สวัสดีค่ะ พอดีเมื่อวันที่ 28 - 30 กันยา ที่ผ่านมาได้มีโอกาสไปเที่ยวโอกินาว่าอย่างไม่ทันคาดฝัน เลยอยากมาแชร์กับเพื่อนๆ ในพันทิปค่ะ ^^
คิดว่าจุดเริ่มต้นน่าจะเหมือนกับหลายๆ คนคือ Peach Air ปล่อยโปรตั๋วเครื่องบินราคาถูกออกมา รวมทุกอย่างแล้วไปกลับอยู่คนละ 3740 บาท
เราเลยจองสำหรับสามคน + ค่าโหลดกระเป๋าขากลับอย่างเดียวอีก 980 บาท สรุปจ่ายคนละ 4066 บาทค่ะ
แผนเที่ยวจัดแบบแน่นมาก (ฮา) แต่เผื่อตัดทิ้งในกรณีไปไม่ไหวด้วย ซึ่งโชคดีมากที่ทำแบบนั้นเพราะในความเป็นจริงหมดแรงสุดๆไปเลยค่ะ
เริ่มจาก
Day 1 สนามบิน --> Hotel --> Makishi Fish Market --> Shuri Castle --> ร้านอาหาร Nanahoshi --> ร้านกาแฟ 南谷茶房 (nankokusabo) --> Hotel --> Naminoue beach --> Aeon
พอออกจากเกทตอนแปดโมงหน่อยๆ สิ่งแรกที่เราทำคือนำวอยเชอร์ไปแลกบัตร Enjoy pass ที่ JCB ค่ะ ซึ่งร้านเปิด 9 โมงเช้า
มีความเหวอเล็กน้อย เพราะลืมคิดเรื่องเวลาร้านเปิดทำให้ว่างเกือบชม. ไหนๆ แล้วก็จัด Pork Tamago Onigiri ขึ้นชื่อของที่นี่สักหน่อย

เราเลือกแบบธรรมดาค่ะ อร่อยดีเพราะไข่จะรสชาติจืดๆ นุ่มๆ ทั้งหมดนี้พอกินกับสแปมที่เค็มๆ ก็ลงตัวเกินคาด ส่วนเพื่อนเรากินแบบใส่กุ้งค่ะ
อิ่มท้องกันเบาๆ (?) ก็เดินทางไปสถานี Kencho mae เพราะเราจองโรงแรม y's cabin & hotel Naha เอาไว้
วันนี้เรามีแผนอยู่กับรถไฟทั้งวัน เลยซื้อตั๋ว 1 day ราคา 800 เยน ใช้ได้ 24 ชม.
เพื่อนเราเป็นพวกไฟฟ้าสถิตย์เยอะ มีปัญหากับการสแกนตั๋วรถไฟมากค่ะ 555 โดนประตูดีดใส่ตลอดต้องสแกนสองสามรอบถึงจะผ่าน
โรงแรมอยู่ใกล้สถานีมากแค่สามนาที เอากระเป๋าไปฝากเสร็จก็นั่งรถต่อไป Makishi Fish Market ทันที
อยากจะบอกว่าเดินจากสถานี Makishi ไป Fish Market ไม่ใกล้นะคะ เรากับเพื่อนอีกคนขาไม่ดีเดินกันปวดขาเลยเชียว
และพอไปถึงตลาดค่อนข้างธรรมดา ไม่มีอะไรน่าสนใจ ขายของนักท่องเที่ยว
แต่ไหนๆก็มาแล้วเลยจัดกันเต็มที่ เป็นมื้อแพงที่สุดคือ 10200 เยน
อุนิอร่อยค่ะ เพราะเป็นอุนิสดและกุ้งที่เนื้อแน่น แต่ไม่ถึงกับประทับใจเท่าไปกินที่ฮอกไกโด ที่นั่นคือสุดยอดดดดดดด
ดังนั้นความเห็นส่วนตัวของเราถ้าไม่จำเป็นไม่ต้องแวะมาก็ได้ค่ะ
จาก Makishi เราไปต่อที่ปราสาทชูริค่ะ ใช้ตั๋วลดไฟ 1 day เป็นส่วนลดเหลือ 660 เยน
จุดนี้ก็เช่นกัน เราไม่คิดว่าจะเดินหนักมากกกก (ฮา) จากสถานีไปปราสาทว่าไกลแล้ว ต้องเดินขึ้นเนินและบันไดค่ะ
