอฟ เพื่อนกลุ่มเอฟบอกเราว่า “แกรู้ป่าว ที่มันชอบแกล้งแก เพราะมันชอบแกนะเฟ้ย แล้วแกล่ะชอบมันป่าว” เราก็ตอบกลับว่า “เอ่อ....เราก็แอบชอบมันนะ” แล้วเพื่อนก็แซวพูดกันเสียงดัง จู่ๆเพื่อนอีกคนก็พูดขึ้นมาว่า “แกรู้ป่าวว่าเอฟเป็นนักกีฬาจังหวัด มีผู้หญิงมาชอบมันเยอะมากแต่มันไม่เคยชอบใครสักคนเลย มันเพิ่งมาชอบแกคนแรกอ่ะ” (คิดในใจ เห้ย!!!! นักกีฬาจังหวัดอ่อ ทำไมมันไม่เคยเล่าให้ฟังเลย) เอาจริงๆตอนนั้นก็ตกใจเพราะนึกว่ามันแค่ชอบเล่นเทนนิส แต่ไม่นึกว่าจะเป็นถึงนักกีฬาจังหวัด

สักพักเอฟก็มาถึงโรงเรียนแล้ววิ่งตรงดิ่งมาหาเรา
เพื่อนก็แซวกันไม่หยุด เอฟก็ถามว่า “ไหนล่ะ คำตอบ” เราก็เอาแต่ยิ้มเพราะเขิล ใจบอกให้พูด แต่ปากมันพูดไม่ออก แล้วเอฟก็บอกว่า “ถ้าแกโอเคเราก็จะบอกป๊ากับแม่ว่าไม่ไปเรียนต่อโรงเรียนกีฬา เราจะเรียนที่นี่จะได้อยู่ใกล้ๆแก” เราเลยถามเอฟว่า “แกต้องไปเรียนที่นั่นหรอ” เอฟก็บอกว่า “อืม โค้ชอยากให้เราไปต่อโรงเรียนกีฬาอยากให้ไปทางสายนั้นเลย” เราเลยบอกเอฟว่า “งั้นคำตอบที่เราจะบอกแกคือ เราเป็นเพื่อนกันแบบนี้มันโอเคแล้วแก ขอบคุณนะสำหรับความรู้สึกดีๆที่แกมีให้เรา”แล้วน้ำตาเราก็ไหลออกมา มันเสียใจที่พูดความรู้สึกจริงๆออกมาไม่ได้ เพราะเรากลัวว่าแกจะทิ้งความฝันของตัวเอง เราเลยได้แต่เก็บความรู้สึกนี้ไว้จนมาถึงปัจจุบัน ตอนนี้เราเรียนจบมหาลัยแล้วนะ ถึงแม้เวลามันจะผ่านไปหลายปี แต่ความรู้สึกที่เรามีให้เอฟไม่เคยน้อยลง
เราตามส่องทั้งเฟส และไอจีเอฟตลอด แล้ววันนี้ก็เห็นว่าเพื่อนคนนี้กำลังจะแต่งงาน
เราจึงทักแชทไปแสดงความยินดี “เอฟดีใจด้วยนะขอให้รัก และอยู่ดูแลกันไปนานๆ มีหลานให้เราอุ้มเร็วๆนะ รักแกนะเฟ้ย” มันคงเป็นครั้งแรกที่เราบอกรักมัน (ในฐานะเพื่อนคนนึง) เราร้องไห้ออกมาหลังจากพิมพ์ข้อความนี้ส่งไปหามัน ไม่ใช่เพราะว่าเราเสียใจ แต่เพราะเรารู้สึกดีใจที่เห็นเอฟมีความสุข

#เก็บไว้เป็นความทรงจำ
ดีใจด้วยนะ :)
.
.
