.
.
.
ความคิดไม่ดี มี 14 แบบ
ความคิดดี มี 25 แบบ
ความคิดทั่วไป ที่เกิดขึ้นกับจิต ทุกจิต 7 แบบ
และความคิดทั่วไป ที่เกิดขึ้นกับจิตบางแบบ 6 แบบ
_________________
.
.
1. ความคิดไม่ดี 14 แบบ มีอะไรบ้าง
__________________

.
.
อกุศลเจตสิก
อกุศเจตสิก
คือ
เจตสิกที่ชั่ว
ที่บาป
ที่หยาบ
ที่ไม่งาม
ที่ไม่ฉลาด
อกุศลเจตสิกนี้
เมื่อประกอบกับจิตแล้ว
ก็ทำให้จิตเศร้าหมองเร่าร้อน
และทำให้เสียศีลธรรม
อกุศลเจตสิก ประกอบกับอกุศลเจตสิก ๑๒ ดวงเท่านั้น
ไม่ประกอบกับจิตอย่างอื่นเลย
และเพราะเหตุว่าอกุศลเจตสิก
ประกอบกับอกุศลจิต
ดังนั้นจึงได้ชื่อว่าอกุศลเจตสิก
...
...
อกุศลเจตสิก ๑๔ ดวงนั้น ดังนี้
.
.
โมหเจตสิก
๑. โมหเจตสิก
คือ ความหลง ความไม่รู้จริงตามสภาวะของอารมณ์..
.
.
.
ที่ว่า ไม่รู้นั้น หมายความว่าไม่รู้ในการสิ่งควรรู้ ...
ความไม่รู้ในที่นี้ หมายเฉพาะ ไม่รู้ในธรรม ๘ ประการ คือ
(๑) ทุกฺเข อญาณํ ไม่แจ้งในทุกข์
(๒) ทุกฺขสมุทเย อญาณํ ไม่แจ้งเหตุให้เกิดทุกข์
(๓) ทุกฺขนิโรเธ อญาณํ ไม่แจ้งการดับทุกข์
(๔) ทุกฺขนิโรธคามินิปฏิปทาย อญาณํ ไม่แจ้งหนทางที่จะดับทุกข์
(๕) ปุพฺพนฺเต ยญาณํ ไม่แจ้งในขันธ์ อายตน ธาตุ อินทริย์ สัจจ ปฏิจจสมุปบาท ที่เป็นส่วนอดีต
( อเหตุกทิฏฐิ ไม่เชื่อเหตุ )
(๖) อปรนฺเต อญาณํ ไม่แจ้งในขันธ์ อายตน ธาตุ อินทรีย์ สัจจ ปฏิจจสมุปบาท ที่เป็นส่วน อนาคต
( อุจเฉททิฏฐิ เห็นว่าสูญและนัตถิกทิฏฐิ ไม่เชื่อผล )
หน้า ๑๗
(๗) ปุพฺพนฺตาปรนฺเต อญาณํ ไม่แจ้งในขันธ์ อายตน ธาตุ อินทรีย์ สัจจ ปฏิจจสมุปบาท ทั้งที่เป็นส่วนในอดีตและในอนาคต
( อกริยทิฏฐิ ไม่เชื่อทั้งเหตุทั้งผล )
(๘) อธิปจฺจยตาปฏิจฺจสมุปฺปนฺเนสุ ธมฺเมสุ อญาณํ ไม่แจ้งในธรรมที่มีเหตุให้เกิดผลอันต่อเนื่องกัน
( อัตตทิฏฐิเชื่อว่าเป็นตัวเป็นตน )
.
.
อหิริกเจตสิก
๒. อหิริเจตสิก
คือ ความไม่ละอายต่อการทำบาป ไม่ละอายต่อการทำอกุศล
มีลักขณาทิจตุกะ ดังนี้
กายทุจฺจริตาทีหิอชิคุจฺฉนลกฺขณํ มีการไม่เกลียดต่อกายทุจริต เป็นต้น เป็นลักษณะ
ปาปานํกรณรสํ มีการกระทำบาป เป็นกิจ
อสงฺโกจนปจฺจุปฏฺฐานํ มีความไม่เกลียดต่อบาปธรรม เป็นผล
อตฺตอคารวปทฏฺฐานํ มีการไม่เคารพตน เป็นเหตุใกล้
ที่ไม่เคารพตน เพราะ
ก. ไม่ละอายต่อ วัย
ข. ไม่ละอายต่อ เพศ
ค. ไม่ละอายต่อ ตระกูล
ง. ไม่ละอายต่อ อกุศล
หน้า ๑๘
.
