1 ) ก๋วยเตี๋ยวห้อยขาจ่าโบ ปางมะผ้า แม่ฮ่องสอน กินไปเสียวไป กินหลักร้อย ชมวิวหลักล้าน
ก๋วยเตี๋ยวห้อยขาจ่าโบ อำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวราคาหลักสิบ แต่ได้ชมวิวหลักล้าน นับว่าคุ้มค่ามากเมื่อได้ขึ้นมาบนยอดดอยสูง ทางร้านก๋วยเตี๋ยวจ่าโบ มีให้เลือกทั้งน้ำใส น้ำต้มยำ และยังมีเส้นให้เลือกหลากหลาย จะกินมาม่าก็ยังมี จังหวัดแม่ฮ่องสอน มีสมญานามว่า เมืองสามหมอก เนื่องจากมีหมอกและควัน ดั่งเพลงพี่เบิร์ดเคยร้องไว้ ปกคลุมอยู่เกือบทั้งปี หน้าร้อนก็จะเจอควันไฟที่ชาวบ้านเผาป่ากันเอง ส่วนหน้าฝนก็จะเจอละอองเมฆฝน ในฤดูหนาวจะพบหมอกไอเย็นหนาวแบบสะท้าน เข้ามาครอบครองดินแดนภูเขาแห่งนี้ ...เมืองแม่ฮ่องสอน มีกลุ่มชาติพันธุ์ที่หลากหลาย เจ้าถิ่นคือไทใหญ่ ถือว่าเป็นพลเมืองหลักของจังหวัดนี้
ชาวไทใหญ่จำนวนมาก ได้เข้ามาตั้งรกรากในแม่ฮ่องสอน และหัวเมืองต่างๆในล้านนา ยุคแรกในสมัยอยู่ภายใต้การปกครองของพม่ายุคพระเจ้าบุเรงนอง เป็นระยะเวลาเกือบ200ปี จนวัฒนธรรมความเป็นอยู่ และอาหารการกินของชาวไทใหญ่ กลมกลืนกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตคนล้านนาไปแล้ว จนถึงยุคที่สองของการอพยพชาวไทใหญ่ โดยเข้ามาเป็นแรงงานทำไม้ โดยบริษัทค้าไม้จากอังกฤษเป็นผู้นำเข้ามา แรงงานทำไม้เหล่านี้เชี่ยวชาญ ในเรื่องเจาะรูไม้สักให้ยืนต้นแห้งตาย จะได้ไม้สักที่มีเนื้อแห้งและแข็งมาก อังกฤษจึงขาดแรงงานชาวไทใหญ่ ผู้มีทักษะฝีมือทำไม้อย่างไม่ได้เด็ดขาด
ประวัติแม่ฮ่องสอนเดิมทีเป็นป่าดิบชื้น มีแต่ชาวยาง ชาวคะยา และชาวลัวะ อาศัยอยู่ ได้มีเชื้อพระวงศ์เจ้าเมืองเชียงใหม่ท่านหนึ่ง ได้มาคล้องช้างป่าในดินแดนลุ่มลำน้ำปาย ได้เจอดินแดนผืนสวยงาม มีร่องน้ำขนาดใหญ่ อยู่ละแวกภูเขาล้อมรอบสวยงามดั่งสวิสเซอร์แลนด์ เหมาะสมแก่การตั้งบ้านพักตากอากาศอย่างยิ่ง จึงตั้งชื่อบริเวณนี้ว่า ร่องน้ำสอนช้าง ก่อนจะเพี้ยนมาเป็นแม่ฮ่องสอน อย่างทุกวันนี้
ติดตามกระทู้อื่นๆ น่าสนใจได้ทาง
https://lampangfood.blogspot.com
2 ) ถั่วเน่าเมอะ อาหารเอกลักษณ์ของชาวไทใหญ่ นัตโตะแห่งเมืองแม่ฮ่องสอน
ถั่วเน่า เป็นส่วนผสมในอาหารไทใหญ่แทบทุกชนิด จนขาดกันไม่ได้เหมือนดั่งปลาร้าในอาหารอีสานเลยทีเดียว คนไทใหญ่รับสืบทอดการทำถั่วเน่ามาตั้งแต่บรรพบุรุษ เชื่อว่าถิ่นที่อยู่เดิมของกลุ่มไทต่างๆอยู่ทางตอนใต้ของประเทศจีน ติดลาวและเวียดนาม เรียกว่าสิบสองจุไท หรือ เดียนเบียนฟู
