[CR] ซาปา-ฮานอย เที่ยวแบบพีคๆ สไตล์คนก้าวขาจากบ้านผิดข้าง

สวัสดีเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกท่านค่ะ นี่เป็นกระทู้รีวิวแรกของการท่องเที่ยวต่างแดน ของเราเองค่า ที่นำมาเขียนนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง นำมาเขียนเพื่อบันทึกไว้เป็นความทรงจำบนโลกออนไลน์ และให้ข้อมูลแก่ผู้ที่สนใจจะเที่ยวในเวียดนามเหมือนกันค่ะ
 
ทริปนี้เป็นทริปกินเที่ยว 6 วัน 5 คืน เมืองฮานอย ซาปา และมีเดย์ทริปจางอ่านค่ะ
เดินทางทั้งหมด 2 คน การใช้จ่ายตกที่ประมาณ 11000 บาท/คน สำหรับรายละเอียดจะเพิ่มเติมให้ท้ายการริวิวนะคะ

 S A P A  -  H A N O I
20 SEP - 25 SEP 2019
การเตรียมตัว
ก่อนการเดินทางเราได้ทำการหาข้อมูลจากทั้ง Facebook และกระทู้ใน Pantip เพื่อเตรียมตัวเตรียมใจไปเผชิญ ซึ่งประเด็นที่ได้จากหลายๆกระทู้ คือ
- แลกเงินดอลล่าร์จากไทยไปแลกเงินดองที่เวียดนาม จะได้เรทดีกว่า
- เตรียมการจองทุกอย่างที่จองได้จากไทยไปก่อนเพื่อกันการโกง
- เอเย่นต์ทัวร์ที่นิยมใช้บริการบ่อยๆ คือ Ms Huong กับ Ms Nga ซึ่งเราเลือก Ms Huong เพราะแนวโน้มดูจะดีกว่า ราคาถูกกว่า เราได้ติดต่อรถบัสนอนไปกลับซาปา-ฮานอย และเดย์ทริปจางอ่าน

ต้องบอกว่าแพลนถึงจะละเอียดแต่ตอนเดินทางจริงมีการลดทอนเยอะพอตัว และปรับตามสถานการณ์ก็มีค่ะ

___________________________________________________________________________

D A Y  1: จาก DMK สู่ HANOI
 
ทริปของเราออกเดินทางโดยสายการบิน Thai Lion Air จองผ่านแอพ Traveloka เพราะต้องการส่วนลดจากแอพพิ่มเติม งกได้เป็นงกค่ะ 
 
ราคาตั๋วไป-กลับ ที่รวมน้ำหนักกระเป๋า 20 kg กับประกันภัยการเดินทางแล้ว ตกราวๆ 3600 บาท ต่อคนค่ะ  ถ้าจะไม่โหลดก็อาจเซฟได้มากกว่านี้ แต่ทริปนี้เราโยนทุกอย่างเข้าท้องเครื่องแล้วเดินตัวปลิวเข้าเกทค่ะ 555
การเดินทางนั้นมีตกหลุมอากาศเล็กน้อย แต่เรื่องราวของเราเริ่มที่ตื่นเช้ามาแล้วท้องเสีย ถ่ายเหลว ปวดท้องมวนๆ แล้วก็เคราะห์ซ้ำกรรมซัดด้วยการเป็นไข้ต่ำๆ และมีประจำเดือนในวันถัดๆ มาตามรอบปกติ
 
เครื่องออกจากไทยตอน 18.00 น. ลงจอดตามกำหนดคือ 19.45 แต่กว่าจะได้ออกมาจากตม. และรอรับกระเป๋าก็ปาไปเกือบสองทุ่มแล้ว 
 
จากรีวิวที่ผ่านมาส่วนใหญ่คนเขาจะเข้าเมืองฮานอยเพื่อพักผ่อนก่อนเดินทางไปซาปา แต่มันธรรมดาไปเราเลยเลือกทางที่ยาก คือ ติดต่อให้ Sleeping Bus มารับที่สนามบินแล้วดิ่งไปซาปาเลย ตอนนั้นคิดว่าที่สนามบินน่าจะมีห้องอาบน้ำหรืออะไรสักอย่างให้ 
 