อโนตตัปปเจตสิก
๓. อโนตตัปเจตสิก
คือ ความไม่สะดุ้งกลัวต่อการทำบาป ไม่สะดุ้งกลัวต่อการทำอกุศล ...
.
.
อุทธัจจเจตสิก
๔. อุทธัจจเจตสิก
คือความฟุ้งซ่าน ไม่สงบ คิดฟุ้งไปในอารมณ์ต่างๆ
มีลักขณาทิจตุกะ ดังนี้
อวูปสมลกฺขณํ มีความไม่สงบ เป็นลักษณะ
อนวตฺถานรสํ มีการไม่มั่นในอารมณ์เดียว เป็นกิจ
ภนฺตตฺถ ปจฺจุปฏฺฐานํ มีความหวั่นไหว เป็นผล
อโยนิโสมนสิการ ปทฏฺฐานํ มีการไม่เอาใจใส่เป็นอันดีต่ออารมณ์นั้น เป็นเหตุใกล้
.
.
โลภเจตสิก
๕. โลภเจตสิก
คือ ความรัก ความอยากได้ ความติดใจในอารมณ์ทั้ง ๖
มีลักขณาทิจตุกะ ดังนี้
หน้า ๑๙
อารมฺมณคหณลกฺขโณ มีการยึดมั่นซึ่งอารมณ์ เป็นลักษณะ
อภิสงฺครโส มีการติดในอารมณ์ เป็นกิจ
อปริจฺจาคปจฺจุปฏฺฐาโน มีการไม่บริจาค เป็นผล
สํโยชนิธมฺเมสุ อสฺสาททสฺสนปทฏฺฐาโน มีการดูด้วยความยินดีในสังโยชน์ เป็นเหตุใกล้
อรรถของโลภะโดยปริยาย ในไวยกรณ์ ตามบาลีในปรมัตถทีปนีฎีกา ได้จำแนกออกไป ๑๐ ประการ คือ
(๑) ตัณหา ความต้องการ
(๒) ราคะ ความกำหนัด
(๓) กามะ ความใคร่
(๔) นันทิ ความเพลิดเพลิน
(๕) อภิชฌา ความเพ่งเล็ง
(๖) ชเนตติ ความก่อให้เกิดกิเลส
(๗) โปโนพภวิก ความนำให้เกิดในภพใหม่
(๘) อิจฉา ความปรารถนา
(๙) อาสา ความหวัง
(๑๐) สังโยชน์ ความเกี่ยวข้อง ความผูกพันธ์ ผูกมัด รัดไว้ ล่ามไว้
ปริตสฺสตีติ ตณฺหาฯ (วิสุทธิมัคค)
ความกระหายอยากได้ซึ่งอารมณ์นั้นเรียกว่า ตัณหา
กาโม จ โสตณฺหา จาติ กามตณฺหา ฯ (ปรมัตถทีปนีฎีกา)
ความกำหนัดที่อยากได้ซึ่งกามคุณอารมณ์นั้น เรียกว่า
กามตัณหา
สสฺสตทิฏฐิ สหคโต หิ ราโค ภวตณฺหาติ วุจฺจติฯ (วิสุทธิมัคค)
ตัณหาที่เกิดพร้อมด้วย สัสสตทิฏฐิ เรียกว่า
ภวตัณหา
อุจฺเฉททิฏฐิ สหคโต หิ ราโค วิภวตณฺหา วุจฺจติ (วิสุทธิมัคค)
ตัณหาที่เกิดพร้อมด้วย อุจเฉททิฏฐิ เรียกว่า
วิภวตัณหา
หน้า ๒๐
https://www.thepathofpurity.com/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AD%E0%B8%A0-%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AD%E0%B8%A0-%E0%B8%98-%E0%B8%A1%E0%B8%A1-%E0%B8%95%E0%B8%96%E0%B8%AA-%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%AB%E0%B8%B0/%E0%B8%9B%E0%B8%A3-%E0%B8%88%E0%B9%80%E0%B8%89%E0%B8%97%E0%B8%97-%E0%B9%92/
--- มารู้จัก ความคิดดี / ความคิดไม่ดี มีอะไรบ้าง ---
.