เรากับเพื่อนคนนี้รู้จักกันตอนม.ต้น ช่วง ม.3 เทอม 2 ตอนนั้นเราเพิ่งย้ายเข้ามาเรียนแล้วได้เรียนห้องเดียวกัน ขอเรียกเพื่อนคนนี้ว่า “เอฟ” นะคะ วันแรกที่รู้จักกันคือตอนที่คุณครูให้เราออกไปแนะนำตัวหน้าห้องให้เพื่อนๆได้รู้จัก ระหว่างนั้นมีคนปาชอล์กใส่หน้าเรา คุณครูเลยเรียกคนนั้นออกมายืนหน้าห้อง แล้วบอกให้เขาขอโทษเรา และแนะนำตัวให้เรารู้จัก
ใช่ค่ะเป็นใครไปไม่ได้ นั่นก็คือ “เอฟ” ถ้าถามว่าแล้วเรา2คนมาเป็นเพื่อนกันได้ไง ทั้งๆที่มันนิสัยเสียตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน ก็เพราะนิสัยมันเป็นคนชอบแกล้งเนี่ยแหละค่ะ ทำให้เรา2คนสนิทกันไว วันแรกคุณครูก็จัดตารางเวรทำความสะอาดใหม่ แล้วบังเอิญเราได้ทำเวรวันเดียวกับเอฟ (อะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้นนนนนน) ระหว่างวันคาบเรียนช่วงบ่ายเป็นวิชาภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นวิชาที่เราชอบและถนัด คาบแรกคุณครูก็สั่งงานให้แปลบทความ
ตอบคำถาม บลาๆๆ เพื่อนกลุ่มผู้หญิงเห็นว่าเราถนัดภาษาอังกฤษเลยขอให้เราช่วยติวให้ ซึ่งกลุ่มนี้สนิทกับกลุ่มเอฟเลยชวนกลุ่มเอฟมาติวด้วย
เราเลยกะจะเอาคืนเอฟ โดยการแกล้งทำไม่พูด ไม่ตอบ ไม่สนใจ เวลามันถามหรือสงสัย ถามว่าได้ผลไหม? บอกเลยว่า... ไม่ได้5555
พอกลับมาถึงบ้าน เราก็เคลียร์งาน ระหว่างนั้นเฟสบุ๊คมันแจ้งเตือนขึ้น เอฟมัน Add Friend
ตอนนั้นก็ตกใจนะว่ารู้เฟสเราได้ไงยังไม่ทันบอกเลย สักพักมันก็ทักมาหาเราบอกช่วยสอนการบ้านหน่อย เราก็เลยบอกมันว่า “งั้นมาสัญญากับเราก่อน ว่าจะแกล้งเราให้น้อยลงแล้วเราจะสอนการบ้านให้” เอฟบอกว่า “โอเค ก็ได้” แล้วหลังจากวันนั้นมันก็ทักมาให้สอนการบ้านทุกคืนไม่ใช่แค่วิชาภาษาอังกฤษนะ แต่ทุกวิชาเลย ทำให้เรา2คนสนิทกันมากขึ้น ตอนเช้าเอฟมันก็จะมายืนรอเราหน้าโรงเรียนเดินเข้าโรงเรียนพร้อมกัน เวลาเปลี่ยนคาบเรียนก็จะเดินไปด้วยกันเป็นกลุ่มใหญ่ทั้งกลุ่มเราและกลุ่มเอฟ พอตอนเย็นหลังเลิกเรียนเอฟก็เดินไปส่งหลังโรงเรียน เพราะเป็นทางเดินกลับบ้านมันอยู่แล้ว ใช่ค่ะทุกอย่างตอนนั้นโอเคมาก ทำให้เรารู้สึกดีเวลาอยู่ใกล้เอฟ มันมีความสุขมากเพราะเอฟทำให้เรายิ้มและหัวเราะได้ตลอด จนเราแอบชอบเอฟไปตั้งแต่ตอนไหน
เราเองก็ยังไม่รู้ตัวเลย