แต่ในความเป็นจริงนั้นไม่มีเลย เราเลยได้แต่เอาทิชชู่เปียกซักแห้งตัวเอง เปลี่ยนชุด แล้วออกมาแลกเงินดองกับซื้อซิมการ์ด
 
รีวิวที่พูดถึงกันบอกให้แลกเงินละซื้อซิมกับร้านสีเหลืองที่อยู่ติดสีฟ้าฝั่งซ้ายมือหลังออกมาจากเกท และให้ระวังร้านที่ออกมากวักมือเรียก 5555 
ถึงอย่างงั้นเราก็ได้เดินๆดูเรทของร้านที่มีโชว์ พบว่าเอาจริงๆ ก็เรทเท่ากัน แต่ราคาซิมการ์ดจะมีถูกกว่าแพงกว่านิดๆหน่อยไม่เกิน 5000 ดอง
สำหรับซิมที่ให้ทางร้านหยิบมาให้เป็นของ Viettel ที่มีสัญญาณดีมากแม้อยู่ท่ามกลางภูเขาในซาปา แต่ดันดรอปตอนอยู่ในเมือง 
 สำหรับเรทแลกเงินของร้านที่มีโชว์ จะเรทเท่ากันหมด
พอจัดการทุกอย่างเรียบร้อยก็ได้ฤกษ์ออกมารอรถรับ
สำหรับรถที่มาคือ Fansipan Express Bus โดย Ms Dung (ในแอคเคาท์เฟสบุ๊คของ Ms Huong เป็นคนประสานงานให้) เป็นยี่ห้อที่หารีวิวไม่เจอ แต่พอไปดูใน TripAdvicer ให้คะแนน 2.5/5 พร้อมรีวิวสุระทึกใจว่า บริการสุดแย่+เกือบเอาชีวิตไม่รอด 
นาทีนั้นคือ เปลี่ยนไม่ได้แล้วจย้า เราต้องไปต่อค่ะ! 
 
โชคดีที่ไม่มีเรื่องเกิดขึ้น สำหรับคนที่มีประสบการณ์ขึ้นรถเมล์สายนรกแตก หรือเคยขึ้นรถทัวร์ชั้น 3 จะบอกว่าอันนี้คือวิ่งดี ไม่มีปัญหาอะไร เบาะใหญ่นอนเหยียดได้เหยียดดี นอนชั้นบนยิ่งแอร์ฉ่ำปอดมาก มีปัญหาแค่ตอนทางโค้งจะไหลไปบ้างเล็กน้อย กับเขาเลือกปฏิบัติไม่ยอมแจกน้ำให้คนขึ้นทีหลังซะงั้น
 
แถมอีกนิดเกี่ยวกับเรื่องรถนอน ก่อนขึ้นรถ Ms Huong เตือนว่าให้ระวังเอาไว้ เพราะมีผู้โดยสารบางคนที่อยากรู้อยากเห็น บางทีจะมาส่องๆ คุ้ยๆ สัมภาระคนอื่นตอนหลับ//คราวนี้กลายเป็นเราระแวงหลับๆตื่นๆเลย ถถถ

D A Y  2: มาถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ
รถนอนวิ่งมาจอดซาปาราวๆ ตีสามได้ แต่คนขับดับเครื่องยนต์ เปิดประตู ปล่อยให้ผู้โดยสารนอนต่อได้จนถึงหกโมงเช้า อากาศที่ซาปาเย็นเฉียบ แถมมีหมอกหนา มีน้ำค้างเยอะจนเหมือนมีฝนตก แต่สาบานได้ว่านั่นคือน้ำค้าง
พอถึงเวลาเราก็หอบหิ้วเพื่อเตรียมเช็คอิน ที่โรงแรม Aroma Lotus Sapa Hotel 
เป็นโรงแรมสี่ดาวตั้งอยู่ใกล้กับตลาดและ Bus Station ซึ่งเราตั้งใจจะนอนพักดีๆ สักครั้ง
โชว์หน้าที่จองไว้ในแอพอย่างมั่นใจ! แต่พนักงานทำหน้างงๆมาให้ พูดภาษาอังกฤษมาว่า ยูเช็คอินทูมอโร่ 
ชี้ๆ ตรงวันที่อีกที