ถ้าใครมีผู้ใหญ่หรือเด็กเล็กเตรียมตัวให้พร้อมนะคะ และควรใช้เวลาเผื่อๆเหลือๆสักสองสามชั่วโมงในการเดินต่อนยอนค่ะ
แต่ปราสาทสวยมากค่ะ คุ้มค่าควรมาเยือน เวลาเข้าปราสาทเขาให้ถอดรองเท้าใส่ถุงพลาสติกแล้วถือเดิน อย่าลืมใส่รองเท้าถอดง่ายๆ มานะคะ
เดินในปราสาทชมโน่นชมนี่ (ไม่ได้เดินตามไกด์) แวะกินขนมที่ Sasunoma Tea Room เซตละ 500 เยน ชาเติมได้ไม่อั้นค่ะ
พอเจออากาศร้อนจัด ได้นั่งพักดื่มชามันฟินมากจริงๆนะ เจ้าหน้าที่พูดได้ทั้งอังกฤษและจีนเลยค่ะ เขาจะมาอธิบายว่าขนมแต่ละชิ้นคืออะไร
อดทนอีกนิดปีนขึ้นไปด้านบนเราก็จะเจอจุดชมวิว สวยยยยยย ร้อนนนนนน
หลังจากใช้พลังงานทั้งไปทั้งกลับ ขากลับเลยแวะ Nanahoshi shokudo เป็นร้านข้าวแบบเซตง่ายๆราคาถูก ซึ่งเราเห็นเขารีวิว
มาโบในเนตเลยพุ่งมากินด้วยความหิวมาก เซตละ 550 เยนค่ะ อิ่มอร่อย
ตบท้ายด้วยร้านกาแฟล้างปาก (สายกาแฟ ต้องกินทุกวัน) เลยนั่งพักดื่มกาแฟที่ร้าน Nankoku Sabo cafe ร้านอยู่ติดทางขึ้นสถานีชูริเลย
ซึ่งกาแฟที่นี่รสชาตินุ่ม ไม่เปรี้ยว แก้วละ 600 เยน แต่ที่เราว่าเด็ดคือ cocoa tea ค่ะ อร่อยมากกก เป็นชาโกโกที่ไม่เคยกินมาก่อน เหมือนโกโก้ที่เอามาดริปเย็น ได้กลิ่นหอมและรสชาติติดลิ้นนุ่มๆ บอกไม่ถูกแต่ขอให้ไปลองค่ะ มันดี!
หลังจากเติมพลังด้วยคาเฟอีนเป็นเวลาสี่โมงครึ่งพอดี พวกเราเลยมุ่งหน้ากลับโรงแรมเพื่อเช็คอิน โรงแรม y's cabin & hotel
เราจองห้องนอนสามคน เป็นห้องญี่ปุ่นปูฟุตงค่ะ ราคาต่อคนคืนละ 1000 บาท งานนี้เลยจ่ายไป 2000 บาท
ที่นี่มีทุกอย่างให้หมด ทีวี ชุดนอน แปรงฟัน หวี ผ้าเช็ดตัว ผ้าเช็ดผม สบู่ แชมพู ล้างเครื่องสำอางจนถึงครีมทาหน้า ไดร์เป่าผมพร้อมมาก
มีที่ซักผ้าหยอดเหรียญ เครื่องอบผ้า บ่อน้ำร้อนให้แช่ (นี่แหละที่ต้องการ เหนื่อยทั้งวันได้แช่คือสวรรค์) และมีพื้นที่ส่วนกลางให้นั่งอ่านการ์ตูน หนังสือท่องเที่ยวที่เขาเตรียมไว้ หรือจะดูทีวีก็ได้
แม้แต่ห้องอาหาร หลังมื้อเช้าเขาจะไม่ปิดห้องแต่เปิดให้ทุกคนมาใช้ได้ตามสะดวก มีปลั๊กไฟให้เสียบต่อคอมพ์ มีน้ำร้อน จะนั่งกินขนมกินข้าวที่ซื้อจากข้างนอกทีนี่ก่อนขึ้นห้องก็ได้ค่ะ เราเห็นคนนั่งทำงานกันเยอะแยะเลย
ยัง..ยังไม่จบ พักผ่อนกันสักครึ่งชม.ก็ลุยต่อ จากโรงแรมเดินไป naminoue beach ได้ค่ะ ประมาณกิโลนิดๆ
เดิน....ขา....ลาก
