สวัสดีคะ มีเรียนเอง วันนี้ตื่นขึ้นมาหลังจาก นอนยาวๆ ไปกว่า 40 ชั่วโมง เพราะป่วยและเพลียหนักมากจากการ พลีชีพทำงาน เป็นผู้จัด Mister Global 2019
ไม่ได้มาประชาสัมพันธ์เวทีแต่อย่างใด เพราะงานจบไปเเล้ว แต่ว่าวันนี้ อยากจะมา แชร์ประสบการ์ณว่าการทำตั้งแต่ เริ่มจนจบ เจอปัญหาอะไรบ้าง อยากจะมาเล่าสู่กันฟัง เพราะประสบการ์ณแบบนี้ ไม่ใช่ว่า ใครก็สามารถได้ลองทำมัน ซึ่งขอบอกเลยว่า เหนื่อยมาก ถึงขั้นต้องอธิฐานให้รอดพ้นแล้วจะบวชชีให้เลยคะ
ก่อนอื่นต้องขอท้าวความว่า ก่อนหน้านี้ เคยตั้งกระทู้ แชร์ประสบการ์ณการเปิดร้านอาหาร และร้านเค้กที่เดินมาร์ค ซึ่งตอนนั้น อายุ 19-20 ตอนนี้ 27 ย่าง 28 ก็ได้มีโอกาสทำงานใหญ่ๆ แบบเรียกว่า อยู่ดีดีก็ได้ทำ ซึ่งถามว่า ตอนนี้ก็ยังงง อยู่ว่า เอ๊ะ ทำอะไรลงไป ฮ๋าๆ
เริ่มเรื่องเลยแล้วกันนะคะ ช่วงประมาณ ปลายปีที่แล้วได้มีโอกาสไปรู้จักกับ พี่คนนึง ซึ่งก็ชวนมาทำ Mister Global 2019 โดยการซื้อลิขสิทธิ์มาจัด โดยค่าลิขสิทธิ์ ก็อยู่ที่ ครึ่งล้าน โดยที่เป็นการรวมหุ้นกัน สี่คน โดยที่เราก็ดำเนินการและคุยกับผู้ใหญ่ไปหลายท่าน เราก็โลกสวย มองโลกแบบว่า มันจะต้องดี มันจะต้องได้ และคิดคอนเซปแปลกๆใหม่ๆ อยากจะยกระดับเวทีผู้ชายให้มีคุณค่า ทำเรื่องการส่งเสริมการท่องเที่ยว เอานั่นมาผสมนี่ เอานี่มาผสมนั่น แต่สุดท้ายการคุยกันไม่เครียเรื่องของการลงเงิน และการจัดตั้งบริษัทฯ เพราะจะให้ทางเราเป็นคนออกหน้า เซ็นสัญญาคนเดียว พอคุยกันไม่รู้เรื่องก็ต้องแยกย้าย แต่ด้วยความที่เราคุยกับผู้ใหญ่หลายๆฝ่าย เลยจำเป็นที่จะต้องดำเนินการต่อไป คนเดียว จ่ายค่าลิขสิทธิคนเดียว ดำเนินการคนเดียวมาตั้งแต่ต้นจนจบ
เนื่องจากการที่การทำเวที ผู้ชายเนี่ย มันยากกกกกก เพราะที่ผ่านมา เวทีผู้ายมีแต่ชื่อเสียงในทางลบ เกี่ยวกับเรื่องเพศบ้าง เรื่องการล่วงละเมิดสิทธิต่างๆ ซึ่งเราก็คิดว่า เราเป็นผู้หญิงเรื่องนี้ น่าจะคุมได้ และเราคิดว่า การที่เราเอาเวที ผู้ชายมาทำ เพราะว่า เราต้องการหา คนที่จะมาเป็น ตัวอย่างที่ดีให้กับสังคม โดยเฉพาะ การสร้างไอดอลที่เป็นผุ้ชาย การทำเพื่อสังคมต่างๆนานา คิดเวอร์วังอลังการ และโลกสวยมากกกกกก รวมไปถึงเรื่องของการทำ Social Media Marketing คิดไปต่างๆนานา ก็เลยได้ คอนเซปที่ชื่อว่า Inspring Gentlemen สุภาพบุรุษผู้สร้างแรงบันดาลใจ กิจกรรมที่คิดที่ทำ ก็ทำออกมาให้มีประโยชน์และสร้างคุณค่าให้มากที่สุด
ก่อนที่ผู้เข้าประกวดทั่วโลกจะมาถึง มีปัญหาเกิดขึ้นมากมายหลักๆคือ เรื่องเงิน เพราะสปอนเซอร์เข้าน้อยมาก ตั้งใจว่า ปีนี้ ยอมขาดทุนเพื่อปีหน้าจะนำ reference เพื่อเอาไปใช้ทำงานต่อ แต่ไม่คิดว่า สปอนเซอร์จะหายไปเกินครึ่ง มูลค่าก็หลายล้าน ทุกอย่าง Last Minute งบการจัดการก็ตั้งไว้ ยิ่งใหญ่อลังการ มีปัญหาภายใน ภายนอก มีคนที่ไม่อยากให้ งานนี้เกิดก็ปั่นกระแสกันสุด แต่เราไม่เคยย้อท้อเลย เหตุผลเดียวคือ ลงมือทำอะไรเเล้วมันต้องสุด มันต้องจบ ใครไม่อยากให้งานมันเกิดก็ช่างเขา แต่มันต้องเกิด วิ่งขอความช่วยเหลือได้บ้างไม่ได้บ้างส่วนใหญ่จะไม่ได้ฮ่าๆๆ หลายๆคนบอกให้ ยอมทิ้ง ยอมแพ้ วันนี้มามองย้อนดู ถ้าวันนั้นเรายอมแพ้ วันนี้คงจะนั่งเสียใจมาก เพราะสุดท้ายถ้าเราสู้ ถ้าเราต้องการทำมันจริงๆ มันจะทำได้ ! และมันก็ทำได้จริงๆ
.