พอเห็นหน้าเราอึ้งๆ เลยยิ้มอ่อน แล้วช่วยเช็คห้องว่างเพื่อเลื่อนเช็คอินให้ แต่กระชั้นแบบนี้แน่นอนว่าห้องต้องเต็มอยู่แล้ว เราเลยต้องออกมาหาห้องพักข้างนอก

ที่พักใหม่อยู่ในระแวกเดียวกัน ชื่อโรงแรม Huong Son Sapa เจ้าของเป็นคนเวียดนาม พูดอังกฤษไม่ได้ แต่ก็คุยกันได้ด้วยการชี้โบ๊ชี้เบ๊ แล้วได้เข้าเช็คอินเร็ว 555
มื้อเช้าเราก็หาเอาร้านใกล้ๆ เป็นนร้านเฝอที่คนเยอะพอประมาณ เรื่องน่าหนักใจสุดมีแค่ไม่รู้ว่าในเมนูหมายถึงอะไรบ้าง
แต่คนรับออร์เดอร์พูดอังกฤษได้เลยรอดตัวไป เราสั่งเฝอเนื้อกับเฝอหมูมาอย่างละชาม เฝอเนื้อยังติดคาวเนื้ออยู่หน่อยๆ แต่เฝอหมูได้รสหวานๆ ของเนื้อหมู ส่วนน้ำซุปของร้านนี้ออกแนวนัวๆ อูมามิ ซดได้เพลินมากค่ะ แต่ร้านแถวๆนี้จะไม่ค่อยสะอาดเท่าไหร่ บนพื้นจะมีก้อนทิชชู่นับสิบก้อนได้
สำหรับวันแรกในซาปาเราตั้งใจจะเที่ยวเล่น ก็เลยเช่ามอเตอร์ไซด์จากร้านที่อยู่ตรงข้ามโรงแรม ลุงแกก็พูดอังกฤษไม่ได้อีกเหมือนกัน แต่ก็ใช้กูเกิลช่วยแปลกันจนได้ ในการเช่ามอเตอร์ไซด์ต้องทิ้งพาสปอร์ตไว้มัดจำหนึ่งเล่ม แล้วเอารถไปเติมน้ำมันที่ปั๊มเอง
ปั๊มน้ำมันอยู่ไม่ไกลมาก แต่คาดว่านี่น่าจะเป็นแห่งเดียวในเมืองซาปา ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าเลย เติมน้ำมันเต็มถึงก็ประมาณ 40,000 ดอง 
การใช่เงินที่นี่เงินหลักห้าร้อยเขาจะนิยมปัดขึ้น น้อยกว่าห้าร้อยจะปัดลงให้ค่ะ// อารมณ์เดียวกับเงินเศษสตางค์ของบ้านเราๆ
เติมน้ำมันเรียบร้อยเราก็พร้อมออกผจญภัย ตอนแรกเราคิดจะไป Silver Waterfall แต่วิ่งรถไปๆ มาๆ ดันลงเขาไปหมู่บ้าน Cat Cat แต่เราไม่ค่อยสนใจเดินเที่ยว//อุตส่าห์เช่ารถมาทั้งที
 
เราเลยตัดสินใจเดินทางออกนอกเมืองไปยังหมู่บ้าน Tavan และหาวิวทุ่งนาขั้นบันไดสวยๆ
แน่นอนว่าสวยจริงๆ จัง แต่เส้นทางขรุขระ หลุมบ่อเยอะ ระดับมดลูกอาจพังได้ ข้อดีของเส้นทางนี้มีอย่างเดียวคือเป็นทางลาดลง ดับเครื่องแล้วปล่อยรถไหลไปได้เลย 555
ตอนนี้ก็ยังมีเรื่องอีกจนได้คือ รถที่เช่ามาวิ่งไปสักพัก พอเบรกก็เครื่องดับ ต้องสตาร์ทเครื่องใหม่ทุกครั้ง แล้ววิ่งๆทางขรุขระไปได้สักพัก มีพ่อหนุ่มเวียดนามจิตใจดีมาทัก ว่าป้ายทะเบียนจะหลุดแล้ว!!!