น่าเสียดายที่ Naminoue shrine ปิดตั้งแต่สี่โมง แต่เราก็ยังขึ้นไปขอพรได้นะคะ Naminoue แปลว่าเหนือคลื่น ศาลเจ้าก็อยู่บนภูเขาเหนือคลื่นทะเลจริงๆ บรรยากาศดี มีคนนั่งเล่นกันเต็มไปหมดเลย

มาเถอะค่ะ มานั่งพักผ่อนเพลินๆ ได้บรรยากาศ
ก่อนกลับห้องพักเรามีภารกิจตามหาลังใส่ของ เพราะพวกเราไม่ได้เอากระเป๋าเดินทางใบใหญ่มา ตั้งใจว่าจะเอาของแพ็คใส่ลังแล้วโหลดลงใต้เครื่อง
ว่าแล้วก็กระโดดขึ้น yui rail ไปสถานี Oroku เพื่อแวะห้าง AEON ค่ะ
จัดการช้อปของในซุปเปอร์ (เราชอบซื้อของฝากจากซุปเปอร์มากว่าตามร้านขายของฝาก ^^) เสร็จ ดันพบว่า...ไม่มีกล่องไซส์ใหญ่ T__T แย่แล้วรีบไปที่ counter service ซึ่งพนักงานน่ารักมาก เดินไปด้านหลังหากล่องใบใหญ่มาให้เราตามที่ขอเลยค่ะ
ก่อนนอนมีแวะคอนวิเนี่ยน จัดบะหมี่ถ้วยตบท้ายอีกครั้ง
จบ 1 วันแบบร่างแหลกสลบเหมือด
-----------------
Day 2 Hotel --> ไปรับรถที่สนามบิน --> ซื้อข้าวเช้าที่Oinalian ---> ซื้อกาแฟที่ร้าน Zhyvago Coffee works --> ข้าวเที่ยงที่ Yanbaru Soba --> นั่งคาเฟ่ Yachimun Cafe Shisa Garden --> Okinawa Churaumi Aquarium --> KOURI OCEAN TOWER --> Hamburger ข้างทาง --> แวะดองกี้ โฮเต้ --> Hotel
วันที่สองออกจากโรงแรมแปดโมงกว่า บัตร 1 day ของ Yui rail ใช้ได้ถึง 9:30 พวกเราเลยได้ใช้บัตรนี้กลับไปที่สนามบินเพื่อไปรับรถ
เราใช้รถของ ORIX ค่ะ เจอเจ้าหน้าที่กรอกข้อมูลเสร็จเขาก็พาทุกคนขึ้นรถบัสเพื่อไปศูนย์เช่า อยู่ห่างจากสนามบินประมาณ 15 นาที ในตอนแรกเราจองคันเล็กๆ ค่าเช่าวันละ 1000 บาท เช่าสองวัน แต่โชคดีมากที่เจ้าหน้าที่อัพเกรดรถจากคันเหลี่ยมๆ ไม่มีที่เก็บของให้เป็น Nissan Note มีท้ายรถให้ใส่ของน้ำตาจะไหลในราคาเดิม
เอ้าลุย ประเดิมปุ๊บก็เจอแก๊งรถที่เรามักเห็นในทีวี แต่งตัวกันน่ารักเชียว
ขับรถที่นี่ง่ายมาก ขอแค่มี map code ใส่ใน Gps พาไปถึงที่แทบจะเกยประตูทางเข้าค่ะ และทุกคนขับชิลมากประมาณ 60-80 กม/ชม
เติมพลังอาหารเช้าที่ร้าน OINALIAN เป็นอินาริซูชิกับไก่ทอด (ในรูปสะกดผิดไปอีก) เราซื้อเซตเล็ก 390 เยน ได้อินาริซูชิสองชิ้น ไก่ทอดและน้ำหนึ่งแก้ว ซูชิฉ่ำน้ำส้มสายชูมาก แต่ไม่เปรี้ยวเกินไป กินพร้อมไก่ทอด อร่อยกำลังดีเลยค่ะ แต่ที่ติดใจมากคือชา sanpin (ชาจัสมิน)
ชา sanpin ของที่นี่หอมมาก หอมมมมมมมม ประทับใจ ทั้งทริปนี้ไม่เจอชา Sanpin อันไหนหอมเท่าของร้านนี้เลย
ได้ข้าวรองท้อง ขับรถไปอีกนิดก็จะผ่าน American Village โดยส่วนตัวทั้งแก๊งไม่มีใครสนใจเที่ยวตรงนี้เลยแวะไปซื้อกาแฟเฉยๆ ค่ะ