เหตุผลที่มาตั้งกระทู้เพราะว่า หลังจากจบงาน มีหลายยยยยยยคอมเม้น เหลือเกินที่บอกว่า เวทีไม่ดี โปรดักชั่นไม่ดี ไม่เถียงเลยค่ะ เพราะฉนั้นวันนี้ จึงอยากมาเล่าว่า เห้ย มันเกือบจะไม่เกิด 55555+
.
หลายๆ คนอาจจะงง ว่ามันจะยากขนาดนั้นเลยหลอ เอาเป็นว่า 24 ชั่วโมงก่อนที่จะเริ่มจัดการประกวด ผู้จัดการโรงแรม เดินมาบอกว่า เธอจะต้องจ่ายค่าโรงแรมทั้งหมด 600,000 กว่าบาท ภายใน 5 โมงเย็นของวันที่ 26 กันยายน 2562 !!!!! แต่ตอนที่ ดีลกันไว้คือ เราได้เครดิต 30 วัน.... ตอน สี่โมงห้าสิบ ผู้จัดการโรงแรม เดินมาที่บริเวณที่จัดงานแล้วพูดว่า ฉันจะต้องยุติงานถ้าไม่มีการจ่ายเงิน - -" เล่าไว้เท่านี้เดี๋ยวมาต่อคืนนี้นะคะ <3
แชร์ประสบการ์ณการเป็นผู้จัด เวทีผู้ชาย Mister Global 2019
ไม่ได้มาประชาสัมพันธ์เวทีแต่อย่างใด เพราะงานจบไปเเล้ว แต่ว่าวันนี้ อยากจะมา แชร์ประสบการ์ณว่าการทำตั้งแต่ เริ่มจนจบ เจอปัญหาอะไรบ้าง อยากจะมาเล่าสู่กันฟัง เพราะประสบการ์ณแบบนี้ ไม่ใช่ว่า ใครก็สามารถได้ลองทำมัน ซึ่งขอบอกเลยว่า เหนื่อยมาก ถึงขั้นต้องอธิฐานให้รอดพ้นแล้วจะบวชชีให้เลยคะ
ก่อนอื่นต้องขอท้าวความว่า ก่อนหน้านี้ เคยตั้งกระทู้ แชร์ประสบการ์ณการเปิดร้านอาหาร และร้านเค้กที่เดินมาร์ค ซึ่งตอนนั้น อายุ 19-20 ตอนนี้ 27 ย่าง 28 ก็ได้มีโอกาสทำงานใหญ่ๆ แบบเรียกว่า อยู่ดีดีก็ได้ทำ ซึ่งถามว่า ตอนนี้ก็ยังงง อยู่ว่า เอ๊ะ ทำอะไรลงไป ฮ๋าๆ
เริ่มเรื่องเลยแล้วกันนะคะ ช่วงประมาณ ปลายปีที่แล้วได้มีโอกาสไปรู้จักกับ พี่คนนึง ซึ่งก็ชวนมาทำ Mister Global 2019 โดยการซื้อลิขสิทธิ์มาจัด โดยค่าลิขสิทธิ์ ก็อยู่ที่ ครึ่งล้าน โดยที่เป็นการรวมหุ้นกัน สี่คน โดยที่เราก็ดำเนินการและคุยกับผู้ใหญ่ไปหลายท่าน เราก็โลกสวย มองโลกแบบว่า มันจะต้องดี มันจะต้องได้ และคิดคอนเซปแปลกๆใหม่ๆ อยากจะยกระดับเวทีผู้ชายให้มีคุณค่า ทำเรื่องการส่งเสริมการท่องเที่ยว เอานั่นมาผสมนี่ เอานี่มาผสมนั่น แต่สุดท้ายการคุยกันไม่เครียเรื่องของการลงเงิน และการจัดตั้งบริษัทฯ เพราะจะให้ทางเราเป็นคนออกหน้า เซ็นสัญญาคนเดียว พอคุยกันไม่รู้เรื่องก็ต้องแยกย้าย แต่ด้วยความที่เราคุยกับผู้ใหญ่หลายๆฝ่าย เลยจำเป็นที่จะต้องดำเนินการต่อไป คนเดียว จ่ายค่าลิขสิทธิคนเดียว ดำเนินการคนเดียวมาตั้งแต่ต้นจนจบ
