เรียนต่อ หรือ เก็บทุนสร้างกิจการ?

เรามีเรื่องอยากปรึกษาเพื่อนๆ ค่ะ 
เนื้อหาคร่าวๆ
   - เรามีเป้าหมายคือ การเรียนต่อปริญญาโท MBA เพื่อต่อยอดศักยภาพตัวเองในการทำงาน (ตอนนี้ทำตำแหน่ง Solution Specialist )
   - แต่ก็อยากนำเงินไปเป็นทุนเปิดร้านอาหาร ที่เป็นร้านอาหารจริงๆ ให้แม่เพระาก็เป็นความฝันของแม่
   - ตัดสินใจไม่ได้สำหรับการเลือกเพื่อตัวเอง หรือ เลือกเพื่อแม่และอาจจะต่อยอดเป็นของครอบครัว

รายละเอียด
   อย่างแรกเลย เราวางเป้าหมายไว้ ว่าอยากเรียน MAB ปริญญาโท เพราะ เราชอบเรียนมาก ถ้าเลือกได้ อยากเรียนมากกว่าทำงานอีก (ตอนนี้ทำงานรวมๆ แล้ว 6 ปีแล้วค่ะ ในบริษัทเอกชน) แล้วเท่าที่รู้ๆ กัน ค่าใช้จ่ายปริญญาโท ก็หลายแสนบาทอยู่ ถ้านำเงินก่อนนี้ไปทำเป็นทุนสร้างเนื้อสร้างตัวก็น่าจะได้อยู่นะ (คิดว่า)

   แล้วต่อมาจึงได้ลองตัดสินใจถามแม่ (แม่เปิดร้านข้าวอยู่ มีความฝันเหมือนกัน ว่าอยากเปิดเป็นร้านอาหารใหญ่ๆ ที่มีลูกจ้างมาทำแทน แล้วก็บริหารกันในครอบครัว) ซึ่งบ้านเรามี 4 คน พ่อ แม่ และน้องชาย ทุกคน ชอบค้าขายหมด พ่อก็ค้าขายจนมีตังค์เหลือใช้ น้องชายก็ค้าขาย มีเงินเก็บเป็นแสนเหมือนกัน ส่วนแม่ก็ค้าขาย มีรายได้ 4 ช่องทาง จากงานที่ทำและเงินจากพ่อและลูก 2 คน ที่ให้เป็นแม่  เข้าเรื่องคือ ปรึกษาแม่ว่า กำลังลังเลอยู่ว่า จะเรียนต่อดี หรือจะเอาเงินก้อนนี้ให้แม่หาที่ทำเล เป็นทุนเปิดร้านอาหารดี แต่เอาจริงคือ คะแนนเสียงของแม่ก็โอนไปทางทำกิจการเปิดร้านอาหารสะส่วนมาก เพราะแม่เองก็ชอบอยู่แล้ว แต่เราน่าจะแตกหน่อออกมา คือเป็นคนไม่ชอบค้าขาย แต่ชอบที่จะทำงานในองค์กร บริหารงาน บริหารคน อยู่ร่วมสังคมที่มีแต่คนเก่งๆ อัพเดทสถานการณ์เศรษฐกิจตลอดเวลา หาความรู้อยู่เสมอ ฟังเหมือนเป็นสังคมที่การแข่งขันสูง ทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือน เงินเดือนอาจจะไม่ได้มากอะไร แต่ก็รู้สึกว่า เนี้ยะแหละ  เราชอบแบบนี้มากกว่าเปิดกิจการหรือขายของ ซึ่งเราเองก็ศึกษานานมาก ระหว่างข้อดีขอเสีย ของการเป็นมนุษย์เงินเดือน กับเจ้าของกิจการ คือตอนนี้ทุกอย่างมันเหมือนจะเท่ากัน แต่ละอย่างมันมีข้อดีข้อเสียไม่เหมือนกัน จะเอามาอ้างกันก็ยาก สำหรับครอบครัวเรา การมีกิจการเป็นของตัวเอง มันคือสิ่งที่ดี แต่สำหรับเราซึ่งเป็นคนที่ไม่ชอบเสี่ยงบนพื้นฐาน(การเงิน)อันน้อยนิด เรียกง่ายๆ ว่า เป็นคนที่ไม่ค่อยกล้าเสี่ยงในการประกอบธุรกิจ เลยรู้สึกกลัวมาก ถ้าจะต้องบริหารงานโดยไม่มีความรู้หรือประสบการณ์ ซึ่งประสบการณ์เท่ากับศูนย์มาก เพราะไม่เคยคิดที่จะลองก่อนก็ไม่รู้จะได้ลองยังไง ถ้ายังอยู่บนพื้นฐานความกลัวอยู่ แล้วยิ่งเป็นคนที่เครียดมากเวลาที่ทำพลาด 