.
ความคิดไม่ดี มี 14 แบบ
ความคิดดี มี 25 แบบ
ความคิดทั่วไป ที่เกิดขึ้นกับจิต ทุกจิต 7 แบบ
และความคิดทั่วไป ที่เกิดขึ้นกับจิตบางแบบ 6 แบบ
_________________
.
.
1. ความคิดไม่ดี 14 แบบ มีอะไรบ้าง
__________________
.
.
อกุศลเจตสิก
อกุศเจตสิก คือ
เจตสิกที่ชั่ว
ที่บาป
ที่หยาบ
ที่ไม่งาม
ที่ไม่ฉลาด
อกุศลเจตสิกนี้ เมื่อประกอบกับจิตแล้ว
ก็ทำให้จิตเศร้าหมองเร่าร้อน
และทำให้เสียศีลธรรม
อกุศลเจตสิก ประกอบกับอกุศลเจตสิก ๑๒ ดวงเท่านั้น
ไม่ประกอบกับจิตอย่างอื่นเลย
และเพราะเหตุว่าอกุศลเจตสิก
ประกอบกับอกุศลจิต
ดังนั้นจึงได้ชื่อว่าอกุศลเจตสิก
...
...
อกุศลเจตสิก ๑๔ ดวงนั้น ดังนี้
.
.
โมหเจตสิก
๑. โมหเจตสิก คือ ความหลง ความไม่รู้จริงตามสภาวะของอารมณ์..
.
.
.
ที่ว่า ไม่รู้นั้น หมายความว่าไม่รู้ในการสิ่งควรรู้ ...
ความไม่รู้ในที่นี้ หมายเฉพาะ ไม่รู้ในธรรม ๘ ประการ คือ
(๑) ทุกฺเข อญาณํ ไม่แจ้งในทุกข์
(๒) ทุกฺขสมุทเย อญาณํ ไม่แจ้งเหตุให้เกิดทุกข์
(๓) ทุกฺขนิโรเธ อญาณํ ไม่แจ้งการดับทุกข์
(๔) ทุกฺขนิโรธคามินิปฏิปทาย อญาณํ ไม่แจ้งหนทางที่จะดับทุกข์
(๕) ปุพฺพนฺเต ยญาณํ ไม่แจ้งในขันธ์ อายตน ธาตุ อินทริย์ สัจจ ปฏิจจสมุปบาท ที่เป็นส่วนอดีต
( อเหตุกทิฏฐิ ไม่เชื่อเหตุ )
(๖) อปรนฺเต อญาณํ ไม่แจ้งในขันธ์ อายตน ธาตุ อินทรีย์ สัจจ ปฏิจจสมุปบาท ที่เป็นส่วน อนาคต
( อุจเฉททิฏฐิ เห็นว่าสูญและนัตถิกทิฏฐิ ไม่เชื่อผล )
หน้า ๑๗
(๗) ปุพฺพนฺตาปรนฺเต อญาณํ ไม่แจ้งในขันธ์ อายตน ธาตุ อินทรีย์ สัจจ ปฏิจจสมุปบาท ทั้งที่เป็นส่วนในอดีตและในอนาคต
( อกริยทิฏฐิ ไม่เชื่อทั้งเหตุทั้งผล )
(๘) อธิปจฺจยตาปฏิจฺจสมุปฺปนฺเนสุ ธมฺเมสุ อญาณํ ไม่แจ้งในธรรมที่มีเหตุให้เกิดผลอันต่อเนื่องกัน
( อัตตทิฏฐิเชื่อว่าเป็นตัวเป็นตน )
.
.
อหิริกเจตสิก
๒. อหิริเจตสิก คือ ความไม่ละอายต่อการทำบาป ไม่ละอายต่อการทำอกุศล
มีลักขณาทิจตุกะ ดังนี้
กายทุจฺจริตาทีหิอชิคุจฺฉนลกฺขณํ มีการไม่เกลียดต่อกายทุจริต เป็นต้น เป็นลักษณะ
ปาปานํกรณรสํ มีการกระทำบาป เป็นกิจ
อสงฺโกจนปจฺจุปฏฺฐานํ มีความไม่เกลียดต่อบาปธรรม เป็นผล
อตฺตอคารวปทฏฺฐานํ มีการไม่เคารพตน เป็นเหตุใกล้
ที่ไม่เคารพตน เพราะ
ก. ไม่ละอายต่อ วัย
ข. ไม่ละอายต่อ เพศ
ค. ไม่ละอายต่อ ตระกูล
ง. ไม่ละอายต่อ อกุศล
หน้า ๑๘
.