เนื่องจากการที่การทำเวที ผู้ชายเนี่ย มันยากกกกกก เพราะที่ผ่านมา เวทีผู้ายมีแต่ชื่อเสียงในทางลบ เกี่ยวกับเรื่องเพศบ้าง เรื่องการล่วงละเมิดสิทธิต่างๆ ซึ่งเราก็คิดว่า เราเป็นผู้หญิงเรื่องนี้ น่าจะคุมได้ และเราคิดว่า การที่เราเอาเวที ผู้ชายมาทำ เพราะว่า เราต้องการหา คนที่จะมาเป็น ตัวอย่างที่ดีให้กับสังคม โดยเฉพาะ การสร้างไอดอลที่เป็นผุ้ชาย การทำเพื่อสังคมต่างๆนานา คิดเวอร์วังอลังการ และโลกสวยมากกกกกก รวมไปถึงเรื่องของการทำ Social Media Marketing คิดไปต่างๆนานา ก็เลยได้ คอนเซปที่ชื่อว่า Inspring Gentlemen สุภาพบุรุษผู้สร้างแรงบันดาลใจ กิจกรรมที่คิดที่ทำ ก็ทำออกมาให้มีประโยชน์และสร้างคุณค่าให้มากที่สุด
ก่อนที่ผู้เข้าประกวดทั่วโลกจะมาถึง มีปัญหาเกิดขึ้นมากมายหลักๆคือ เรื่องเงิน เพราะสปอนเซอร์เข้าน้อยมาก ตั้งใจว่า ปีนี้ ยอมขาดทุนเพื่อปีหน้าจะนำ reference เพื่อเอาไปใช้ทำงานต่อ แต่ไม่คิดว่า สปอนเซอร์จะหายไปเกินครึ่ง มูลค่าก็หลายล้าน ทุกอย่าง Last Minute งบการจัดการก็ตั้งไว้ ยิ่งใหญ่อลังการ มีปัญหาภายใน ภายนอก มีคนที่ไม่อยากให้ งานนี้เกิดก็ปั่นกระแสกันสุด แต่เราไม่เคยย้อท้อเลย เหตุผลเดียวคือ ลงมือทำอะไรเเล้วมันต้องสุด มันต้องจบ ใครไม่อยากให้งานมันเกิดก็ช่างเขา แต่มันต้องเกิด วิ่งขอความช่วยเหลือได้บ้างไม่ได้บ้างส่วนใหญ่จะไม่ได้ฮ่าๆๆ หลายๆคนบอกให้ ยอมทิ้ง ยอมแพ้ วันนี้มามองย้อนดู ถ้าวันนั้นเรายอมแพ้ วันนี้คงจะนั่งเสียใจมาก เพราะสุดท้ายถ้าเราสู้ ถ้าเราต้องการทำมันจริงๆ มันจะทำได้ ! และมันก็ทำได้จริงๆ
.
เหตุผลที่มาตั้งกระทู้เพราะว่า หลังจากจบงาน มีหลายยยยยยยคอมเม้น เหลือเกินที่บอกว่า เวทีไม่ดี โปรดักชั่นไม่ดี ไม่เถียงเลยค่ะ เพราะฉนั้นวันนี้ จึงอยากมาเล่าว่า เห้ย มันเกือบจะไม่เกิด 55555+
.
หลายๆ คนอาจจะงง ว่ามันจะยากขนาดนั้นเลยหลอ เอาเป็นว่า 24 ชั่วโมงก่อนที่จะเริ่มจัดการประกวด ผู้จัดการโรงแรม เดินมาบอกว่า เธอจะต้องจ่ายค่าโรงแรมทั้งหมด 600,000 กว่าบาท ภายใน 5 โมงเย็นของวันที่ 26 กันยายน 2562 !!!!! แต่ตอนที่ ดีลกันไว้คือ เราได้เครดิต 30 วัน.... ตอน สี่โมงห้าสิบ ผู้จัดการโรงแรม เดินมาที่บริเวณที่จัดงานแล้วพูดว่า ฉันจะต้องยุติงานถ้าไม่มีการจ่ายเงิน - -" เล่าไว้เท่านี้เดี๋ยวมาต่อคืนนี้นะคะ <3