   ซึ่งตอนนี้ก็หลายอาทิตย์มาแล้ว ที่ยังคิดเรื่องนี้อยู่ตลอดเวลา และเร็วๆ นี้ เราจะมีสัมภาษณ์ศึกษาต่อ ป.โท อาทิตย์นี้ ถ้าไม่เลือกตอนนี้ก็จะเท่ากับว่า เราต้องเอาเงินไปจ่ายค่าเทอม ป.โท และในทางกลับกัน ถ้าแม่เจอพื้นที่ทำเลสวยๆ อยากทำร้านใหม่ในช่วงเรียนต่อ เราจะไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย เพราะเงินก้อน มันจะถูก support การเรียนไปโดยปริยาย เหมือนตอนนี้ เรากำลังสร้างห้องโต้วาทีในสมอง สมองซ้ายมันก็หาข้อดีของการเรียนต่อ สมองขวามันก็หาข้อดีของการทำกิจการร้านอาหารให้แม่ ซึ่งมันก็เป็นโอกาศที่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะได้มีกันง่ายๆ และมันก็เป็นทางเลือกที่บีบใจที่จะทำจริงๆ เลยมาลองปรึกษา เผื่อมีคนเคยเจอสถานการณ์แบบเดียวกัน และจะสามารถชี้แนะแนวทางได้ค่ะ

เพิ่มเติม
   ส่วนเรื่องเรียนต่อ เราคิดไว้ 2 ที่ค่ะ คือธรรมศาสตร์ กับราชมงคลรัตนโกสินทร์ เราไปเรียนพิเศษ ซื้อคอร์สเรียน เพื่อที่จะสอบธรรมศาสตร์ให้ได้ แต่ก็เผื่อใจไว้เป็นราชมงคล เพราะใกล้บ้าน ซึ่งคิดว่าเป็นข้อดีและข้อได้เปรียบมาก สำหรับระยะเวลาในการเดินทาง และก็ได้ศึกษาและเปรียบเทียบเหมือนกัน ว่าควรเรียนที่ไหน ใจจริงอยากเข้าธรรมศาสตร์มาก เพราะเป็นการสมัครเรียนโดยมีเงื่อนไขในการเรียน ไม่ว่าจะสอบ TU-GET และ Smart II และคนที่ได้เข้าธรรมศาสตร์ คิดว่าจะเป็นกลุ่มคนในระดับหนึ่ง แต่ของราชมงคล ไม่มีเงื่อนไขค่ะ ส่วนค่าใช้จ่าย ต่างกันประมาณเท่าตัวค่ะ ซึ่งราชมงคล ถูกกว่ามาก อันนี้ก็เป็นประเด็นในการเลือกเรียนอีก เหมือนจะมีการตัดสินใจแล้ว ก็ต้องมาตัดสินใจ ในเงื่อนไขต่อๆ ไปอีก แลดูสับสนมากช่วงนี้ 

ปล.
   - ครอบครัวเราเป็นครอบครัวที่ฐานะปานกลางไม่ได้เดือนร้อน ไม่มีหนี้สิน
   - คนในครอบครัว จะไม่ยุ่งเรื่องเงินของคนในครอบครัว อาจจะมีหยิบยืมบ้าง แต่ต้องคืน
   - ยากจนที่สุดในบ้าน  คือเราเอง รายได้เราต่ำที่สุดในบ้าน เรียงลำดับคือ พ่อ, น้องชาย, แม่ และเราเอง

พิมพ์ตกหล่นขออภัยด้วยค่ะ อากาศมันหนาว มือเย็น พิมพ์ลำบาก และอาจจะพิมพ์เวิ่นเว้อไปนะคะ เรียบเรียงไม่เก่งค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่