ร้านชื่อ Zhyvago Coffee works Okinawa หันหน้าเข้าหาร้านทะเล สมกับที่อยู่ใน American Villageมาก ฝรั่งเพียบคนขายพูดอังกฤษเป็นไฟ ได้กาแฟอร่อยๆก็ออกเดินทางต่อ
วิ่งมาชม.หน่อยๆ เที่ยงพอดี เรามีเป้าหมายที่ Soki soba โซบะของโอกินาว่า ร้านดังชื่อ Yanbaru Soba เราเห็นคนญี่ปุ่นรีวิวไว้ว่าควรมาลอง ก็เลยตามรอย ร้านเป็นเพิงมาก (ฮา) ตอนที่ GPS พามาถึงทุกคนถึงกับมองหน้าว่ามันโอเคแน่นะ แต่คนรอเต็มหน้าร้านเลยค่ะ
เต็มสิบให้แปด น้ำซุปอร่อยมาก เนื้อหมูจะหวานนิดๆ แนะนำให้สั่งไซส์เล็กค่ะ เราสั่งไซส์ธรรมดา เส้นโซบะเหลือเกือบเต็มจาน แงงง มันเยอะมาก
ยังไม่พอ แวะร้านคาเฟ่อีกร้านที่เขาว่าวิวดีแถมห่างจากร้านโซบะไม่ไกล Yachimun Cafe Shisa Garden เอาอีกแล้ว ทางรถขึ้นเขาวิ่งได้เลนเดียว เปลี่ยวจนไม่คิดว่าจะมีร้านอยู่แถวนี้ บรรยากาศเหมือนหลงมาในโลกของสตูดิโอจิบลิเลย
เราไม่ได้กินของเด็ดร้านนี้เพราะยังอิ่มอยู่ เลยสั่งเซนไซเย็นๆ พร้อมจิบชา นั่งเหม่อมองวิวเพลินๆ
สบายใจแล้วก็ออกเดินทางต่อ จานร้านนี้ไป Churaumi Aquarium แค่สิบนาทีค่ะ
จังหวะที่เราไปฝนตก ฟ้าเลยมืดครึ้มไปหมด ไปถึงเขากำลังให้อาหารเจ้าฉลามวาฬพอดี
เดินวนรอบๆ มองเวลา ต้องรีบไป KOURI OCEAN TOWER ซะแล้วเพราะทาวเวอร์ปิดหกโมงเย็น
แน่นอนว่าทางไปทาวเวอร์เราต้องวิ่งข้ามสะพานยาวๆๆๆๆสวยๆๆๆ ซึ่งสวยจริงค่ะ ทะเลสวยมาก
บนหอเขาให้เราขึ้นไปดูทีละชั้น ชั้นบนสุดมีระฆังสั่นทีเสียงดังมาก
พระอาทิตย์เริ่มตกพอดี

ที่ขำคือตอนข้ามสะพาน พวกเราเห็น Food truck ขายแฮมเบอร์เกอร์ท่าทางน่ากิน เลยวางแผนว่ามื้อเย็นต้องจัดตรงนี้แหละ และมันเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องค่ะ
หกโมงเย็นออกจากทาวเวอร์แวะร้านแฮมเบอร์เกอร์ข้างทา ร้านอยู่ติดหาดKouri พอดี สั่งเสร็จก็ไปเดินเล่นแถวหาดก่อน บรรยากาศดีมากกกกก
อิ่มสายตาก็มาอิ่มท้อง นี่คือแฮมเบอร์เกอร์ที่แพงที่สุดในชีวิตเราค่ะ ชิ้นละ 1600 เยน เป็นเซตพร้อมน้ำและเฟรนช์ฟรายก็ 2000 เยน
แต่อร่อยสุดๆ เนื้อฉ่ำมีไข่ดาว ชีส อโวควาโดและผัก กินไปดูวิวพระอาทิตย์ตกไปด้วย
รู้สึกดีสุดๆ
จนหนึ่งทุ่มก็กลับค่ะ
ขับรถสักพักก็คุยกันว่าอยากแวะดองกี้ โฮเต้เพื่อซื้อของฝาก แต่จากโรงแรมที่เราพักเดินไปดองกี้ไกลอยู่ ความขี้เกียจทำให้เราหาดองกี้ใกล้ๆ แล้วพบว่าขับรถไปสิบนาทีจะเจอดองกี้นะจ้ะ เย้!