ตอนไปคืนรถเลยให้เพื่อนร่วมทางเอาไปคืน ไม่ได้บอกกล่าวใดๆ แก่ลุง แต่หย่อนป้ายทะเบียนไว้ใต้ท้องรถนั่นแล//รถเก่าก็ผุๆพังๆบ้างล่ะนะ ถถถ
 
ข้าวมื้อเที่ยง (ที่กินช่วงบ่ายกว่าๆ) ทดลองกินพิซซ่าที่ Café in the Cluond กับสั่งกาแฟไข่ 
ในส่วนอาหารเป็นพิซซ่าแป้งบางที่มีชีสเค็มๆ ไม่ใช่มอสซาเรลล่าชีสยืดๆ แบบที่เราคุ้นกัน ส่วนกาแฟไข่ก็หวานเจี๊ยบ เวลากินต้องคนให้กาแฟมาตัดหวาน สรุปคือเป็นมื้อที่กินได้งั้นๆ แต่ค่าเสียหายเยอะอยู่ ถ้าถามว่าบรรยากาศที่ร้านดีไหม ต้องตอบไม่ค่อยเท่าไหร่ คนสูบบุหรี่ค่อยข้างเยอะ เราว่าแว๊นมอไซด์ไปดูวิวฟินมากกว่า 555
จริงๆ ก็คิดว่าสั่งผิดเมนูด้วย เพราะส่วนใหญ่คนที่มานี่เขาสั่งกาแฟดริป ไม่ก็เฝอมากินกัน
ช่วงบ่ายเริ่มเพลียและมีไข้ขึ้นเลยต้องหยุดตะลอนแล้ว นอนพักเอาแรงค่ะ ตื่นมาอีกทีก็ฟ้าเริ่มมืดแล้ว เราเลยออกมาเดินเล่นแถวๆ โบสถ์ ซึ่งตอนเย็นเสาร์อาทิตย์จะมีการขายของพื้นเมือง
ของกินเล่นที่ได้คือ ปั้นจร้างเนื๊อง (Banh Trang Nuong) เป็นพิซว่าแป้งบางปิ้งบนเตาถ่าน ร้านที่กินมีปิ้งไข่ด้วย เอาไว้ลุ้นว่าจะระเบิดไหม เพราะตอนที่เรานั่งกินอยู่ก็มีเสียง โพล๊ะ! ไข่ระเบิดคาตาเลยค่ะ 
จบวันด้วยมื้อเย็นหลักของเราคือบุฟเฟต์ของร้าน Viet Deli เราเลือกแบบ 199,000 ดอง/คน ซึ่งจะสามารถสั่งเนื้อนำเข้า หมู ไก่ กุ้ง และปลาเทราส์ ได้ไม่อั้น พร้อมผักหลากชนิดและน้ำจิ้มที่ต้องบริการตัวเอง แต่ถ้าอยากกินแซลมอนจะไม่บุฟเฟต์และตกราคาจะสูงกว่าค่ะ
พนักงานพอจะพูดภาษาอังกฤษได้บ้าง บอกว่าน้ำซุปที่ได้จะมีสองฝั่ง ที่ใสๆจะเอาไว้ใส่ผักกับไก่เท่านั้น ส่วนเนื้อๆให้ใส่อีกฝั่ง แล้วพนักงานก็ช่วยปรุงน้ำจิ้มมาให้//คงทนเห็นเงอะงะไม่ไหว 555
รสชาติซีอิ๊วของเขาออกซีอิ้วจริงๆ พอมาจิ้มกินก็ได้รสชาติแปลกดี ประทับใจสุดคือปลาที่เอาลงลวกแล้วกินจะได้ความกรุบกรอบ กริ๊บๆ ถ้าต้มนานๆก็จะกลายเป็นเนื้อยุ่ยๆแบบปลาทั่วๆไป กับกุ้งที่หวานฝุดๆ
ติอย่างเดียวตรงไก่ เขาสับมาเป็นชิ้นๆ เคี้ยวไม่เข้า แบบเหนียวทั้งเนื้อทั้งหนัง ต้มนานก็ไม่มีผล จนเริ่มสงสัยว่าหรือจะไว้ต้มน้ำซุปอย่างเดียว? หรือคนเวียดนามเขาชอบอะไรเหนียวๆกัน???
ชื่อสินค้า:   สถานที่ท่องเทียว
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่