วันที่ฟ้าเปิด บทที่ 2

กระทู้สนทนา

บทที่  2
               “ไม่นะ ปล่อย !” ทั้งตะโกนทั้งหยิกข่วนจนปกป้องต้องรวบมือทั้งสองไว้ ร่างหนากดทับร่างของหญิงสาวจนหล่อนไม่สามารถกระดิกตัวได้ ยามตกใจจนไม่ได้ตั้งตัวเช่นนี้ แม้เนตริยาจะผ่านการฝึกวิชาป้องกันตัวมาก็ลืมที่จะใช้

               “แรงเยอะเหมือนกันนะ”  กว่าชายหนุ่มจะทำให้หล่อนสิ้นฤทธิ์ได้ ก็หอบเหนื่อยไปเหมือนกัน 

               “อย่าทำอะไรนะ” เนตริยาพยายามอ้อนวอนเสียงเครือ กลัวเขาแทบขาดใจหากเขาคิดจะปลุกปล้ำเพราะนึกว่าหล่อนเหงา

               ปกป้องเอื้อมมือข้างหนึ่งไปเปิดไฟฉายที่วางอยู่ข้างหมอน แสงสว่างจ้าทำให้หญิงสาวต้องหลับตาลง แล้วจึงค่อยลืมขึ้นใหม่ ใบหน้าคร้ามคม อีกทั้งหนวดเคราที่ส่งให้ใบหน้านี้ดุดัน อยู่ห่างไม่ถึงคืบ ลมหายใจอุ่นที่เป่ารดแก้มยิ่งทำให้หญิงสาวทำตัวแข็งเกร็ง

               “ออกมาทำไม” ปกป้องถามเสียงกร้าว

               “เอ่อ  เอ่อ ” หล่อนอึกอักแล้วโกหกออกไปว่า “จะไปห้องน้ำ ปล่อยซิ !” แล้วพยายามสะบัดตัวออก ปกป้องจึงคลายมือแล้วขยับตัวออก ปล่อยให้หญิงสาวเป็นอิสระ

               เนตริยารีบลนลานลุกหนีออกมายืนตั้งหลักอยู่ห่างๆ หล่อนเพิ่งเห็นตอนนี้เองว่าเขามาตั้งเตียงนอนเฝ้าหล่อนหน้าห้อง

               “ไปห้องน้ำ?  แล้วทำไมไม่ถือไฟฉายออกมาด้วย ออกมามืดๆ แบบนี้ ผมว่าคุณมีเจตนาอื่นมากกว่า” เขารู้ทัน

               “ฉัน  ฉันจะไปห้องน้ำจริงๆ นะ” เนตริยายืนกระต่ายขาเดียว 

               “งั้นก็ไปซิ” ชายหนุ่มพยักหน้าแล้วเดินถือไฟฉายส่องทางนำไปให้จนถึงห้องน้ำ จัดแจงวางไฟฉายไว้ให้ใกล้อ่างล้างหน้าแล้วถอยออกมา

               “ไม่ต้องมายืนเฝ้าหรอก” เนตริยาสะบัดเสียงพร้อมทั้งค้อนให้ ก่อนจะปิดประตูห้องน้ำลง

               ปกป้องกลับมานั่งที่เตียงพร้อมกับคิดคำนึงว่าเขาต้องไม่เผลอคิดไปว่าหล่อนยอมจำนนเขาจริงๆ เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เขาดูออกว่าหล่อนพยายามหนีอีกครั้ง แม้เขาจะเคยขู่ไปแล้วว่าแถวนี้มีอันตราย ยิ่งเวลากลางคืนด้วยแล้ว หล่อนก็ยังไม่วายหาทางหนี

               เนตริยาทำเป็นเปิดน้ำ กดชักโครกให้เสียงลอดออกไปให้เขาได้ยิน หล่อนไม่ได้จะมาเข้าห้องน้ำจริงๆ แต่เหตุการณ์ระทึกขวัญเมื่อครู่ก็ทำให้หล่อนได้รู้ว่าจะต้องปรับแผนการหนีใหม่  มันคงยากที่หล่อนจะหนีเอง แต่หากหล่อนเปลี่ยนเป็นใช้ปืนขู่ให้โจรอย่างเขายอมพาหล่อนกลับไปส่งน่าจะเป็นผลมากกว่า เพราะฉะนั้นหล่อนต้องพยายามหาอาวุธ

