สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
ปรกติ โรงเรียนที่เก่งๆ ส่วนใหญ่เด็กสอบแข่งขันกันเข้าไม่ใช่หรือคะ. ลูกคุณสอบได้หรือ และได้เข้าโรงเรียนเก่งๆหรือคะ ถ้าสอบเข้าได้ก็ถือว่าเก่ง
เด็กหัวไม่ดี แต่พ่อแม่รวย. มีเงินจ่าย เดือนเป็นแสน เพื่อจ้างคนเก่งๆมาสอนลูกเรา
คนอื่นไม่เกี่ยวค่ะ
ลูกดิฉันก็ไม่เก่ง โง่มาก. วันๆตามแต่ไอดอล
บอกให้เรียน ให้อ่าน จนปากฉีกปากแฉะ ลูกมันเมิน
เลยจ้างครู ที่เก่งแพงมากๆค่ะ มาสอน
เขาทำได้นะคะ
เขามีเทคนิคให้เด็กเก่งได้.
เราทำไม่ได้ค่ะไม่มีความสามารถ
เชื่อใจครูค่ะ มีเงินจ่ายไปเลย
ถ้าทางครูเขารับประกันให้ด้วย ยิ่งดี
เด็กหัวไม่ดี แต่พ่อแม่รวย. มีเงินจ่าย เดือนเป็นแสน เพื่อจ้างคนเก่งๆมาสอนลูกเรา
คนอื่นไม่เกี่ยวค่ะ
ลูกดิฉันก็ไม่เก่ง โง่มาก. วันๆตามแต่ไอดอล
บอกให้เรียน ให้อ่าน จนปากฉีกปากแฉะ ลูกมันเมิน
เลยจ้างครู ที่เก่งแพงมากๆค่ะ มาสอน
เขาทำได้นะคะ
เขามีเทคนิคให้เด็กเก่งได้.
เราทำไม่ได้ค่ะไม่มีความสามารถ
เชื่อใจครูค่ะ มีเงินจ่ายไปเลย
ถ้าทางครูเขารับประกันให้ด้วย ยิ่งดี
ความคิดเห็นที่ 2
เราเคยมีประสบการณ์ส่งลูกเข้า รร.ดังที่สอบแข่งขันสูง ลูกเราเรียนปานกลางแต่ที่เข้าได้เพราะโควต้าอาจารย์มหาวิทยาลัย มีข้อดีข้อเสียคือ (เฉพาะที่ลูกเราเจอไม่ได้รวมถึงคนอื่นๆ)
-ลูกจากที่ชอบตอบคำถามในห้องเรียน เป็นไม่ตอบ เพราะเวลาตอบผิดโดนหัวเราะและโดนครูพูดแบบไม่ให้กำลังใจ
-ต้องเรียนพิเศษหนักมาก โดยเฉพาะวิชาคณิตศาสตร์เพราะสอบแต่ละครั้งตกเกินครึ่งห้อง สอบซ่อมแล้วก็ยังตกต้องซ่อมรอบสองกันเยอะ เด็กที่ไม่เก่งคณิตต้องคิดให้ดีๆ ลูกเราเรียนพิเศษคณิตอาทิตย์ละ 3 วัน แค่สอบผ่านก็ดีใจสุดๆ สำหรับเด็กที่เก่งคณิตได้เข้าเรียนก็เรียกว่าไปได้ไกลเลยล่ะ
-self esteem ลดลงอย่างเห็นได้ชัด เวลาทำการบ้าน พอเห็นอะไรยากหน่อยเขาจะบอกว่าทำไม่ได้ เขาไม่เก่ง ไม่มีทางทำได้แน่
-ข้อดีคือ เอาแต่เรียนไม่มีเวลาเกเร เพื่อนๆไม่เล่นเกมส์ ไม่เที่ยวเตร่ ลูกเราเลยเลิกเลินเกมส์ไปเลย จนตอนนี้เรียนปี 1 เขาจะเล่นเกมส์เฉพาะเวลาเบื่อๆ ไม่ติดเกมส์
ตอน ม.ปลายเลยเปลี่ยน รร. เป็น english program เพราะดูท่าว่าตอนเข้ามหาวิทยาลับให้ไปสอบแข่งขัน คงหืดขึ้นคอ ผลคือ
-เขามีความสุขกับการเรียนมาก
-self esteem ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
-ที่ รร.ไม่ให้ใช้โทรศัพท์ ต้องฝากเช้ารับเย็น พอว่างปุ๊บเด็กๆจะไปอ่านหนังสือ คุยกับเพื่อน คุยกับ teacher เล่นกีฬากันแทบทุกคน จนลูกเราชอบเล่นกีฬามากจากที่ไม่เล่นเลย
-เป็น รร.เล็กๆ ครูรู้จักเด็กแทบทุกคน ใช้คอมพิวเตอร์ในการเรียน พ่อแม่ติดตามผลการเรียน วันสอบ คะแนนงานวิชาต่างๆได้ ครูประจำชั้นติดตามเด็กใกล้ชิด
-ภาษาอังกฤษดีขึ้นมาก แต่คณิตศาสตร์ก็ยังไม่เก่งเหมือนเดิม 5555 มีการเขียน writting ตั้งแต่ ม.4 ในหลายวิชา ทำให้ได้ฝึกอย่างจริงจัง
ตอนเข้ามหาวิทยาลัย ลูกเราตอนแรกจะเรียนสัตวแพทย์ พอไปติวภาคไทยแล้วเขาบอกว่าไม่ไหว ขอเรียน BBA ภาค INTER ก็แล้วกัน เราก็แล้วแต่เขา เขาก็จัดการหาที่เรียน เราก็พาไปติวพาไปสอบ เรียกว่าชิวมาก ไม่ต้องแข่งขันกับคนอื่นๆทั่วประเทศ แค่ใช้คะแนนสอบยื่นแล้วก็รอสัมภาษณ์