ช่วงหลังปีใหม่โรงเรียนมีการจัดแข่งขันฟุตซอลภายใน ตอนนั้นผู้ชายกลุ่มเอฟลงแข่งทุกคน ยกเว้นเอฟคนเดียวที่ไม่แข่ง ความที่เราขี้สงสัยเห็นมันนั่งดูเพื่อนแข่งอยู่เลยไปนั่งดูข้างมัน แล้วถามมันว่า “เอฟ ทำไมแกไม่ลงแข่งกับเพื่อนด้วยว่ะ” เอฟมันก็บอกว่า “เราไม่ชอบเล่นง่ะ เราชอบเล่นเทนนิสมากกว่า” เราก็เลยได้รู้ว่า อ๋อ....เอฟชอบเทนนิส
หลังจากวันนั้น 3 วัน ก็เป็นวันเกิดเรา ถ้าถามว่าแอบหวังไหมว่าเอฟจะมีของขวัญให้ พูดเลยว่า..ก็หวังนิดนึง แต่ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไร แล้ววันนั้นก็เป็นวันปกติ หลังเลิกเรียนเอฟก็เดินมาส่งเหมือนทุกๆวัน ระหว่างเดินไปหลังโรงเรียนเอฟมันแวะซื้อน้ำเต้าหู้ แล้วมันก็บอกแม่ค้าว่า “ป้าครับ เอาน้ำเต้าหู้เย็น 1 ถุง ใส่ใจผมลงไปด้วยนะ” ป้ากับเรายืนหัวเราะกันใหญ่เลย เราคิดในใจ (เล่นอะไรของมันวะ555) แล้วพอป้ายื่นถุงน้ำเต้าหู้ให้เอฟ มันก็ยื่นมาให้เราดูด
เราก็ตกใจ เอฟก็บอกเราว่า “เออหน่ะ แกดูดก่อน” เราก็ดูดตามที่มันบอก แล้วมันก็พูดขึ้นมาว่า “Happy Birth Day นะ เราไม่รู้จะซื้ออะไรให้แก
เป็นของขวัญวันเกิด แต่เรารู้ว่าแกชอบกินน้ำเต้าหู้ งั้นปีนี้เอาน้ำเต้าหู้ไปก่อนนะ”
จนมาถึงเดือนสุดท้ายของการใช้ชีวิตม.ต้น เราก็ยังทำตัวปกติ ใจนึงก็อยากบอกความรู้สึกแต่ก็กลัวไม่กล้าบอก พอถึงวันวาเลนไทน์ วันนั้นทั้งวันในโรงเรียนครึกครื้นกันมาก เพื่อนผู้หญิงได้สติกเกอร์หัวใจติดที่เสื้อ บางคนก็ถือดอกกุหลาบ กล่องช็อคโกแลตเต็มไปหมด
เราก็ได้สติกเกอร์หัวใจนะแต่เพื่อนผู้หญิงมาติดให้ไง555 (คิดในใจอยากให้เอฟมาติดให้จัง)
หลังเลิกเรียนวันนี้เราเดินกลับคนเดียว เพราะเอฟไม่ได้เดินกลับพร้อมเราตั้งแต่หลังจากวันเกิดเราแล้ว แถมวันนี้เอฟหายไปตั้งแต่ตอนเที่ยง ถามเพื่อนในกลุ่มเอฟ พวกนั้นก็บอกว่า “อ๋อ มันไปซื้อของ” เราก็ไม่ได้สนใจอะไร ระหว่างเดินกลับได้ยินเสียงตะโกนเรียกชื่อเรา
มาจากด้านหลัง เราหันหลังไปเห็นเอฟในสภาพที่เหนื่อย พูดไม่รู้เรื่อง เราเลยบอกว่า “เอฟ แกใจเย็นๆก่อน วิ่งมาจากไหนเนี่ย แล้วช่วงบ่ายหายไปไหนมาห้ะ แถมโดดเรียนอีก ไปซื้อของค่อยซื้อหลังเลิกเรียนไม่ได้อ่อ” เราก็บ่นใส่มันยาวเลย แล้วมันก็พูดกลับมาว่า “ก็.........” แล้วก็เงียบไป เราก็บอกว่า “ก็อะไร? รีบๆพูด เดี๋ยวเราตกรถ” เอฟเลยบอกว่า “ก็เราไปซื้อดอกไม้มาให้แกไง (แล้วยื่นดอกกุหลาบที่แอบข้างหลังพร้อมกล่องของขวัญเล็กๆกล่องนึง) เราชอบแกตั้งแต่วันแรกที่เจอ ไม่ใช่เพราะแกเป็นเด็กใหม่ที่เพิ่งย้ายมา ไม่ใช่เพราะมีคนสนใจแกเยอะ ไม่ใช่เพราะแกสวย แต่เราชอบแกเพราะอะไรก็ไม่รู้ เวลาอยู่ใกล้แกเรามีความสุข เป็นแฟนกันนะ?” ตอนนั้นเรายืนตัวแข็ง ความรู้สึกตอนนั้นมันเขิล มันบอกไม่ถูก