               “คุณ” เสียงเรียกเตือนอยู่หน้าห้อง 

               เนตริยาจึงต้องออกมา

               “เห็นหายไปนาน นึกว่าท้องเสียซะอีก” 

               หญิงสาวคืนไฟฉายให้เขาแล้วกำลังจะก้าวเข้าห้อง ปกป้องส่งเสียงขู่ตามหลังไปว่า

               “อย่าคิดหนีอีกนะ ถ้าไม่อยากถูกล่ามโซ่”

               เนตริยาหยุดชะงักแล้วหันไปมองเขาด้วยสายตาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อแล้วก้าวเข้าห้องปิดประตูใส่กลอนแน่นหนา หญิงสาวกลับมานั่งจมอยู่กับความคิดเพื่อวางแผนหนีอีกครั้ง หล่อนจะช้าอีกไม่ได้แล้ว เพราะถ้าถึงขั้นถูกล่ามโซ่หล่อนจะไม่มีสิทธิ์หนีได้เลย
 

               เช้ารุ่งขึ้น เนตริยาตื่นสายเพราะกว่าจะหลับลงได้ก็เกือบตีสอง ปกป้องนั่งรออยู่ก่อนแล้วที่โต๊ะอาหารที่ระเบียงหลังบ้านอันร่มรื่นด้วยพันธุ์ไม้ ตอนที่หล่อนเดินมาถึง เขาเงยหน้าจากหนังสือที่กำลังอ่านอยู่ในมือขึ้นมอง ไม่ใช่แค่มองหน้าแต่มองสำรวจตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ที่หล่อนใส่นี้ดูทะมัดทะแมงกว่าชุดแพนท์สูทเดินทางที่หล่อนใส่เมื่อวาน

              เนตริยาชะงัก ทำสีหน้าไม่พอใจพร้อมกับบ่นอุบอิบเบาๆ ว่า “คนไม่มีมารยาท”

              “นั่งซิ คุณนายตื่นสาย” เขาเชื้อเชิญ

             เนตริยาทรุดตัวลงนั่งตรงข้าม ใบหน้าที่งออยู่แล้ว ยิ่งงอง้ำขึ้นไปอีกกับฉายาที่เขาเรียกหล่อน

             ปกป้องหันไปตักข้าวต้มไก่ที่อยู่ในหม้อใกล้ๆ มาใส่ในชามที่อยู่ตรงหน้าหญิงสาว พร้อมกับอธิบายถึงเหตุผลที่เขาต้องมองหล่อนเช่นนั้น

             “ผมกำลังดูว่าคุณแต่งชุดแบบนี้ก็ดีแล้ว  เพราะวันนี้ผมคิดว่าจะพาคุณไปเข้าป่าซะหน่อย”

             “เข้าป่า? ” เนตริยาทวนคำอย่างแปลกใจแล้วเริ่มวิตกกังวล หล่อนต้องรีบตัดสินใจทำอะไรสักอย่างก่อนที่จะถูกพาเข้าป่าลึกเข้าไปอีก เพราะหล่อนยิ่งจะหนียาก วันนี้ที่หล่อนแต่งตัวเช่นนี้ก็เพื่อเตรียมหนี โชคดีที่หล่อนมีกระเป๋าเดินทางมาด้วย ทำให้มีเสื้อผ้าให้เลือกใส่ และมีรองเท้าสำหรับวิ่งติดมาอีกคู่เพราะหล่อนมักจะจ๊อคกิ้งเพื่อออกกำลังกายทุกเย็น

            “ใช่  เข้าป่า ผมกลัวว่าคุณอยู่เฉยๆ แล้วจะเบื่อ” ชายหนุ่มกล่าวยิ้มๆ อย่างอารมณ์ดี  แล้วพยักเพยิดให้หล่อนเริ่มรับประทานอาหารเช้า แล้วเขาก็เริ่มลงมือตักอาหารเช่นกัน