คนแถบนี้จึงมีวัฒนธรรม ในการกินถั่วเหลืองมาอย่างยาวนาน ถั่วเหลืองเป็นพืชที่มีแหล่งกำเนิดอยู่ในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน มีปลูกกันมา 5,000ปีแล้ว ชาวไทใหญ่เป็นกลุ่มที่อพยพย้ายถิ่นฐานออกมาทางทิศตะวันตก เข้ามาอยู่ในเขตรัฐฉานปัจจุบัน การทำถั่วเน่ามีขั้นตอนการทำไม่ต่างกับเต้าเจี้ยวของชาวจีน มีการนำถั่วเหลืองมานึ่งให้สุก แล้วนำไปหมักเกลือให้เกิดปฏิกิริยากับเชื้อรา เกิดการบ่มจนเน่าได้ที่ใช้ระยะเวลาสัก3วัน ถ้านำไปรับประทานเลยก็เรียกว่าถั่วเน่าเมอะ วิธีการปรุงก็คั่วใส่ใข่ใส่พริก กระเทียม พร้อมโรยผักชีลาว หรือ ถ้านำไปตากแห้งทำเป็นแผ่นบางๆ เรียกว่าถั่วเน่าแข็บ หรือ ถั่วเน่าแผ่น ใช้ย่างไฟพอให้เกรียมนิดๆ ตำผสมลงไปในแกงผักกาดจอก็ได้
จีนเองการมีหมักบ่มซีอิ้วกันแทบทุกหลังคาเรือน หลังจากบ่มจนเชื้อราขึ้น เป็นระยะเวลา3วันจนเน่าได้ที่ ก็นำมาผสมน้ำเกลือบรรจุลงในโอ่งปิดฝาดองไว้ 6เดือนเป็นอย่างน้อยก็จะได้ซีอิ้วสีดำ ใช้จิ้ม ใช้เหยาะในอาหารจีนกันแล้ว ...ในญี่ปุ่นเองก็มีถั่วเน่าเหมือนคนไทใหญ่ เรียกว่านัตโตะ หรือ ถั่วเน่าญี่ปุ่น มีวิธีการทำเหมือนกันเปี้ยบ เรียกว่าก็อปเกรดเอ แบบเซิ่นเจิ้นเลยดีกว่า เพราะได้สูตรการทำมาจากจีนเหมือนกัน ถั่วเน่าสไตล์ญี่ปุ่น เวลาทานก็จะเทคลุกลงไปกับข้าวสวย ตอกไข่ไก่สดลงไปด้วยถ้ามี กินแบบนี้เป็นอาหารเช้าของชาวอาทิตย์อุทัย และถูกใช้เป็นส่วนผสมสำคัญในซุปมิโซะด้วย
วัฒนธรรมการหมักดองของชาวจีน ยังพัฒนาจากถั่วเหลืองมาเป็นใช้ปลาตัวเล็กแทน อย่างการทำน้ำปลาของชาวจีนแต้จิ๋ว ซึ่งเป็นต้นกำเนิดน้ำปลาแห่งแรก ก่อนที่สูตรการทำน้ำปลาจะแพร่หลายเข้าในเวียดนามและไทย จนป่านนี้ใครหลายคน ก็คิดว่าน้ำปลาเป็นของไทย เพราะกินกันมาเกิน 5-6 ชั่วอายุคนแล้ว อารมณ์ก็ประมาณผัดกะเพรานั่นล่ะ บางคนถึงกับให้เป็นอาหารประจำชาติไปแล้ว ทั้งที่เพิ่งจะมีมาไม่เกิน 50ปีนี่เอง
ติดตามกระทู้อื่นๆ น่าสนใจได้ทาง
https://lampangfood.blogspot.com
3 ) ผักกาดจอ ร้านใบเฟิร์น เมนูฮิตสุดคลีน พี่หม่ำยังชอบ กลางเมืองแม่ฮ่องสอน
