สวัสดีคะ ขออัพเดทเรื่องราว ต่อจากกระทู้เมื่อ 5 ปีที่แล้ว อยากแชร์ประสบการณ์
ตอนนี้พ่อท่านเสียแล้วนะคะ เสียเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว ด้วยโรคมะเร็ง
ก่อนท่านเสีย 1 เดือน เราฝันเห็นท่าน และท่านก็ทำพฤติกรรมเหมือนที่เคยทำกับเราในครั้งอดีต เราเล่าให้สามีฟัง แต่ไม่ได้คิดเอะใจอะไร เพราะปกติ เราจะมีสัมผัสเรื่องพวกนี้ประจำ หลายครั้งที่ฝันแล้วเกิดขึ้นจริงเสมอ
-
จนวันทีท่านเสีย (เราไม่ได้ติดต่อกับทางบ้านพ่อมา
หลังจากเกิดเหตุก่อนหน้า ขาดการติดหลายปีอยู่คะ )
เราได้ถามพระว่า ทำไมเราถึงฝันถึงเหตุการณ์แบบนี้
ท่านบอกว่า น่าจะเป็นจิตสุดท้าย ที่เขานึกถึงที่เคยทำผิดไว้กับเรา แต่เขาไม่ได้พูดกับเราตรงๆ แต่จริงๆเราได้ปล่อยวางไปแล้ว แต่พ่อ ได้บอกกับน้อง ว่าไม่ให้บอกเรา อาจจะด้วยเหตุที่ครั้งก่อน ที่เขามาคุยเรื่องจะย้ายโรงพยาบาลเอกชน แล้วเราปฏิเสธ เพราะเราก็ทำธุรกิจ ที่ต้องใช้เงินหมุน และปัจจัยหลายๆอย่าง
และอีกอย่าง ณ.ตอนนั้น เราก็คิดว่า รพ ศิริราช ที่พ่อรักษาตัวอยู่ ก็มีอาจารย์หมอเก่งๆเยอะมาก เขาเลย ไม่พอใจ มีพูดจาใส่อารมย์กับเรามา แต่เราขอไม่พูดถึง คำตัดพ้อนะคะ
เราทราบข่าวการเสียของพ่อ จากเพื่อนของเรา เพื่อนเราเห็นในFacebook ซึ่งเขาเป็นเพื่อนกัน แต่เราถูกบล๊อคไปแล้ว จึงไม่เห็นโพสใดๆ ของน้องเรา เพื่อนถาม ทำไมไม่บอกพี่สาว น้องบอกว่า “พ่อสั่งไว้” ไม่ให้บอกพี่แกนะ ถ้าพ่อตาย ห้ามบอกพี่เด็ดขาด...นิคือคำที่พ่อจะย้ำน้องตลอด
เพื่อนเรา มองว่ามันไม่ถูกต้อง เพื่อนเราจึงนำเรื่องการเสียของพ่อมาบอกเรา
เมื่อเรารู้ เราถามน้อง มีเงินทำศพไหม.??
(แจ้งก่อนนะคะ พ่อเราเมื่อก่อนมีเงิน มีธุรกิจ เป็นคนเก่งคนนึง แต่ด้วยการใช้ชีวิตแบบไม่ระมัดระวัง ติดกิน ติดเล่น)
น้องบอกเราว่า : ก็ทำตามเท่าที่มีคะ
เราจึงโอนเงินให้น้อง เพื่อทำศพให้พ่อ และเราก็รีบขับรถจากกรุงเทพไปทันที พ่อเราอยู่ ตจว. กับเมียใหม่ น้องที่กล่าวถึงคือลูกแม่ใหม่
เมื่อไปถึง สิ่งที่เราเห็นตรงหน้า คือร่างพ่อนอนห่อผ้าขาวอยู่ ณ.จุดนั้น เราสงสัยว่า ทำไมพ่อถึงไม่บอก ในวันที่เรายังคุยกันได้ มีอะไรติดค้างกัน จะได้คุยให้เข้าใจ
น้องสาวเราพูดบอกว่า พ่อพูดเสมอตอนป่วย นอนอยู่ที่รพ. ก่อนที่ท่านจะเสีย ว่าพี่แก คงไม่ให้อภัยพ่อหรอก
พี่แกโกรธเกลียดพ่อมาก
แต่จริงๆแล้ว เราเคยได้โทรคุยกับพ่อไปแล้ว ประมาณ 3 ปีที่แล้ว กับเรื่องที่ผ่านมา และเราเคลียร์ใจ สิ่งที่เราอยากพูดทั้งหมด (เราไปเข้าอบรมสัมมนาหลักการใช้ชีวิต เราได้อะไรมาจากคลาสนี้ในการใช้กับชีวิตมาก)
แต่พระท่านว่า จิตคนใกล้ตาย จะทบทวน คิดสิ่งที่ตนเองทำ ทั้งกรรมดี กรรมชั่ว คิดทบทวน วนไปวนมา
จนสิ้นลม