            เนตริยามองอย่างแปลกใจ นี่เขารอหล่อนทานข้าวเช้าอย่างนั้นหรือ ทำไมโจรอย่างเขามีมารยาทดีแบบนี้ คิดแล้วเหลือบตามองไปรอบๆ อาหารอย่างดีนี้เป็นมื้อที่สองที่เขาให้หล่อนมานั่งร่วมโต๊ะ ดูแลตักอาหารให้ ส่วนมื้อเย็นเมื่อวานที่เป็นอาหารปักษ์ใต้รสเผ็ดจัดที่หล่อนทานไม่ได้ เขาก็สั่งให้คนงานไปทอดไข่มาให้ คิดๆ แล้วหล่อนไม่ได้อยู่ในสภาพเชลยแม้แต่น้อย แม้แต่เมื่อคืน ยามที่หล่อนถูกเขารวบล้มลงบนเตียงแบบนั้น หล่อนไม่น่าจะรอดมือเขาไปได้ คิดขึ้นมาครั้งไรก็ใจหาย แต่เขาก็ไม่ทำอะไรหล่อนแม้แต่น้อย

           “กาแฟไหม” เขาถามขึ้นเมื่อหล่อนวางช้อนอิ่มอาหาร “บนภูเขาแถบนี้ไม่ได้มีแต่ป่าอย่างที่คุณเห็น แต่มีชาวบ้านทำไร่กาแฟด้วยเพราะอากาศเย็น เมล็ดกาแฟนี่เราคั่วเอง คั่วบดใหม่ๆ หอมมาก แล้วคุณจะติดใจ” 

            เนตริยามองเขาตาค้าง คาดไม่ถึงว่าจะเห็นแววตาอ่อนโยนและรอยยิ้มจากผู้ชายคนนี้

           “นายเป็นใคร” หล่อนถามออกไปคล้ายละเมอพูดกับตัวเอง

          ปกป้องหุบยิ้มรีบทำหน้าเคร่ง จ้องประสานสายตากับหล่อนแล้วตอบว่า

          “ผมชื่อปกป้อง”

          “ขอบคุณที่แนะนำตัว แต่ฉันอยากรู้ว่านายเป็นใครกันแน่”

          เขาไม่ตอบแล้วหันไปตะโกนเรียกลูกน้องที่อยู่ข้างล่าง

         “นาดีร์ เอากาแฟกับผลไม้ขึ้นมาให้คุณผู้หญิงด้วยนะ” แล้วเขาก็ลุกขึ้น พร้อมกับบอกหล่อนว่า “ผมขอตัว”

          เนตริยามองตามร่างสูงที่เดินหายเข้าไปในห้องห้องหนึ่ง ไม่อยากจะเชื่อเลยว่านายโจรคนนี้ ทำไมถึงได้สุภาพขนาดนี้แถมเรียกหล่อนว่าคุณผู้หญิงราวกับจะให้ลูกน้องเขาเคารพหล่อนไปด้วย  

           นาดีร์นำผลไม้กับกาแฟมาเสิร์ฟแล้วกลับลงไปข้างล่าง หญิงสาวไม่สนใจจะรับประทานอะไรอีก หล่อนถูกทิ้งไว้คนเดียวอย่างนี้เป็นโอกาสทองที่จะหาทางหนี  เนตริยาค่อยๆ ผุดลุกขึ้น มองซ้ายมองขวา ไม่มีใครอยู่ตรงนี้ หล่อนต้องเดินไปสำรวจดูให้แน่ใจว่าสมาชิกผู้ชายสามคนในบ้านนี้ มีใครอยู่ตรงไหนบ้าง นายโจรอยู่ในห้อง นาดีร์อยู่ในครัวข้างล่าง แสวงล่ะ เนตริยาค่อยๆ ย่องไปมองที่หน้าบ้าน แสวงกำลังเช็ครถคงเตรียมจะออกเดินทางเข้าป่าอย่างที่เขาบอก

          เสียงกุกกักดังแว่วมาจากห้องที่ปกป้องเดินเข้าไป ประตูที่เปิดอยู่ทำให้หญิงสาวอยากรู้ หล่อนค่อยๆ เดินเข้าไปเมียงมอง สิ่งที่เห็นภายในห้องยิ่งทำให้หล่อนแปลกใจอย่างยิ่ง เพราะตู้กระจกหลายใบที่ตั้งอยู่ในห้องนี้นั้น ภายในบรรจุยาและเวชภัณฑ์มากมายและ ปกป้องกำลังจัดยาใส่กระเป๋าล่วมยาสีดำ

