มีทั้งมือถือเรือธงกล้องสวย มีทั้งกล้อง DSLR แต่ก็ยังอยากได้กล้องคอมแพค ทำไมอย่างงั้น!!

เครียดครับช่วงนี้กำลังจัดการกับกิเลสที่ถาโถมเข้ามา ไม่จบไม่สิ้นกับกล้องจริงๆ อมยิ้ม41
ไม่รู้ว่าเท่าไรถึงพอ โดยเฉพาะช่วงนี้ที่กำลังวางแผนจะไปเที่ยวเหนือช่วงธันวา ก็กะจะแบกน้อยแต่ได้ภาพดีๆติดไม้ติดมือกลับมา ลำพังกระเป๋าเสื้อผ้าก็เยอะแล้วไหนจะต้องหอบสังขารเดินขึ้นดอย แน่นอนครับ ตัดกล้อง DSLR ไปได้เลย เลยตัดสินใจพกแค่โทรศัพท์ กับกล้องฟิล์ม (มีกล้องฟิล์มอีกต่างหาก ไว้ถ่ายเวลามีอารมณ์ศิลปิน) พร้อมฟิล์มขาวดำ 2 ม้วน ในใจคือกะเอาแค่สองอย่างนี้ไปเก็บภาพจริง ๆ นะครับ 

แต่แล้วก็ดันทะลึ่งลองค้นหาเล่น ๆ ว่า เดี๋ยวนี้ฝั่งกล้อง คอมแพคเขาเป็นยังไงบ้าง ปรากฎว่า งานเข้าสิครับ ด้วยอานุภาพแห่งโชเชียลมีเดีย ทำให้เราสามารถขุดคุ้ยดูและอ่านรีวิวในระยะเวลาแค่ข้ามคืน จะกิเลสมันค่อย ๆ ก่อตัวขึ้น กลายเป็น "อยากมีกล้องคอมแพคไว้ติดตัวบ้าง" นี่ล่ะครับ ยากแล้ว ทำไงดี อมยิ้ม08
แต่ด้วยตัวผมเองเพิ่งไม่ถอยเลนส์ใหม่ มาใช้กับ DSLR หมาดๆ ทำให้เงินในคลังของผมร่อยหรอไปไม่น้อยเลยครับ ซึ่งถ้าจะจัดกล้องใหม่มาอีก งานนี้ต้องเป็นหนี้สิครับ ซึ่งไม่อยากให้เป็นแบบนั้น ผมเป็นคนที่เกลียดการเป็นหนี้มาก ผมจะไม่ค่อยใช้วิธีผ่อน 0% ถ้าไม่จำเป็น แต่งานนี้โควต้ามันไม่มี ทางออกที่จะได้มาซึ่งกล้องจึงหันไปที่บัตรกดเงินสด ที่ติดพ่วงมาตอนทำบัตรเครดิต แล้วลองคำนวณดอกเบี้ยเล่น ๆ ดูแล้ว ไม่ธรรมดาเลยครับ เหมือนเอาเงินไปทิ้งเปล่า ๆ และเป็นทางออกที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นครับ 

จนตอนนี้มาถึงขั้นคุยกับตัวเองครับว่า ทุกวันนี้ที่มีอยู่ ถามว่าเราใช้ไอ้สิ่งที่มีอยู่ทั้ง กล้องโทรศัพท์มือถือ กล้องฟิล์มอินดี้ กล้อง DSLR ได้คุ้มค่ากับเงินที่เสียไปบ้างรึยัง ตัวผมเองก็ยังตอบแบบอั้ม ๆ อึ้ง ๆ  อาจจะใช่ว่ากล้องแต่ละประเภทมันมีบทบาทที่ต่างกัน กล้องโทรศัพท์มือถืออาจไว้ใช้ยามติดตัวไปไหนมาไหนปกติ ถ่ายลงโซเชียล บลาๆ  กล้องฟิล์มไว้ถ่ายเวลาเราอยากย้อนวัยคิดถึงวันวาน กล้อง DSLR ไว้ถ่ายงานซีเรียส ๆ  ไว้ใช้งานหลัก ๆ  ส่วนข้ออ้างที่ผมอยากมีกล้องคอมแพคก็ประมาณ ไว้ถ่ายเวลาไปเที่ยวตัวเบา ๆ อยากได้ไฟล์ภาพที่เป็นไฟล์คุณภาพขึ้นมาจากโทรศัพท์มือถือหน่อยนึง แต่พกง่าย แต่อีกใจนึงก็พูดกับตัวเองว่า แต่โทรศัพท์มือถือไอ้ตัวแพงที่มีมันก็ใช้ถ่ายไม่ได้หรอ พกง่าย ไม่ต้องแบกเพิ่มด้วย  และเราก็จะค้านกลับไปว่า แต่มุมมองภาพมันต่างกันนี่นา มันไม่เหมือนกัน 

คุยกับตัวเองอยู่หลาบวันครับ แม้ตอนที่พิมพ์กระทู้นี้อยู่ก็ตาม แต่เหตุผลที่มีเหตุผลจนต้องทำให้ผมยอมรับมันก็คือ ไม่ว่าข้อโต้แย้งกับตัวเองที่กล่าวมาข้างต้นจะมีเหตุผลมากแค่ไหน หรือมันเหฃป็นความจริงมากแค่ไหน ในทั้งสองความคิดนั้น  แต่สิ่งที่ผมจะต้องคำนึงอีกต่อไปคือ อนาคต ตอนนี้เราเอาเงินอนาคตมาใช้ตามใจอย่างไม่ยั้งคิด แล้วถึงเวลาในอนาคตที่เราจำเป็นต้องใช้มัน แต่เราไม่มีล่ะ จะทำยังไง ถ้าการที่เราจะได้กล้องคอมแพคระดับไฮเอนด์มาแล้ว แต่ต้องไปเบียดเบียนตัวเองในอนาคต ต้องเป็นหนี้เป็นสิน ต้องเสียดอกเบี้ยอีกบานเบอะ ถามว่ามันจะคุ้นมั้ยกับกล้องตัวเดียว ถ้าเรามีเงินเหลือเก็บเหลือใช้แล้วจะไปซื้อมันมามันไม่ผิดเลย เพราะนั่นมันเงินเราและเราตัดสินใจเอง แต่ในกรณีนี้มันต่างกันแล้ว เพราะเรามีเงินที่จำกัดนั่นเอง

อย่างที่บอกครับ แม้แต่ตอนที่พิมพ์กระทู้นี้อยู่ ไอ้ในหัวผมมันก็ยังตีกันอยู่ไม่หยุด แต่ก็นั่นแหละครับ ผมต้องเลือก กระทู้นี้ผมถืออยากมาระบายให้กับคนที่อยากเล่นกล้องแต่ไม่มีงบ เผื่อไว้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในใจก็คือ "ใช้ในสิ่งที่มีอยู่ก่อนละกัน ไว้มีเงินมากพอค่อยไปสอยตัวท๊อปมาก็ไม่เสียหาย" เพราะการเป็นหนี้มันไม่สนุก ผมคิดว่างั้น บัตรในมือมากมายแค่ไหน แต่ถ้าถึงวันที่เราไม่สามารถใช้มันได้ มันก็กลายเป็นแค่แผ่นพลาสติก

อยากให้น้าๆพี่ๆที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับการต่อสู้กับความอยากของตัวเองมาแชร์ให้ฟังบ้างครับว่า จัดการยังไงกับความคิดของตัวเอง แล้วสุดท้ายผลเป็นยังไง 

ขอบคุณครับอมยิ้ม04
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่