พอถึงจุดนึง หมดศรัทธากับทุกอย่าง รวมถึงพระเจ้า

หนูเป็นคริสเตียนมา 3 ปี โดยครั้งแรก คุณพ่อเป็นคนรับเชื่อ และมาชวนไป โฮปอะคาเดมี่  หนูก็ไปด้วย และได้เป็นหนึ่งในทีมนมัสการ เป็นปกติที่จะเบื่อ เพราะเขาห้ามเล่นกัน5555 แต่ก็มีเพื่อนคอยหนุนใจอยู่ เราก็รู้สึกดี

ต่อมา หนูได้ไปปิ๊งรุ่นพี่คริสเตียนคนนึง พอคนที่โบสรู้ โหย เป็นเรื่องใหญ่โต ขัดขวางกันเต็มที่ เหมือนเป็นเรื่องร้ายแรง แต่มันจะห้ามกันได้อย่างไรเล่า. 1 ปีต่อมา คุณพ่อก็ได้จากหนูไป  ส่วนหนูได้มีโอกาสคบกับพี่เขา โดยที่มีคุณพ่อรับรู้คนเดียว

ก่อนคุณพ่อตะจากไป ท่านได้สั่งเสียกับคุณแม่ ว่าอยากให้เป็นคริสเตียน และอย่าออกจากทางของพระเจ้า

หลังจากที่คบกับพี่เขาได้สักพัก ก็ต้องเลิกกัน เพราะทนคำเสียดสีของคนที่โบสถ์ไม่ได้ ทุกครั้งที่รวมตัวอธิฐานกันก็จะมีเรื่องหนูกับพี่เขาด้วย บอกว่าอยากให้เด็กๆของพระเจ้าที่กำลังเดินทางผิด รักคนผิด สมควรจะมารักพระเจ้า หนูรู้สึกแย่มากค่ะ

จนมีโอกาสได้ย้ายบ้าน เปลี่ยนโบสถ์ ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าเขาแบ่งคริสเตียนเป็น 2 แบบ
จึงได้ไปร่วมโบสถ์คาทอลิก อยู่พักนึง ก็โอเคดีค่ะ มีทอมเป็นทีมนมัสการด้วย

จนคนของความหวังในพื้นที่ไปดึงตัวมา เพราะคนที่โบสถ์เก่าติดต่อไปให้มารับเรา

เขาพาเราไปรับบัพติศมา

ครั้งแรกที่มา เราประทับใจในบรรยากาศนมัสการค่ะ ต้อนรับดี

แต่หลังๆ พวกเขาเหมือนจะบังคับพวกเราแทบจะทุกอย่าง ถ้าเราไม่ทำก็จะโดนประจาน เพราะผู้นำเป็นคนปากร้าย ต้องใช้ชีวิตตามที่เขาสั่ง โดยอ้างคำว่า หวังดี กับ หนทางจากพระเจ้า พี่น้องในโบสถ์ก็บอกว่า ต้องเชื่อฟังผู้นำดังพ่อแม่ เพราะพระเจ้าจะส่งพระพรผ่านผู้นำ
หนูก็ทนมาตลอดค่ะ

จนพี่เลี้ยงหนู(ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทแม่) ก็รู้สึกเหมือนกันกับหนู ทั้งที่เขาอยู่โบสถ์นี้มาตั้งแต่ก่อตั้ง เขาทนไม่ไหวเลยหนีไปโบสถ์อื่น เขาเลยโดนประนามว่าเป็นคนทรยศ ห้ามไปยุ่งเกี่ยวเด็ดขาด มันจำเป็นต้องรุนแรงขนาดนั้นเลยเหรอคะ? คุณแม่หนูโมโหมากที่เขาทำแบบนั่น จึงด่าท่านผู้นำไม่เหลือชิ้นดี แล้วออกจากโบสถ์มา ตอนนั้นหนูหมดความศรัทธากับที่นี่แล้ว แต่ไม่หมดกับพระเจ้านะคะ หลังจากนั้นคุณแม่พาพี่เลี้ยงคนนั้นมาทำโบสถ์กันเองที่บ้าน ไม่นานนักก็เกิดเรื่องผิดใจกัน โดยแม่หนูเป็นฝ่ายผิด จึงเลิกรากันไป คุณแม่จึงกลับมาเลียแข้งเลียขาท่านผู้นำ และกลับมาโบสถ์เดิม
รวมเวลาที่ใช้กับที่นี่มาทั้งหมด 2 ปี ทุกอย่างแย่ลงมากค่ะ หนูต้องออกจากโรงเรียน มาเรียน กศน. เพื่อทำงาน หาเลี้ยงครอบครัว คุณแม่ให้เหตุผลว่า ท่านจะได้รับใช้พระเจ้าได้เต็มที่ แต่ถ้าคะแนนน้อยโดนตีนะ
ยอมรับว่างานหนักพอตัวค่ะ ผู้ใหญ่ที่ทำงานด้วย ยังบอกว่างานหนูมันหนักเกินไป แต่เงินดีค่ะ ไม่มีวันหยุดยกเว้นวันสำคัญทางศาสนาพุทธ น้องไม่ได้ไปสอบมา 2 ปีแล้วค่ะ จนคุณแม่บอกว่าไม่ต้องเรียนเถอะ หางานทำ น้องสาวอายุแค่ 13 กับ 12 ค่ะ ตอนนี้ทำงานแล้วค่ะคุณแม่บอกว่าถ้าว่างจากงานพรเจ้า จะพาไปสอบ คุณแม่นำเงินนี้ไปซื้อรถ เพื่อมาเป็นพยานที่โบส เช่าบ้านหรูเพื่อมาเป็นพยาน ได้ไม่กี่เดือนก็ย้ายกลับ