          “นายเป็นหมอหรือ” เนตริยาหลุดคำถามออกไป

          ปกป้องหันมาทางเสียงนั้น ยังไม่ตอบคำถามในทันทีแต่ก้มหน้าก้มตากับงานตรงหน้า แล้วเปรยขึ้นว่า

          “บ้านป่าแบบนี้ จะมีหมอที่ไหนอยากมาอยู่กันละครับ” พูดไปแล้ว ชายหนุ่มอดสะท้อนใจไม่ได้เมื่อนึกไปถึงบิดา นายแพทย์ปริญญ์ ผู้เสียสละอุทิศตัวทำงานรักษาผู้ป่วยไข้ในชนบทที่ห่างไกลเช่นนี้ แต่เขาซึ่งเป็นลูกไม่เคยเข้าใจและมองไปว่าพ่อทอดทิ้งเขาและแม่ จนเมื่อท่านจากไปก่อนวัยอันควร และเขาผ่านชีวิตที่เกือบไม่เป็นผู้เป็นคนมาจนถึงวันนี้ เขาจึงเริ่มเข้าใจ

           “คุณไปเตรียมตัวได้แล้ว เดี๋ยวเราจะออกไปด้วยกัน” ชายหนุ่มตัดบท เขายังไม่อยากอธิบายอะไรตอนนี้

            เนตริยาพยักหน้ารับไปตามแกน แล้วรีบเดินออกมาจากห้องนั้น ความคิดที่จะหนีเอาตัวรอดสว่างวาบขึ้นมาในสมอง นายโจรกำลังง่วนอยู่กับสิ่งที่เขาทำ ปล่อยให้หล่อนมีอิสระที่จะหาทางหนีได้โดยง่าย 

            หญิงสาวค่อยๆ เดินไปมองที่หน้าบ้าน เห็นแสวงกำลังก้มๆ เงยๆ เช็คระดับน้ำมันเครื่องอยู่ที่ด้านหน้ารถ หล่อนจรดฝีเท้าลงบันไดอย่างแผ่วเบา ไม่มีใครระแวดระวังว่าหล่อนกำลังจะทำอะไร

            ผลั๊ก ! เสียงท่อนไม้กระทบศีรษะของแสวง ร่างของเขาล้มลงแต่ไม่ถึงกับหมดสติ  หญิงสาวกะแค่ให้สลบเท่านั้น แต่ท่อนไม้ที่หล่อนใช้ฟาดยังไม่ใหญ่พอ 

           “โอย” แสวงกุมศีรษะ ทรุดนั่งมึนงงอยู่ตรงนั้น หญิงสาวใช้จังหวะนั้น รีบปิดฝากระโปรงรถ เปิดประตูรถเข้าไปนั่งที่คนขับ กุญแจรถถูกเสียบคาอยู่แล้ว ช่างง่ายดายอะไรเช่นนี้ หล่อนนึกอย่างกระหยิ่มแล้วบิดกุญแจสตาร์ทเครื่องยนต์ เข้าเกียร์ถอยหลังเพื่อหลบร่างของแสวงที่ขณะนั้นล้มลงไปนอนอยู่หน้ารถ จากนั้นก็ใส่เกียร์เดินหน้าเร่งเครื่องขับออกมาตามเส้นทางที่หล่อนจำได้ว่าถูกพามาเมื่อวาน 

            ถนนที่ทอดตรงทำให้หญิงสาวเร่งความเร็วเต็มที่ แม้จะเป็นถนนลูกรังที่ขุรขระแต่รถโฟร์วีลไดร้ฟเช่นนี้สามารถตลุยไปได้อย่างสบาย อาการตื่นเต้นมือไม้สั่นในตอนแรกค่อยคลายลงเมื่อคิดว่าขับหนีมาได้ไกลพอควรแล้ว และเชื่อว่าพวกโจรคงไม่สามารถตามทัน เพราะที่บ้านนั้น หล่อนเห็นว่ามีรถคันนี้เพียงคันเดียว ที่เหลือเป็นมอเตอร์ไซค์