-ลูกจากที่ชอบตอบคำถามในห้องเรียน เป็นไม่ตอบ เพราะเวลาตอบผิดโดนหัวเราะและโดนครูพูดแบบไม่ให้กำลังใจ
-ต้องเรียนพิเศษหนักมาก โดยเฉพาะวิชาคณิตศาสตร์เพราะสอบแต่ละครั้งตกเกินครึ่งห้อง สอบซ่อมแล้วก็ยังตกต้องซ่อมรอบสองกันเยอะ เด็กที่ไม่เก่งคณิตต้องคิดให้ดีๆ ลูกเราเรียนพิเศษคณิตอาทิตย์ละ 3 วัน แค่สอบผ่านก็ดีใจสุดๆ สำหรับเด็กที่เก่งคณิตได้เข้าเรียนก็เรียกว่าไปได้ไกลเลยล่ะ
-self esteem ลดลงอย่างเห็นได้ชัด เวลาทำการบ้าน พอเห็นอะไรยากหน่อยเขาจะบอกว่าทำไม่ได้ เขาไม่เก่ง ไม่มีทางทำได้แน่
-ข้อดีคือ เอาแต่เรียนไม่มีเวลาเกเร เพื่อนๆไม่เล่นเกมส์ ไม่เที่ยวเตร่ ลูกเราเลยเลิกเลินเกมส์ไปเลย จนตอนนี้เรียนปี 1 เขาจะเล่นเกมส์เฉพาะเวลาเบื่อๆ ไม่ติดเกมส์
ตอน ม.ปลายเลยเปลี่ยน รร. เป็น english program เพราะดูท่าว่าตอนเข้ามหาวิทยาลับให้ไปสอบแข่งขัน คงหืดขึ้นคอ ผลคือ
-เขามีความสุขกับการเรียนมาก
-self esteem ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
-ที่ รร.ไม่ให้ใช้โทรศัพท์ ต้องฝากเช้ารับเย็น พอว่างปุ๊บเด็กๆจะไปอ่านหนังสือ คุยกับเพื่อน คุยกับ teacher เล่นกีฬากันแทบทุกคน จนลูกเราชอบเล่นกีฬามากจากที่ไม่เล่นเลย
-เป็น รร.เล็กๆ ครูรู้จักเด็กแทบทุกคน ใช้คอมพิวเตอร์ในการเรียน พ่อแม่ติดตามผลการเรียน วันสอบ คะแนนงานวิชาต่างๆได้ ครูประจำชั้นติดตามเด็กใกล้ชิด
-ภาษาอังกฤษดีขึ้นมาก แต่คณิตศาสตร์ก็ยังไม่เก่งเหมือนเดิม 5555 มีการเขียน writting ตั้งแต่ ม.4 ในหลายวิชา ทำให้ได้ฝึกอย่างจริงจัง
ตอนเข้ามหาวิทยาลัย ลูกเราตอนแรกจะเรียนสัตวแพทย์ พอไปติวภาคไทยแล้วเขาบอกว่าไม่ไหว ขอเรียน BBA ภาค INTER ก็แล้วกัน เราก็แล้วแต่เขา เขาก็จัดการหาที่เรียน เราก็พาไปติวพาไปสอบ เรียกว่าชิวมาก ไม่ต้องแข่งขันกับคนอื่นๆทั่วประเทศ แค่ใช้คะแนนสอบยื่นแล้วก็รอสัมภาษณ์
แสดงความคิดเห็น
การให้ลูกที่หัวไม่ดี ไปอยู่ในโรงเรียนเก่งๆนี่ ถือว่าไม่ดูศักยภาพเด็กไหมครับ
ส่งไปที่เหมาะกับเขาดีกว่า โรงเรียนทั่วๆไปก็ได้ ไม่ต้องห้องโครงการอะไรหรอก
เลยสงสัยครับ
-การให้เด็กไปอยู่สถาพแวดล้อมที่ดี มี่แต่คนเรียนเก่ง ลูกเรียนไม่เก่งคนเดียว ลูกจะตามเขาทันไหม
แต่ถ้าคิดแง่ดี เขาจะพากันเรียนหรือเปล่า
-หรือควรให้เด็ก เรียนตามศักยภาพตัวเอง โรงเรียนธรรมดาทั่วไป จะได้ตามเพื่อนๆทัน เขาระดับเดียวกัน
ผมเป็นคนที่เชื่อว่า ต่อให้เด็กหัวไม่ดียังไง ถ้าเราส่งไปสภาพแวดล้อมที่ดีได้ ถึงจะสู้เพื่อนในห้องไม่ได้ ตามใครเขาไม่ทัน แต่โดยรวมคงพากันเรียน
ชวนกันเรียน น่าจะดีกว่านะครับ
ถ้าผมรวยขนาดส่งลูกไปเรียนเมืองนอกได้ ต่อให้เขาเรียนแย่ยังไง ผมลงทุนเต็มที่ ส่งไปเรียนภาษาปรับพื้นฐานใหม่หมด
เชื่อว่าถึงหัวไม่ดี ถ้ามีความพยายาม ก็เรียนได้ทั้งนั้น (ถ้าเป็นระดับมัธยมที่เป็นวิชายังไม่าซับซ้อน เท่ามหาวิทยาลัยนะครับ)
พวกคุณคิดว่าผมคิดถูกหรือเปล่า หรือ คนที่แนพนำให้เรียนตามศักยภาพของเด็กคิดถูก