ทำไมถึงแบ่งการพัฒนาเป็นแบบนี้ ?  จริงๆ แล้วมันไม่ได้มีความซับซ้อนอะไรเลย เนื่องจากอุปกรณ์ชิ้นส่วนต่างๆ ล้วนเหมือนกันแทบทั้งหมด แต่มีอยู่หนึ่งสิ่งที่สามารถแบ่งแยกการพัฒนามาได้นั้นคือระบบคลัช โดยใน Nova S และ R เป็นครัชอัตโนมัติ ส่วนของ RS และ RS Super อยู่ลักษณะครัชมือ
.

       Honda Nova RS Super มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 2 จังหวะ 1 ลูกสูบ วางเครื่องเอียง 40 องศา ป้อนไอดีแบบแคร้งเคสรีดวาล์ว ระบายความร้อนด้วยลม ความจุกระบอกสูบอยู่ที่ 105 cc มีระยะชักที่ 52×49.5 มม. และมีกำลังอัดอยู่ที่ 6.5: 1 โดยสามารถทำแรงม้าสูงสุดที่ 14 แรงม้า ต่อรอบเครื่อง 8,000 รอบ/นาที และสามารถทำแรงบิดสูงสุดที่ 1.37 กก.-ม. ที่รอบเครื่อง 7,000 รอบ/นาที
.

       เกือบเป็นที่สุดในเวลานั้นสำหรับ Nova RS Super จะไม่พูดแบบนี้คงไม่ได้ หากนำรถไปเปรียบเทียบกับคู่แข่งรายอื่นๆ จะพบว่ามีเพียง Suzuki Akira 110RR เพียงเท่านั้นที่แรงกว่า ทั้งนี้ในส่วนค่าย Yamaha และ Kawasaki ไม่สามารถต่อกรความเร็วแรงกับแก๊ง RS ได้เลย
.

       นอกจากความแรงแล้ว ภาพลักษณ์ความเป็นสปอร์ตก็กินขาดซ้ำไปกว่าเดิม โดยการเปลี่ยนโช๊คหลังแบบคู่ให้กลายเป็นโช๊คเดียว (Mono Shock) แบบในรถสปอร์ต 150 cc ที่กำลังทำตลาดอยู่ในเวลานั้น ถึงแม้ว่าทาง Akira เป็นผู้ริเริ่มทำในตลาดนี้ก่อน แต่ก็มีระยะเวลาห่างกันเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น  อีกทั้งในส่วนของดิสก์เบรกหน้าและหลัง ซึ่งยังไม่มีใครเจ้าไหนที่กล้าให้มากมายเท่ากับ Honda อีกทั้งบ้างค่ายยังคงใช้ระบบดรัมเบรกหน้าหลังอยู่เลย
.

      สิ่งหนึ่งถึงจะกล่าวถึง Nova RS Super ก็คือ การที่ Suzuki ชิงปล่อย Akira มาในตอนปลายปี 2533 ซึ่งในช่วงก่อนหน้านั้น แก๊งตระกูล Nova เป็นผู้ครอบครองตลาดรถประเภทนี้อยู่ โดยมีรุ่น S, R, RS รวมไปถึง Cela ทั้งนี้การมาของ Akira อาจไปกระทบยอดขายของแก๊ง Nova รึอย่างไงแน่ๆ ผลลัพท์ที่ออกมาก็คือทาง Honda ต้องรีบปล่อย Nova RS Super มาทำตลาดแข่งขันอย่างรวดเร็ว
.

       สุดท้ายนี้ Nova RS Super ถือได้ว่าเป็นรถรุ่นหนึ่งที่พาให้ตลาดรถสปอร์กึ่งครอบครัวมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เลยก็ว่าได้ ทุกๆ ค่ายล้วนมีโจยท์ที่ต้องทำรถออกมาต่อสู้ในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะในส่วนเครื่องยนต์กลไกล อุปกรณ์ต่างๆ รวมไปถึงภาพลักษณ์ที่ดูสปอร์ตตามยุคสมัย ซึ่งสามารถเห็นได้ชัดเจนหลังจากนี้เป็นต้นไป

---