สิ่งที่แย่อีกอย่างคือ ไม่ว่าผู้นำจะพูด จะสั่งอะไร คุณแม่ทำหมด หรือถ้าเขาตำหนิอะไรพวกเรา คุณแม่ก็จะกลับมาตบตีหนูกับน้อง เลือดตกยางออก ร้ายแรงที่สุด น้องปากแตก ขาถลอก ซึ่งท่านผู้นำไม่ได้รับรู้เลย

อีกอย่างที่ท่านผู้นำไม่เคยรู้ คือคุณแม่หนู ชอบส่งอะไรไม่ดีไปให้ผู้ชายฝรั่งดูอยู่บ่อยๆ แลกกับการที่ฝรั่งให้เงินมาเพื่อทำศัลยกรรม หนูพยามอธิฐาน อ้อนวอนพระเจ้า ไม่เคยท้อ มา 1 ปีกว่า  ทุกอย่างกลับจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ในเรื่องความคิดผู้นำ การทำร้ายร่างกายของคุณแม่

อ้อ อีกเรื่อง ที่หนูคิดว่าหนูคงผิดเอง หนูไปรักกับ ผู้หญิง ด้วยกันค่ะ ผิดต่อคำสอนพระเจ้าหรือปล่าวคะ แต่หนูก็ห้ามใจไม่ได้อยู่ดี ตอนนี้กำลังคบกันแอบหลบๆซ่อนๆ รู้แต่เพื่อนกับคนที่ทำงานค่ะ ปิดญาติๆกับคนที่โบสถ์ เธอดูแลหนูกับน้องได้ดีค่ะ มีอะไรช่วยเหลือกันทุกอย่าง ตอนนี้คบกันมา 2 ปีกว่าค่ะ น้องสาวหนูรักเธอมาก รวมถึงหนูด้วย ถึงจะโดนคนอื่นสงสัยหลายครั้ง แต่ก็ผ่านมาได้ค่ะ แฟนสาวก็ให้คำแนะนำมาหลายอย่าง ถึงหนูจะรู้ว่าเธอ ไม่ชอบสังคมโบสถ์ของหนู ซึ่งหนูเข้าใจ แต่หนูรู้สึกว่า ไม่สามารถหนีจากที่นี่ได้? + กับคำสั่งเสียของคุณพ่อ

ตอนนี้ทุกอย่างแย่ไปหมด น้องเกลียดแม่ เกลียดโบสถ์ หนูเองก็หมดศรัทธาในทุกอย่าง อยากออกจากที่นี่ อยากเป็นคนที่เชื่อพระเจ้าโดยที่ไม่เป็นคริส แต่คงโดนห้าม

ปล. อีกสิ่งหนึ่ง หนูอยากพาน้องออกจากคุณแม่ เพรากลัวในสภาพจิตใจพวกเขา แต่หนูยังไม่มีอำนาจพอจะทำแบบนั้นค่ะ ทั้งน้องและหนู เริ่มทำร้ายตัวเอง มีคนที่คอยเป็นกำลังใจให้พวกเรา คือแฟนหนู แต่เราไม่ทีทางออกอะไรเลยค่ะ.........................ถือซะว่ามาฟังเด็กคนนึงระบายความในใจนะคะ ขอบคุณค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่