เราเลยพูดกับมันว่า “เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าค่อยมาให้คำตอบแกที่โรงเรียนละกัน ไปก่อนนะเดี๋ยวไม่ทันรถ” แล้วเราก็รีบวิ่งไปขึ้นรถหลังโรงเรียน
พอเช้าวันรุ่งขึ้น ก่อนเข้าแถวหน้าเสาธง ก็มานั่งคุยกับเพื่อนในกลุ่มเหมือนทุกๆวัน แต่วันนี้เอฟมาช้า เราเลยเล่าเรื่องที่เอฟขอเราเป็นแฟนให้เพื่อนในกลุ่มฟัง เพื่อนก็ถามเราว่าเรารู้สึกยังไงกับเอฟ เพื่อนกลุ่มเอฟบอกเราว่า “แกรู้ป่าว ที่มันชอบแกล้งแก เพราะมันชอบแกนะเฟ้ย แล้วแกล่ะชอบมันป่าว” เราก็ตอบกลับว่า “เอ่อ....เราก็แอบชอบมันนะ” แล้วเพื่อนก็แซวพูดกันเสียงดัง จู่ๆเพื่อนอีกคนก็พูดขึ้นมาว่า “แกรู้ป่าวว่าเอฟเป็นนักกีฬาจังหวัด มีผู้หญิงมาชอบมันเยอะมากแต่มันไม่เคยชอบใครสักคนเลย มันเพิ่งมาชอบแกคนแรกอ่ะ” (คิดในใจ เห้ย!!!! นักกีฬาจังหวัดอ่อ ทำไมมันไม่เคยเล่าให้ฟังเลย) เอาจริงๆตอนนั้นก็ตกใจเพราะนึกว่ามันแค่ชอบเล่นเทนนิส แต่ไม่นึกว่าจะเป็นถึงนักกีฬาจังหวัด
เพื่อนก็แซวกันไม่หยุด เอฟก็ถามว่า “ไหนล่ะ คำตอบ” เราก็เอาแต่ยิ้มเพราะเขิล ใจบอกให้พูด แต่ปากมันพูดไม่ออก แล้วเอฟก็บอกว่า “ถ้าแกโอเคเราก็จะบอกป๊ากับแม่ว่าไม่ไปเรียนต่อโรงเรียนกีฬา เราจะเรียนที่นี่จะได้อยู่ใกล้ๆแก” เราเลยถามเอฟว่า “แกต้องไปเรียนที่นั่นหรอ” เอฟก็บอกว่า “อืม โค้ชอยากให้เราไปต่อโรงเรียนกีฬาอยากให้ไปทางสายนั้นเลย” เราเลยบอกเอฟว่า “งั้นคำตอบที่เราจะบอกแกคือ เราเป็นเพื่อนกันแบบนี้มันโอเคแล้วแก ขอบคุณนะสำหรับความรู้สึกดีๆที่แกมีให้เรา”แล้วน้ำตาเราก็ไหลออกมา มันเสียใจที่พูดความรู้สึกจริงๆออกมาไม่ได้ เพราะเรากลัวว่าแกจะทิ้งความฝันของตัวเอง เราเลยได้แต่เก็บความรู้สึกนี้ไว้จนมาถึงปัจจุบัน ตอนนี้เราเรียนจบมหาลัยแล้วนะ ถึงแม้เวลามันจะผ่านไปหลายปี แต่ความรู้สึกที่เรามีให้เอฟไม่เคยน้อยลง
เราตามส่องทั้งเฟส และไอจีเอฟตลอด แล้ววันนี้ก็เห็นว่าเพื่อนคนนี้กำลังจะแต่งงาน
เราจึงทักแชทไปแสดงความยินดี “เอฟดีใจด้วยนะขอให้รัก และอยู่ดูแลกันไปนานๆ มีหลานให้เราอุ้มเร็วๆนะ รักแกนะเฟ้ย” มันคงเป็นครั้งแรกที่เราบอกรักมัน (ในฐานะเพื่อนคนนึง) เราร้องไห้ออกมาหลังจากพิมพ์ข้อความนี้ส่งไปหามัน ไม่ใช่เพราะว่าเราเสียใจ แต่เพราะเรารู้สึกดีใจที่เห็นเอฟมีความสุข