และที่โชคดีมากๆ คือเราขับรถไปจอดชั้นดาดฟ้าของห้าง แล้วมีที่ไหนไม่รู้จุดพลุพอดี พวกเราเลยได้ยืนดุพลุจนจบงานแบบเต็มตาไม่มีใครบังวิว
อิ่มเอม อิ่มใจ สุดๆเลย
Okinawa 28-30 ก.ย 2019 แว้บงานไปเที่ยว 3 วัน 2 คืน
คิดว่าจุดเริ่มต้นน่าจะเหมือนกับหลายๆ คนคือ Peach Air ปล่อยโปรตั๋วเครื่องบินราคาถูกออกมา รวมทุกอย่างแล้วไปกลับอยู่คนละ 3740 บาท
เราเลยจองสำหรับสามคน + ค่าโหลดกระเป๋าขากลับอย่างเดียวอีก 980 บาท สรุปจ่ายคนละ 4066 บาทค่ะ
แผนเที่ยวจัดแบบแน่นมาก (ฮา) แต่เผื่อตัดทิ้งในกรณีไปไม่ไหวด้วย ซึ่งโชคดีมากที่ทำแบบนั้นเพราะในความเป็นจริงหมดแรงสุดๆไปเลยค่ะ
เริ่มจาก
Day 1 สนามบิน --> Hotel --> Makishi Fish Market --> Shuri Castle --> ร้านอาหาร Nanahoshi --> ร้านกาแฟ 南谷茶房 (nankokusabo) --> Hotel --> Naminoue beach --> Aeon
พอออกจากเกทตอนแปดโมงหน่อยๆ สิ่งแรกที่เราทำคือนำวอยเชอร์ไปแลกบัตร Enjoy pass ที่ JCB ค่ะ ซึ่งร้านเปิด 9 โมงเช้า
มีความเหวอเล็กน้อย เพราะลืมคิดเรื่องเวลาร้านเปิดทำให้ว่างเกือบชม. ไหนๆ แล้วก็จัด Pork Tamago Onigiri ขึ้นชื่อของที่นี่สักหน่อย
เราเลือกแบบธรรมดาค่ะ อร่อยดีเพราะไข่จะรสชาติจืดๆ นุ่มๆ ทั้งหมดนี้พอกินกับสแปมที่เค็มๆ ก็ลงตัวเกินคาด ส่วนเพื่อนเรากินแบบใส่กุ้งค่ะ
อิ่มท้องกันเบาๆ (?) ก็เดินทางไปสถานี Kencho mae เพราะเราจองโรงแรม y's cabin & hotel Naha เอาไว้
วันนี้เรามีแผนอยู่กับรถไฟทั้งวัน เลยซื้อตั๋ว 1 day ราคา 800 เยน ใช้ได้ 24 ชม.
เพื่อนเราเป็นพวกไฟฟ้าสถิตย์เยอะ มีปัญหากับการสแกนตั๋วรถไฟมากค่ะ 555 โดนประตูดีดใส่ตลอดต้องสแกนสองสามรอบถึงจะผ่าน
โรงแรมอยู่ใกล้สถานีมากแค่สามนาที เอากระเป๋าไปฝากเสร็จก็นั่งรถต่อไป Makishi Fish Market ทันที
อยากจะบอกว่าเดินจากสถานี Makishi ไป Fish Market ไม่ใกล้นะคะ เรากับเพื่อนอีกคนขาไม่ดีเดินกันปวดขาเลยเชียว
และพอไปถึงตลาดค่อนข้างธรรมดา ไม่มีอะไรน่าสนใจ ขายของนักท่องเที่ยว
แต่ไหนๆก็มาแล้วเลยจัดกันเต็มที่ เป็นมื้อแพงที่สุดคือ 10200 เยน
อุนิอร่อยค่ะ เพราะเป็นอุนิสดและกุ้งที่เนื้อแน่น แต่ไม่ถึงกับประทับใจเท่าไปกินที่ฮอกไกโด ที่นั่นคือสุดยอดดดดดดด
ดังนั้นความเห็นส่วนตัวของเราถ้าไม่จำเป็นไม่ต้องแวะมาก็ได้ค่ะ
จาก Makishi เราไปต่อที่ปราสาทชูริค่ะ ใช้ตั๋วลดไฟ 1 day เป็นส่วนลดเหลือ 660 เยน
จุดนี้ก็เช่นกัน เราไม่คิดว่าจะเดินหนักมากกกก (ฮา) จากสถานีไปปราสาทว่าไกลแล้ว ต้องเดินขึ้นเนินและบันไดค่ะ