เราได้ทำหน้าที่ลูก เป็นครั้งสุดท้าย ดอกไม้หน้างานวันเผา ไม่มีใครสนใจเลย ทั้งป้า ทั้งลุง พี่น้องพ่อ ไม่มีใครเหลียวแลถามไถ่ เราเห็นแล้วรู้สึกว่า ทำให้ท่านให้สมเกรียติ เราจึงจัดการให้ทันที
เราอยู่จนวันเผา วันลอยอังคาร จะครบ 100 วันในไม่อีกกี่วัน
งานวันเผา เราเป็นคนอ่านกลอน ......น้ำตาเราไหลพราก สะอื้นจนจับใจความไม่ได้ ป่าว...เราไม่ได้สัมผัส กับข้อความที่อ่านออกมา
แต่เราร้องไห้ เพราะเรา ไม่เคยรับรู้มันเลยต่างหาก....เราจึงได้ตั้งจิตว่า หากชาติหน้าเกิดมา เราคงได้รับรู้ ความรู้สึกเหมือนข้อความนกระดาษสักครั้งหนึ่ง
-
สิ่งนี้ทำให้เรารู้ว่า มนุษย์เรา ตายไป เอาอะไรไปไม่ได้เลย นอกจาก กรรมดี และกรรมชั่ว
ในวันนี้เราพยายามใช้ชีวิตอย่างมีสติ ทำทุกอย่างให้ สุจริต เงินที่ได้มา เมื่อมีมากพอ ก็ทำบุญ ทำทาน
มี ทาน ศีล ภาวนา และไม่คิดอาฆาตใคร ไม่ผูกจ่ตกับใคร เพื่อไม่ให้เป็นกรรมต่อกัน
เรื่องนี้เป็นสิ่งที่มองไม่เห็น แต่คนที่สัมผัสได้ จะรู้ว่ามันมีจริง
มีอะไร ควรพูดกันตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ อย่ารอให้ถึงวันที่ “พูดไม่ได้”
ตอนนี้พ่อท่านเสียแล้วนะคะ เสียเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว ด้วยโรคมะเร็ง
ก่อนท่านเสีย 1 เดือน เราฝันเห็นท่าน และท่านก็ทำพฤติกรรมเหมือนที่เคยทำกับเราในครั้งอดีต เราเล่าให้สามีฟัง แต่ไม่ได้คิดเอะใจอะไร เพราะปกติ เราจะมีสัมผัสเรื่องพวกนี้ประจำ หลายครั้งที่ฝันแล้วเกิดขึ้นจริงเสมอ
-
จนวันทีท่านเสีย (เราไม่ได้ติดต่อกับทางบ้านพ่อมา
หลังจากเกิดเหตุก่อนหน้า ขาดการติดหลายปีอยู่คะ )
เราได้ถามพระว่า ทำไมเราถึงฝันถึงเหตุการณ์แบบนี้
ท่านบอกว่า น่าจะเป็นจิตสุดท้าย ที่เขานึกถึงที่เคยทำผิดไว้กับเรา แต่เขาไม่ได้พูดกับเราตรงๆ แต่จริงๆเราได้ปล่อยวางไปแล้ว แต่พ่อ ได้บอกกับน้อง ว่าไม่ให้บอกเรา อาจจะด้วยเหตุที่ครั้งก่อน ที่เขามาคุยเรื่องจะย้ายโรงพยาบาลเอกชน แล้วเราปฏิเสธ เพราะเราก็ทำธุรกิจ ที่ต้องใช้เงินหมุน และปัจจัยหลายๆอย่าง
และอีกอย่าง ณ.ตอนนั้น เราก็คิดว่า รพ ศิริราช ที่พ่อรักษาตัวอยู่ ก็มีอาจารย์หมอเก่งๆเยอะมาก เขาเลย ไม่พอใจ มีพูดจาใส่อารมย์กับเรามา แต่เราขอไม่พูดถึง คำตัดพ้อนะคะ
เราทราบข่าวการเสียของพ่อ จากเพื่อนของเรา เพื่อนเราเห็นในFacebook ซึ่งเขาเป็นเพื่อนกัน แต่เราถูกบล๊อคไปแล้ว จึงไม่เห็นโพสใดๆ ของน้องเรา เพื่อนถาม ทำไมไม่บอกพี่สาว น้องบอกว่า “พ่อสั่งไว้” ไม่ให้บอกพี่แกนะ ถ้าพ่อตาย ห้ามบอกพี่เด็ดขาด...นิคือคำที่พ่อจะย้ำน้องตลอด
เพื่อนเรา มองว่ามันไม่ถูกต้อง เพื่อนเราจึงนำเรื่องการเสียของพ่อมาบอกเรา
เมื่อเรารู้ เราถามน้อง มีเงินทำศพไหม.??