ผักกาดจอ ร้านใบเฟิร์น เป็นเมนูยอดนิยมที่ทุกโต๊ะต้องออเดอร์สั่งมาลองลิ้มชิมรส คำว่าจอ ในภาษาเหนือแปลว่า ต้มผักที่มีรสเปรี้ยว ไม่ใส่เครื่องเทศหรือพริกแกงใดๆ เพียงแค่เติมฝักมะขามเปียกลงไป แล้วโรยหน้าด้วยพริกแห้งคั่วและต้นหอมผักชีเท่านั้น เป็นอันเสร็จพิธี ปัจจุบันผักกาดจอ กลายเป็นเมนูยอดนิยมของคนไทยทุกภาคไปแล้ว ด้วยความเป็นอาหารคลีน ไม่มีไขมัน ไม่มีรสชาติเผ็ดจัดจ้าน จึงสามารถรับประทานได้ทุกเพศทุกวัย
ไม้สักทอง เป็นสินค้า ที่ทำรายได้มหาศาลให้กับบรรดาเจ้าผู้ครองนครล้านนา ด้วยความเป็นไม้เนื้อแข็งทนทานอยู่ได้หลายร้อยปี ไม้สักทองจึงเป็นที่นิยมและมีความต้องการสูง ไม้เหล่านี้ได้ถูกบรรทุกขนส่งลงเรือไปถึงเกาะอังกฤษ เพื่อใช้ก่อสร้างบ้านเรือนและโบสถ์ในขณะนั้น ...เนื่องด้วยอุตสาหกรรมการทำไม้ในเขตพม่า มีการทำมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน จนไม้สักทองเริ่มหมดและหายากมากขึ้น บริษัทบอมเบย์เบอร์มา เป็นตัวแทนจากรัฐบาลอังกฤษได้เจรจาตกลงทำสัญญาขอเปิดป่า เข้ามาทำสัมปทานป่าไม้ในฝั่งดินแดนล้านนา แม่ฮ่องสอนขณะนั้นยังเป็นป่าดงดิบที่มีความอุดมสมบูรณ์เต็มไปด้วยไม้สักทอง
ตำนานนายห้างป่าไม้ชาวฝรั่งจึงเกิดขึ้น นายหลุยส์ เลียว โนเว่น ชาวอังกฤษ (เป็นลูกชายของแหม่มแอนนา นักเขียนผู้โด่งดังนั่นเอง) หลุยส์มาในตำแหน่งผู้แทนจากบริษัทบอมเบย์เบอร์มา ได้เข้าดูแลกิจการทำไม้ทั้งหมดของบริษัทในเขตดินแดนล้านนา นายห้างฝรั่งในสมัยนั้น มีกฏของบริษัทห้ามนำภรรยาติดตามมาด้วย ด้วยเหตุต้องเข้าไปในป่าดิบชื้นที่อันตราย และมีแต่แรงงานเพศชายทั้งนั้น อาจจะเกิดเหตุอันตรายขึ้นได้
นายห้างฝรั่งจึงมีสถานภาพเหมือนกันหมดคือ โสดแต่ไม่สด นายหลุยส์ จึงขึ้นชื่อเรื่องลือความเป็นเพลย์บอย ทั้งในเรื่องการดื่มและความเจ้าชู้ ว่ากันว่าหลังจากเสร็จภารกิจดูแลกิจการในป่า พอตกเย็นก็จะมีงานกินเลี้ยงปาร์ตี้ในบรรดานายห้างฝรั่งด้วยกัน และเหล่าลูกน้องคนสนิท ในเขตบ้านพักสุดหรูใจกลางเมือง ถึงเวลาเหมาะสมก็จะมีหญิงนายหน้าจูงมือสาวน้อยชาวล้านนาเข้ามาให้เลือกหน้าคร่าตากัน ถูกใจกันแล้วจึงนัดแนะเวลาเพื่อมารับหญิงสาวกลับไป เป็นอย่างนี้จนเป็นกิจวัตรประจำ สมัยนั้นมีการเปรียบเปรยว่านายหลุยส์ อยู่สุขสบายดีราวกับเป็นเจ้าแห่งล้านนาไปอีกคนนึง
ติดตาม Top 5 ร้านอาหารเด็ดของแต่ละจังหวัดภาคเหนือ ตามลิงค์นี้ได้เลย
จังหวัดลำพูน
https://pantip.com/topic/39290553
จังหวัดเชียงใหม่
https://pantip.com/topic/39310784