            เส้นทางที่เป็นพื้นราบเริ่มเปลี่ยนเป็นลงเขา บางช่วงบางตอนชันมากจนหญิงสาวต้องชะลอความเร็วเป็นค่อยๆ คลาน นึกถึงคำพูดของเขาก่อนหน้านี้ที่ว่า ‘ทางข้างหน้าเป็นหุบเขาลึก’ คงเป็นช่วงของการเดินทางที่หล่อนยังคงสลบอยู่ตอนขามา จึงไม่รู้มาก่อนว่าถนนที่กำลังลงเขาอยู่เช่นนี้มหาโหดเพียงใด

             และกับคนที่ไม่มีประสบการณ์ขับรถบนเขามาก่อนอย่างหล่อนด้วยแล้ว เป็นความยากลำบากอย่างยิ่ง

             ครืน ! เสียงฟ้าโครมครืนดังขึ้นติดๆ กัน เป็นเรื่องปกติของป่าในภาคใต้ที่จะมีฝนตก แต่มันยิ่งทำให้เนตริยาหนักใจมากขึ้น กับการขับรถลงเขา เพราะหากฝนเทลงมา เส้นทางลงเขาเช่นนี้จะลื่นสักเพียงไหน  โค้งหักศอกขวาดำดิ่งลาดชันกว่า 70 องศาตามมาด้วยโค้งหักศอกซ้าย แล้วขวาอีกที     เนตริยาสาวพวงมาลัยไม่ทัน แล้วในที่สุดรถก็เสียหลัก

           "ว้าย ! "

           รถพุ่งกระแทกเข้ากับผนังภูเขาที่เป็นดิน หน้าหม้อรถจมลงในดินที่ร่วยซุย ดินร่วงกราวลงมาบนฝากระโปรงรถที่โก่งขึ้นมาเล็กน้อยเพราะแรง กระแทก ตัวเธอเองก็ร้าวระบมไปหมด โชคดีที่เข็มขัดนิรภัยและแอร์แบคช่วยหล่อนไว้ไม่ให้ศีรษะกระแทก ไม่เช่นนั้นหล่อนต้องหัวแตกแน่ๆ หญิงสาวพยายามตั้งสติแล้วสตาร์ทเครื่องที่ดับไปขึ้นมาใหม่ แต่ไม่เป็นผล การชนกระแทกเข้ากับกำแพงดินเช่นนี้ น่าจะทำความเสียหายให้กับเครื่องยนต์จนไม่อาจเดินทางต่อไปได้ นี่หล่อนจะทำอย่างไร ที่แน่ๆ หล่อนคงไม่มานั่งรอให้คนพวกนั้นตามมาเจอแน่ๆ 

            เนตริยาตัดสินใจว่าหล่อนจะต้องหนี แม้จะต้องเดินเท้าไปก็ตาม  หญิงสาวก้าวออกจากรถแล้วสำรวจตัวเองว่ามีส่วนไหนที่บาดเจ็บหรือไม่ พอลองเดินก็รู้สึกเคล็ดขัดยอกตามหลังไหล่ คงเพราะแรงกระแทกนั่นเอง แต่ความมุมานะเพื่อเอาตัวรอดทำให้หล่อนต้องข่มอาการแล้วออกเดินไปตามถนนที่จะพาหล่อนออกไปจากป่าแห่งนี้ แต่พอเดินไปได้สักพัก ก็ฉุกคิดขึ้นได้ว่าหล่อนเดินตามถนนแบบนี้ไม่ได้ คนที่ติดตามไล่ล่าหล่อนน่าจะใกล้เข้ามาเพราะเขาใช้มอเตอร์ไซค์ที่คล่องตัวกว่า แถมชำนาญทางอีกด้วย เขาจะขับมาตามถนนนี้เช่นกันและต้องพบหล่อน

           เนตริยามองเข้าไปในราวป่าที่คลายความแน่นทึบลงไปบ้างแล้ว บอกตัวเองว่าต้องลัดเลาะป่าไป ไม่ใช่เดินตามถนนให้โจรมันมาตามหล่อนเจอ แล้วหล่อนก็สังเกตเห็นทางเดินเท้า พยายามเพ่งมองให้ชัด จริงด้วย นั่นคือทางเดินเท้า แสดงว่าจะต้องมีบ้านคนอยู่แถวนี้ เริ่มใจชื้นขึ้น

         เปรี้ยง !
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่