(แจ้งก่อนนะคะ พ่อเราเมื่อก่อนมีเงิน มีธุรกิจ เป็นคนเก่งคนนึง แต่ด้วยการใช้ชีวิตแบบไม่ระมัดระวัง ติดกิน ติดเล่น)
น้องบอกเราว่า : ก็ทำตามเท่าที่มีคะ
เราจึงโอนเงินให้น้อง เพื่อทำศพให้พ่อ และเราก็รีบขับรถจากกรุงเทพไปทันที พ่อเราอยู่ ตจว. กับเมียใหม่ น้องที่กล่าวถึงคือลูกแม่ใหม่
เมื่อไปถึง สิ่งที่เราเห็นตรงหน้า คือร่างพ่อนอนห่อผ้าขาวอยู่ ณ.จุดนั้น เราสงสัยว่า ทำไมพ่อถึงไม่บอก ในวันที่เรายังคุยกันได้ มีอะไรติดค้างกัน จะได้คุยให้เข้าใจ
น้องสาวเราพูดบอกว่า พ่อพูดเสมอตอนป่วย นอนอยู่ที่รพ. ก่อนที่ท่านจะเสีย ว่าพี่แก คงไม่ให้อภัยพ่อหรอก
พี่แกโกรธเกลียดพ่อมาก
แต่จริงๆแล้ว เราเคยได้โทรคุยกับพ่อไปแล้ว ประมาณ 3 ปีที่แล้ว กับเรื่องที่ผ่านมา และเราเคลียร์ใจ สิ่งที่เราอยากพูดทั้งหมด (เราไปเข้าอบรมสัมมนาหลักการใช้ชีวิต เราได้อะไรมาจากคลาสนี้ในการใช้กับชีวิตมาก)
แต่พระท่านว่า จิตคนใกล้ตาย จะทบทวน คิดสิ่งที่ตนเองทำ ทั้งกรรมดี กรรมชั่ว คิดทบทวน วนไปวนมา
จนสิ้นลม
เราได้ทำหน้าที่ลูก เป็นครั้งสุดท้าย ดอกไม้หน้างานวันเผา ไม่มีใครสนใจเลย ทั้งป้า ทั้งลุง พี่น้องพ่อ ไม่มีใครเหลียวแลถามไถ่ เราเห็นแล้วรู้สึกว่า ทำให้ท่านให้สมเกรียติ เราจึงจัดการให้ทันที
เราอยู่จนวันเผา วันลอยอังคาร จะครบ 100 วันในไม่อีกกี่วัน
งานวันเผา เราเป็นคนอ่านกลอน ......น้ำตาเราไหลพราก สะอื้นจนจับใจความไม่ได้ ป่าว...เราไม่ได้สัมผัส กับข้อความที่อ่านออกมา
แต่เราร้องไห้ เพราะเรา ไม่เคยรับรู้มันเลยต่างหาก....เราจึงได้ตั้งจิตว่า หากชาติหน้าเกิดมา เราคงได้รับรู้ ความรู้สึกเหมือนข้อความนกระดาษสักครั้งหนึ่ง
-
สิ่งนี้ทำให้เรารู้ว่า มนุษย์เรา ตายไป เอาอะไรไปไม่ได้เลย นอกจาก กรรมดี และกรรมชั่ว
ในวันนี้เราพยายามใช้ชีวิตอย่างมีสติ ทำทุกอย่างให้ สุจริต เงินที่ได้มา เมื่อมีมากพอ ก็ทำบุญ ทำทาน
มี ทาน ศีล ภาวนา และไม่คิดอาฆาตใคร ไม่ผูกจ่ตกับใคร เพื่อไม่ให้เป็นกรรมต่อกัน
เรื่องนี้เป็นสิ่งที่มองไม่เห็น แต่คนที่สัมผัสได้ จะรู้ว่ามันมีจริง