Top 5 รวมอาหารขึ้นชื่อ จังหวัดแม่ฮ่องสอน เมืองสามหมอก บรรยากาศชิวๆ สายต่อนยอน ต้องมาเช็คอิน
ก๋วยเตี๋ยวห้อยขาจ่าโบ อำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวราคาหลักสิบ แต่ได้ชมวิวหลักล้าน นับว่าคุ้มค่ามากเมื่อได้ขึ้นมาบนยอดดอยสูง ทางร้านก๋วยเตี๋ยวจ่าโบ มีให้เลือกทั้งน้ำใส น้ำต้มยำ และยังมีเส้นให้เลือกหลากหลาย จะกินมาม่าก็ยังมี จังหวัดแม่ฮ่องสอน มีสมญานามว่า เมืองสามหมอก เนื่องจากมีหมอกและควัน ดั่งเพลงพี่เบิร์ดเคยร้องไว้ ปกคลุมอยู่เกือบทั้งปี หน้าร้อนก็จะเจอควันไฟที่ชาวบ้านเผาป่ากันเอง ส่วนหน้าฝนก็จะเจอละอองเมฆฝน ในฤดูหนาวจะพบหมอกไอเย็นหนาวแบบสะท้าน เข้ามาครอบครองดินแดนภูเขาแห่งนี้ ...เมืองแม่ฮ่องสอน มีกลุ่มชาติพันธุ์ที่หลากหลาย เจ้าถิ่นคือไทใหญ่ ถือว่าเป็นพลเมืองหลักของจังหวัดนี้
ชาวไทใหญ่จำนวนมาก ได้เข้ามาตั้งรกรากในแม่ฮ่องสอน และหัวเมืองต่างๆในล้านนา ยุคแรกในสมัยอยู่ภายใต้การปกครองของพม่ายุคพระเจ้าบุเรงนอง เป็นระยะเวลาเกือบ200ปี จนวัฒนธรรมความเป็นอยู่ และอาหารการกินของชาวไทใหญ่ กลมกลืนกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตคนล้านนาไปแล้ว จนถึงยุคที่สองของการอพยพชาวไทใหญ่ โดยเข้ามาเป็นแรงงานทำไม้ โดยบริษัทค้าไม้จากอังกฤษเป็นผู้นำเข้ามา แรงงานทำไม้เหล่านี้เชี่ยวชาญ ในเรื่องเจาะรูไม้สักให้ยืนต้นแห้งตาย จะได้ไม้สักที่มีเนื้อแห้งและแข็งมาก อังกฤษจึงขาดแรงงานชาวไทใหญ่ ผู้มีทักษะฝีมือทำไม้อย่างไม่ได้เด็ดขาด
ประวัติแม่ฮ่องสอนเดิมทีเป็นป่าดิบชื้น มีแต่ชาวยาง ชาวคะยา และชาวลัวะ อาศัยอยู่ ได้มีเชื้อพระวงศ์เจ้าเมืองเชียงใหม่ท่านหนึ่ง ได้มาคล้องช้างป่าในดินแดนลุ่มลำน้ำปาย ได้เจอดินแดนผืนสวยงาม มีร่องน้ำขนาดใหญ่ อยู่ละแวกภูเขาล้อมรอบสวยงามดั่งสวิสเซอร์แลนด์ เหมาะสมแก่การตั้งบ้านพักตากอากาศอย่างยิ่ง จึงตั้งชื่อบริเวณนี้ว่า ร่องน้ำสอนช้าง ก่อนจะเพี้ยนมาเป็นแม่ฮ่องสอน อย่างทุกวันนี้
ติดตามกระทู้อื่นๆ น่าสนใจได้ทาง
https://lampangfood.blogspot.com
2 ) ถั่วเน่าเมอะ อาหารเอกลักษณ์ของชาวไทใหญ่ นัตโตะแห่งเมืองแม่ฮ่องสอน
ถั่วเน่า เป็นส่วนผสมในอาหารไทใหญ่แทบทุกชนิด จนขาดกันไม่ได้เหมือนดั่งปลาร้าในอาหารอีสานเลยทีเดียว คนไทใหญ่รับสืบทอดการทำถั่วเน่ามาตั้งแต่บรรพบุรุษ เชื่อว่าถิ่นที่อยู่เดิมของกลุ่มไทต่างๆอยู่ทางตอนใต้ของประเทศจีน ติดลาวและเวียดนาม เรียกว่าสิบสองจุไท หรือ เดียนเบียนฟู