ถ้าใครมีผู้ใหญ่หรือเด็กเล็กเตรียมตัวให้พร้อมนะคะ และควรใช้เวลาเผื่อๆเหลือๆสักสองสามชั่วโมงในการเดินต่อนยอนค่ะ
แต่ปราสาทสวยมากค่ะ คุ้มค่าควรมาเยือน เวลาเข้าปราสาทเขาให้ถอดรองเท้าใส่ถุงพลาสติกแล้วถือเดิน อย่าลืมใส่รองเท้าถอดง่ายๆ มานะคะ
เดินในปราสาทชมโน่นชมนี่ (ไม่ได้เดินตามไกด์) แวะกินขนมที่ Sasunoma Tea Room เซตละ 500 เยน ชาเติมได้ไม่อั้นค่ะ
พอเจออากาศร้อนจัด ได้นั่งพักดื่มชามันฟินมากจริงๆนะ เจ้าหน้าที่พูดได้ทั้งอังกฤษและจีนเลยค่ะ เขาจะมาอธิบายว่าขนมแต่ละชิ้นคืออะไร
อดทนอีกนิดปีนขึ้นไปด้านบนเราก็จะเจอจุดชมวิว สวยยยยยย ร้อนนนนนน
หลังจากใช้พลังงานทั้งไปทั้งกลับ ขากลับเลยแวะ Nanahoshi shokudo เป็นร้านข้าวแบบเซตง่ายๆราคาถูก ซึ่งเราเห็นเขารีวิว
มาโบในเนตเลยพุ่งมากินด้วยความหิวมาก เซตละ 550 เยนค่ะ อิ่มอร่อย
ตบท้ายด้วยร้านกาแฟล้างปาก (สายกาแฟ ต้องกินทุกวัน) เลยนั่งพักดื่มกาแฟที่ร้าน Nankoku Sabo cafe ร้านอยู่ติดทางขึ้นสถานีชูริเลย
ซึ่งกาแฟที่นี่รสชาตินุ่ม ไม่เปรี้ยว แก้วละ 600 เยน แต่ที่เราว่าเด็ดคือ cocoa tea ค่ะ อร่อยมากกก เป็นชาโกโกที่ไม่เคยกินมาก่อน เหมือนโกโก้ที่เอามาดริปเย็น ได้กลิ่นหอมและรสชาติติดลิ้นนุ่มๆ บอกไม่ถูกแต่ขอให้ไปลองค่ะ มันดี!
หลังจากเติมพลังด้วยคาเฟอีนเป็นเวลาสี่โมงครึ่งพอดี พวกเราเลยมุ่งหน้ากลับโรงแรมเพื่อเช็คอิน โรงแรม y's cabin & hotel
เราจองห้องนอนสามคน เป็นห้องญี่ปุ่นปูฟุตงค่ะ ราคาต่อคนคืนละ 1000 บาท งานนี้เลยจ่ายไป 2000 บาท
ที่นี่มีทุกอย่างให้หมด ทีวี ชุดนอน แปรงฟัน หวี ผ้าเช็ดตัว ผ้าเช็ดผม สบู่ แชมพู ล้างเครื่องสำอางจนถึงครีมทาหน้า ไดร์เป่าผมพร้อมมาก
มีที่ซักผ้าหยอดเหรียญ เครื่องอบผ้า บ่อน้ำร้อนให้แช่ (นี่แหละที่ต้องการ เหนื่อยทั้งวันได้แช่คือสวรรค์) และมีพื้นที่ส่วนกลางให้นั่งอ่านการ์ตูน หนังสือท่องเที่ยวที่เขาเตรียมไว้ หรือจะดูทีวีก็ได้
แม้แต่ห้องอาหาร หลังมื้อเช้าเขาจะไม่ปิดห้องแต่เปิดให้ทุกคนมาใช้ได้ตามสะดวก มีปลั๊กไฟให้เสียบต่อคอมพ์ มีน้ำร้อน จะนั่งกินขนมกินข้าวที่ซื้อจากข้างนอกทีนี่ก่อนขึ้นห้องก็ได้ค่ะ เราเห็นคนนั่งทำงานกันเยอะแยะเลย
ยัง..ยังไม่จบ พักผ่อนกันสักครึ่งชม.ก็ลุยต่อ จากโรงแรมเดินไป naminoue beach ได้ค่ะ ประมาณกิโลนิดๆ
เดิน....ขา....ลาก
น่าเสียดายที่ Naminoue shrine ปิดตั้งแต่สี่โมง แต่เราก็ยังขึ้นไปขอพรได้นะคะ Naminoue แปลว่าเหนือคลื่น ศาลเจ้าก็อยู่บนภูเขาเหนือคลื่นทะเลจริงๆ บรรยากาศดี มีคนนั่งเล่นกันเต็มไปหมดเลย