อโนตตัปปเจตสิก
๓. อโนตตัปเจตสิก คือ ความไม่สะดุ้งกลัวต่อการทำบาป ไม่สะดุ้งกลัวต่อการทำอกุศล ...
.
.
อุทธัจจเจตสิก
๔. อุทธัจจเจตสิก คือความฟุ้งซ่าน ไม่สงบ คิดฟุ้งไปในอารมณ์ต่างๆ
มีลักขณาทิจตุกะ ดังนี้
อวูปสมลกฺขณํ มีความไม่สงบ เป็นลักษณะ
อนวตฺถานรสํ มีการไม่มั่นในอารมณ์เดียว เป็นกิจ
ภนฺตตฺถ ปจฺจุปฏฺฐานํ มีความหวั่นไหว เป็นผล
อโยนิโสมนสิการ ปทฏฺฐานํ มีการไม่เอาใจใส่เป็นอันดีต่ออารมณ์นั้น เป็นเหตุใกล้
.
.
โลภเจตสิก
๕. โลภเจตสิก คือ ความรัก ความอยากได้ ความติดใจในอารมณ์ทั้ง ๖
มีลักขณาทิจตุกะ ดังนี้
หน้า ๑๙
อารมฺมณคหณลกฺขโณ มีการยึดมั่นซึ่งอารมณ์ เป็นลักษณะ
อภิสงฺครโส มีการติดในอารมณ์ เป็นกิจ
อปริจฺจาคปจฺจุปฏฺฐาโน มีการไม่บริจาค เป็นผล
สํโยชนิธมฺเมสุ อสฺสาททสฺสนปทฏฺฐาโน มีการดูด้วยความยินดีในสังโยชน์ เป็นเหตุใกล้
อรรถของโลภะโดยปริยาย ในไวยกรณ์ ตามบาลีในปรมัตถทีปนีฎีกา ได้จำแนกออกไป ๑๐ ประการ คือ
(๑) ตัณหา ความต้องการ
(๒) ราคะ ความกำหนัด
(๓) กามะ ความใคร่
(๔) นันทิ ความเพลิดเพลิน
(๕) อภิชฌา ความเพ่งเล็ง
(๖) ชเนตติ ความก่อให้เกิดกิเลส
(๗) โปโนพภวิก ความนำให้เกิดในภพใหม่
(๘) อิจฉา ความปรารถนา
(๙) อาสา ความหวัง
(๑๐) สังโยชน์ ความเกี่ยวข้อง ความผูกพันธ์ ผูกมัด รัดไว้ ล่ามไว้
ปริตสฺสตีติ ตณฺหาฯ (วิสุทธิมัคค)
ความกระหายอยากได้ซึ่งอารมณ์นั้นเรียกว่า ตัณหา
กาโม จ โสตณฺหา จาติ กามตณฺหา ฯ (ปรมัตถทีปนีฎีกา)
ความกำหนัดที่อยากได้ซึ่งกามคุณอารมณ์นั้น เรียกว่า กามตัณหา
สสฺสตทิฏฐิ สหคโต หิ ราโค ภวตณฺหาติ วุจฺจติฯ (วิสุทธิมัคค)
ตัณหาที่เกิดพร้อมด้วย สัสสตทิฏฐิ เรียกว่า ภวตัณหา
อุจฺเฉททิฏฐิ สหคโต หิ ราโค วิภวตณฺหา วุจฺจติ (วิสุทธิมัคค)
ตัณหาที่เกิดพร้อมด้วย อุจเฉททิฏฐิ เรียกว่า วิภวตัณหา
หน้า ๒๐
https://www.thepathofpurity.com/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AD%E0%B8%A0-%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AD%E0%B8%A0-%E0%B8%98-%E0%B8%A1%E0%B8%A1-%E0%B8%95%E0%B8%96%E0%B8%AA-%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%AB%E0%B8%B0/%E0%B8%9B%E0%B8%A3-%E0%B8%88%E0%B9%80%E0%B8%89%E0%B8%97%E0%B8%97-%E0%B9%92/