คนแถบนี้จึงมีวัฒนธรรม ในการกินถั่วเหลืองมาอย่างยาวนาน ถั่วเหลืองเป็นพืชที่มีแหล่งกำเนิดอยู่ในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน มีปลูกกันมา 5,000ปีแล้ว ชาวไทใหญ่เป็นกลุ่มที่อพยพย้ายถิ่นฐานออกมาทางทิศตะวันตก เข้ามาอยู่ในเขตรัฐฉานปัจจุบัน การทำถั่วเน่ามีขั้นตอนการทำไม่ต่างกับเต้าเจี้ยวของชาวจีน มีการนำถั่วเหลืองมานึ่งให้สุก แล้วนำไปหมักเกลือให้เกิดปฏิกิริยากับเชื้อรา เกิดการบ่มจนเน่าได้ที่ใช้ระยะเวลาสัก3วัน ถ้านำไปรับประทานเลยก็เรียกว่าถั่วเน่าเมอะ วิธีการปรุงก็คั่วใส่ใข่ใส่พริก กระเทียม พร้อมโรยผักชีลาว หรือ ถ้านำไปตากแห้งทำเป็นแผ่นบางๆ เรียกว่าถั่วเน่าแข็บ หรือ ถั่วเน่าแผ่น ใช้ย่างไฟพอให้เกรียมนิดๆ ตำผสมลงไปในแกงผักกาดจอก็ได้
จีนเองการมีหมักบ่มซีอิ้วกันแทบทุกหลังคาเรือน หลังจากบ่มจนเชื้อราขึ้น เป็นระยะเวลา3วันจนเน่าได้ที่ ก็นำมาผสมน้ำเกลือบรรจุลงในโอ่งปิดฝาดองไว้ 6เดือนเป็นอย่างน้อยก็จะได้ซีอิ้วสีดำ ใช้จิ้ม ใช้เหยาะในอาหารจีนกันแล้ว ...ในญี่ปุ่นเองก็มีถั่วเน่าเหมือนคนไทใหญ่ เรียกว่านัตโตะ หรือ ถั่วเน่าญี่ปุ่น มีวิธีการทำเหมือนกันเปี้ยบ เรียกว่าก็อปเกรดเอ แบบเซิ่นเจิ้นเลยดีกว่า เพราะได้สูตรการทำมาจากจีนเหมือนกัน ถั่วเน่าสไตล์ญี่ปุ่น เวลาทานก็จะเทคลุกลงไปกับข้าวสวย ตอกไข่ไก่สดลงไปด้วยถ้ามี กินแบบนี้เป็นอาหารเช้าของชาวอาทิตย์อุทัย และถูกใช้เป็นส่วนผสมสำคัญในซุปมิโซะด้วย
วัฒนธรรมการหมักดองของชาวจีน ยังพัฒนาจากถั่วเหลืองมาเป็นใช้ปลาตัวเล็กแทน อย่างการทำน้ำปลาของชาวจีนแต้จิ๋ว ซึ่งเป็นต้นกำเนิดน้ำปลาแห่งแรก ก่อนที่สูตรการทำน้ำปลาจะแพร่หลายเข้าในเวียดนามและไทย จนป่านนี้ใครหลายคน ก็คิดว่าน้ำปลาเป็นของไทย เพราะกินกันมาเกิน 5-6 ชั่วอายุคนแล้ว อารมณ์ก็ประมาณผัดกะเพรานั่นล่ะ บางคนถึงกับให้เป็นอาหารประจำชาติไปแล้ว ทั้งที่เพิ่งจะมีมาไม่เกิน 50ปีนี่เอง
ติดตามกระทู้อื่นๆ น่าสนใจได้ทาง
https://lampangfood.blogspot.com
3 ) ผักกาดจอ ร้านใบเฟิร์น เมนูฮิตสุดคลีน พี่หม่ำยังชอบ กลางเมืองแม่ฮ่องสอน