มาเถอะค่ะ มานั่งพักผ่อนเพลินๆ ได้บรรยากาศ
ก่อนกลับห้องพักเรามีภารกิจตามหาลังใส่ของ เพราะพวกเราไม่ได้เอากระเป๋าเดินทางใบใหญ่มา ตั้งใจว่าจะเอาของแพ็คใส่ลังแล้วโหลดลงใต้เครื่อง
ว่าแล้วก็กระโดดขึ้น yui rail ไปสถานี Oroku เพื่อแวะห้าง AEON ค่ะ
จัดการช้อปของในซุปเปอร์ (เราชอบซื้อของฝากจากซุปเปอร์มากว่าตามร้านขายของฝาก ^^) เสร็จ ดันพบว่า...ไม่มีกล่องไซส์ใหญ่ T__T แย่แล้วรีบไปที่ counter service ซึ่งพนักงานน่ารักมาก เดินไปด้านหลังหากล่องใบใหญ่มาให้เราตามที่ขอเลยค่ะ
ก่อนนอนมีแวะคอนวิเนี่ยน จัดบะหมี่ถ้วยตบท้ายอีกครั้ง
จบ 1 วันแบบร่างแหลกสลบเหมือด
-----------------
Day 2 Hotel --> ไปรับรถที่สนามบิน --> ซื้อข้าวเช้าที่Oinalian ---> ซื้อกาแฟที่ร้าน Zhyvago Coffee works --> ข้าวเที่ยงที่ Yanbaru Soba --> นั่งคาเฟ่ Yachimun Cafe Shisa Garden --> Okinawa Churaumi Aquarium --> KOURI OCEAN TOWER --> Hamburger ข้างทาง --> แวะดองกี้ โฮเต้ --> Hotel
วันที่สองออกจากโรงแรมแปดโมงกว่า บัตร 1 day ของ Yui rail ใช้ได้ถึง 9:30 พวกเราเลยได้ใช้บัตรนี้กลับไปที่สนามบินเพื่อไปรับรถ
เราใช้รถของ ORIX ค่ะ เจอเจ้าหน้าที่กรอกข้อมูลเสร็จเขาก็พาทุกคนขึ้นรถบัสเพื่อไปศูนย์เช่า อยู่ห่างจากสนามบินประมาณ 15 นาที ในตอนแรกเราจองคันเล็กๆ ค่าเช่าวันละ 1000 บาท เช่าสองวัน แต่โชคดีมากที่เจ้าหน้าที่อัพเกรดรถจากคันเหลี่ยมๆ ไม่มีที่เก็บของให้เป็น Nissan Note มีท้ายรถให้ใส่ของน้ำตาจะไหลในราคาเดิม
เอ้าลุย ประเดิมปุ๊บก็เจอแก๊งรถที่เรามักเห็นในทีวี แต่งตัวกันน่ารักเชียว
ขับรถที่นี่ง่ายมาก ขอแค่มี map code ใส่ใน Gps พาไปถึงที่แทบจะเกยประตูทางเข้าค่ะ และทุกคนขับชิลมากประมาณ 60-80 กม/ชม
เติมพลังอาหารเช้าที่ร้าน OINALIAN เป็นอินาริซูชิกับไก่ทอด (ในรูปสะกดผิดไปอีก) เราซื้อเซตเล็ก 390 เยน ได้อินาริซูชิสองชิ้น ไก่ทอดและน้ำหนึ่งแก้ว ซูชิฉ่ำน้ำส้มสายชูมาก แต่ไม่เปรี้ยวเกินไป กินพร้อมไก่ทอด อร่อยกำลังดีเลยค่ะ แต่ที่ติดใจมากคือชา sanpin (ชาจัสมิน)
ชา sanpin ของที่นี่หอมมาก หอมมมมมมมม ประทับใจ ทั้งทริปนี้ไม่เจอชา Sanpin อันไหนหอมเท่าของร้านนี้เลย
ได้ข้าวรองท้อง ขับรถไปอีกนิดก็จะผ่าน American Village โดยส่วนตัวทั้งแก๊งไม่มีใครสนใจเที่ยวตรงนี้เลยแวะไปซื้อกาแฟเฉยๆ ค่ะ
ร้านชื่อ Zhyvago Coffee works Okinawa หันหน้าเข้าหาร้านทะเล สมกับที่อยู่ใน American Villageมาก ฝรั่งเพียบคนขายพูดอังกฤษเป็นไฟ ได้กาแฟอร่อยๆก็ออกเดินทางต่อ
วิ่งมาชม.หน่อยๆ เที่ยงพอดี เรามีเป้าหมายที่ Soki soba โซบะของโอกินาว่า ร้านดังชื่อ Yanbaru Soba เราเห็นคนญี่ปุ่นรีวิวไว้ว่าควรมาลอง ก็เลยตามรอย ร้านเป็นเพิงมาก (ฮา) ตอนที่ GPS พามาถึงทุกคนถึงกับมองหน้าว่ามันโอเคแน่นะ แต่คนรอเต็มหน้าร้านเลยค่ะ
เต็มสิบให้แปด น้ำซุปอร่อยมาก เนื้อหมูจะหวานนิดๆ แนะนำให้สั่งไซส์เล็กค่ะ เราสั่งไซส์ธรรมดา เส้นโซบะเหลือเกือบเต็มจาน แงงง มันเยอะมาก
ยังไม่พอ แวะร้านคาเฟ่อีกร้านที่เขาว่าวิวดีแถมห่างจากร้านโซบะไม่ไกล Yachimun Cafe Shisa Garden เอาอีกแล้ว ทางรถขึ้นเขาวิ่งได้เลนเดียว เปลี่ยวจนไม่คิดว่าจะมีร้านอยู่แถวนี้ บรรยากาศเหมือนหลงมาในโลกของสตูดิโอจิบลิเลย
เราไม่ได้กินของเด็ดร้านนี้เพราะยังอิ่มอยู่ เลยสั่งเซนไซเย็นๆ พร้อมจิบชา นั่งเหม่อมองวิวเพลินๆ
สบายใจแล้วก็ออกเดินทางต่อ จานร้านนี้ไป Churaumi Aquarium แค่สิบนาทีค่ะ
จังหวะที่เราไปฝนตก ฟ้าเลยมืดครึ้มไปหมด ไปถึงเขากำลังให้อาหารเจ้าฉลามวาฬพอดี
เดินวนรอบๆ มองเวลา ต้องรีบไป KOURI OCEAN TOWER ซะแล้วเพราะทาวเวอร์ปิดหกโมงเย็น
แน่นอนว่าทางไปทาวเวอร์เราต้องวิ่งข้ามสะพานยาวๆๆๆๆสวยๆๆๆ ซึ่งสวยจริงค่ะ ทะเลสวยมาก
บนหอเขาให้เราขึ้นไปดูทีละชั้น ชั้นบนสุดมีระฆังสั่นทีเสียงดังมาก
พระอาทิตย์เริ่มตกพอดี
ที่ขำคือตอนข้ามสะพาน พวกเราเห็น Food truck ขายแฮมเบอร์เกอร์ท่าทางน่ากิน เลยวางแผนว่ามื้อเย็นต้องจัดตรงนี้แหละ และมันเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องค่ะ
หกโมงเย็นออกจากทาวเวอร์แวะร้านแฮมเบอร์เกอร์ข้างทา ร้านอยู่ติดหาดKouri พอดี สั่งเสร็จก็ไปเดินเล่นแถวหาดก่อน บรรยากาศดีมากกกกก
อิ่มสายตาก็มาอิ่มท้อง นี่คือแฮมเบอร์เกอร์ที่แพงที่สุดในชีวิตเราค่ะ ชิ้นละ 1600 เยน เป็นเซตพร้อมน้ำและเฟรนช์ฟรายก็ 2000 เยน
แต่อร่อยสุดๆ เนื้อฉ่ำมีไข่ดาว ชีส อโวควาโดและผัก กินไปดูวิวพระอาทิตย์ตกไปด้วย
รู้สึกดีสุดๆ
จนหนึ่งทุ่มก็กลับค่ะ
ขับรถสักพักก็คุยกันว่าอยากแวะดองกี้ โฮเต้เพื่อซื้อของฝาก แต่จากโรงแรมที่เราพักเดินไปดองกี้ไกลอยู่ ความขี้เกียจทำให้เราหาดองกี้ใกล้ๆ แล้วพบว่าขับรถไปสิบนาทีจะเจอดองกี้นะจ้ะ เย้!
และที่โชคดีมากๆ คือเราขับรถไปจอดชั้นดาดฟ้าของห้าง แล้วมีที่ไหนไม่รู้จุดพลุพอดี พวกเราเลยได้ยืนดุพลุจนจบงานแบบเต็มตาไม่มีใครบังวิว
อิ่มเอม อิ่มใจ สุดๆเลย