ผักกาดจอ ร้านใบเฟิร์น เป็นเมนูยอดนิยมที่ทุกโต๊ะต้องออเดอร์สั่งมาลองลิ้มชิมรส คำว่าจอ ในภาษาเหนือแปลว่า ต้มผักที่มีรสเปรี้ยว ไม่ใส่เครื่องเทศหรือพริกแกงใดๆ เพียงแค่เติมฝักมะขามเปียกลงไป แล้วโรยหน้าด้วยพริกแห้งคั่วและต้นหอมผักชีเท่านั้น เป็นอันเสร็จพิธี ปัจจุบันผักกาดจอ กลายเป็นเมนูยอดนิยมของคนไทยทุกภาคไปแล้ว ด้วยความเป็นอาหารคลีน ไม่มีไขมัน ไม่มีรสชาติเผ็ดจัดจ้าน จึงสามารถรับประทานได้ทุกเพศทุกวัย
ไม้สักทอง เป็นสินค้า ที่ทำรายได้มหาศาลให้กับบรรดาเจ้าผู้ครองนครล้านนา ด้วยความเป็นไม้เนื้อแข็งทนทานอยู่ได้หลายร้อยปี ไม้สักทองจึงเป็นที่นิยมและมีความต้องการสูง ไม้เหล่านี้ได้ถูกบรรทุกขนส่งลงเรือไปถึงเกาะอังกฤษ เพื่อใช้ก่อสร้างบ้านเรือนและโบสถ์ในขณะนั้น ...เนื่องด้วยอุตสาหกรรมการทำไม้ในเขตพม่า มีการทำมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน จนไม้สักทองเริ่มหมดและหายากมากขึ้น บริษัทบอมเบย์เบอร์มา เป็นตัวแทนจากรัฐบาลอังกฤษได้เจรจาตกลงทำสัญญาขอเปิดป่า เข้ามาทำสัมปทานป่าไม้ในฝั่งดินแดนล้านนา แม่ฮ่องสอนขณะนั้นยังเป็นป่าดงดิบที่มีความอุดมสมบูรณ์เต็มไปด้วยไม้สักทอง
ตำนานนายห้างป่าไม้ชาวฝรั่งจึงเกิดขึ้น นายหลุยส์ เลียว โนเว่น ชาวอังกฤษ (เป็นลูกชายของแหม่มแอนนา นักเขียนผู้โด่งดังนั่นเอง) หลุยส์มาในตำแหน่งผู้แทนจากบริษัทบอมเบย์เบอร์มา ได้เข้าดูแลกิจการทำไม้ทั้งหมดของบริษัทในเขตดินแดนล้านนา นายห้างฝรั่งในสมัยนั้น มีกฏของบริษัทห้ามนำภรรยาติดตามมาด้วย ด้วยเหตุต้องเข้าไปในป่าดิบชื้นที่อันตราย และมีแต่แรงงานเพศชายทั้งนั้น อาจจะเกิดเหตุอันตรายขึ้นได้
นายห้างฝรั่งจึงมีสถานภาพเหมือนกันหมดคือ โสดแต่ไม่สด นายหลุยส์ จึงขึ้นชื่อเรื่องลือความเป็นเพลย์บอย ทั้งในเรื่องการดื่มและความเจ้าชู้ ว่ากันว่าหลังจากเสร็จภารกิจดูแลกิจการในป่า พอตกเย็นก็จะมีงานกินเลี้ยงปาร์ตี้ในบรรดานายห้างฝรั่งด้วยกัน และเหล่าลูกน้องคนสนิท ในเขตบ้านพักสุดหรูใจกลางเมือง ถึงเวลาเหมาะสมก็จะมีหญิงนายหน้าจูงมือสาวน้อยชาวล้านนาเข้ามาให้เลือกหน้าคร่าตากัน ถูกใจกันแล้วจึงนัดแนะเวลาเพื่อมารับหญิงสาวกลับไป เป็นอย่างนี้จนเป็นกิจวัตรประจำ สมัยนั้นมีการเปรียบเปรยว่านายหลุยส์ อยู่สุขสบายดีราวกับเป็นเจ้าแห่งล้านนาไปอีกคนนึง
ติดตาม Top 5 ร้านอาหารเด็ดของแต่ละจังหวัดภาคเหนือ ตามลิงค์นี้ได้เลย
จังหวัดลำพูน
https://pantip.com/topic/39290553
จังหวัดเชียงใหม่
https://pantip.com/topic/39310784