การให้ลูกที่หัวไม่ดี ไปอยู่ในโรงเรียนเก่งๆนี่ ถือว่าไม่ดูศักยภาพเด็กไหมครับ

พอดีจะส่งลูกไปเรียนโรงเรียนดีดี   แล้วโดนคนรู้จัก   พูดว่า  ทำอะไรดูความสามารถเด็กด้วย
ส่งไปที่เหมาะกับเขาดีกว่า    โรงเรียนทั่วๆไปก็ได้  ไม่ต้องห้องโครงการอะไรหรอก

เลยสงสัยครับ
-การให้เด็กไปอยู่สถาพแวดล้อมที่ดี    มี่แต่คนเรียนเก่ง   ลูกเรียนไม่เก่งคนเดียว    ลูกจะตามเขาทันไหม
แต่ถ้าคิดแง่ดี  เขาจะพากันเรียนหรือเปล่า
-หรือควรให้เด็ก  เรียนตามศักยภาพตัวเอง   โรงเรียนธรรมดาทั่วไป  จะได้ตามเพื่อนๆทัน  เขาระดับเดียวกัน

ผมเป็นคนที่เชื่อว่า  ต่อให้เด็กหัวไม่ดียังไง    ถ้าเราส่งไปสภาพแวดล้อมที่ดีได้  ถึงจะสู้เพื่อนในห้องไม่ได้   ตามใครเขาไม่ทัน   แต่โดยรวมคงพากันเรียน
ชวนกันเรียน     น่าจะดีกว่านะครับ

ถ้าผมรวยขนาดส่งลูกไปเรียนเมืองนอกได้   ต่อให้เขาเรียนแย่ยังไง   ผมลงทุนเต็มที่ ส่งไปเรียนภาษาปรับพื้นฐานใหม่หมด
เชื่อว่าถึงหัวไม่ดี  ถ้ามีความพยายาม  ก็เรียนได้ทั้งนั้น    (ถ้าเป็นระดับมัธยมที่เป็นวิชายังไม่าซับซ้อน  เท่ามหาวิทยาลัยนะครับ)

พวกคุณคิดว่าผมคิดถูกหรือเปล่า  หรือ คนที่แนพนำให้เรียนตามศักยภาพของเด็กคิดถูก

 
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
ปรกติ โรงเรียนที่เก่งๆ  ส่วนใหญ่เด็กสอบแข่งขันกันเข้าไม่ใช่หรือคะ. ลูกคุณสอบได้หรือ และได้เข้าโรงเรียนเก่งๆหรือคะ  ถ้าสอบเข้าได้ก็ถือว่าเก่ง


เด็กหัวไม่ดี แต่พ่อแม่รวย. มีเงินจ่าย เดือนเป็นแสน เพื่อจ้างคนเก่งๆมาสอนลูกเรา

คนอื่นไม่เกี่ยวค่ะ


ลูกดิฉันก็ไม่เก่ง โง่มาก. วันๆตามแต่ไอดอล

บอกให้เรียน ให้อ่าน จนปากฉีกปากแฉะ ลูกมันเมิน

เลยจ้างครู ที่เก่งแพงมากๆค่ะ มาสอน
เขาทำได้นะคะ

เขามีเทคนิคให้เด็กเก่งได้.    

เราทำไม่ได้ค่ะไม่มีความสามารถ


เชื่อใจครูค่ะ มีเงินจ่ายไปเลย
ถ้าทางครูเขารับประกันให้ด้วย ยิ่งดี
ความคิดเห็นที่ 7
ความคิดคุณไม่ได้ผิด  ทัศนคติของ คนเราต่างกัน
   แต่ส่วนตัวเราว่า การเลือกร.ร.ที่เหมาะสมกับศักยภาพหรือว่าพัฒนาของลูก เป็นสิ่งสำคัญค่ะ
เพราะอย่างน้อยๆ มันก็ช่วยให้ลูกไปร.ร แล้วมีความสุข และจะได้กระตือรือร้นที่จะอยากไปเรียน
   และอย่าลืมดูที่เหมาะสมกับกำลังทรัพย์ของบ้านด้วยนะคะ
ความคิดเห็นที่ 2
เราเคยมีประสบการณ์ส่งลูกเข้า รร.ดังที่สอบแข่งขันสูง ลูกเราเรียนปานกลางแต่ที่เข้าได้เพราะโควต้าอาจารย์มหาวิทยาลัย มีข้อดีข้อเสียคือ (เฉพาะที่ลูกเราเจอไม่ได้รวมถึงคนอื่นๆ)

-ลูกจากที่ชอบตอบคำถามในห้องเรียน เป็นไม่ตอบ เพราะเวลาตอบผิดโดนหัวเราะและโดนครูพูดแบบไม่ให้กำลังใจ
-ต้องเรียนพิเศษหนักมาก โดยเฉพาะวิชาคณิตศาสตร์เพราะสอบแต่ละครั้งตกเกินครึ่งห้อง สอบซ่อมแล้วก็ยังตกต้องซ่อมรอบสองกันเยอะ เด็กที่ไม่เก่งคณิตต้องคิดให้ดีๆ ลูกเราเรียนพิเศษคณิตอาทิตย์ละ 3 วัน แค่สอบผ่านก็ดีใจสุดๆ สำหรับเด็กที่เก่งคณิตได้เข้าเรียนก็เรียกว่าไปได้ไกลเลยล่ะ
-self esteem ลดลงอย่างเห็นได้ชัด เวลาทำการบ้าน พอเห็นอะไรยากหน่อยเขาจะบอกว่าทำไม่ได้ เขาไม่เก่ง ไม่มีทางทำได้แน่
-ข้อดีคือ เอาแต่เรียนไม่มีเวลาเกเร เพื่อนๆไม่เล่นเกมส์ ไม่เที่ยวเตร่ ลูกเราเลยเลิกเลินเกมส์ไปเลย จนตอนนี้เรียนปี 1 เขาจะเล่นเกมส์เฉพาะเวลาเบื่อๆ ไม่ติดเกมส์

ตอน ม.ปลายเลยเปลี่ยน รร. เป็น  english program เพราะดูท่าว่าตอนเข้ามหาวิทยาลับให้ไปสอบแข่งขัน คงหืดขึ้นคอ ผลคือ
-เขามีความสุขกับการเรียนมาก
-self esteem ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
-ที่ รร.ไม่ให้ใช้โทรศัพท์ ต้องฝากเช้ารับเย็น พอว่างปุ๊บเด็กๆจะไปอ่านหนังสือ คุยกับเพื่อน คุยกับ teacher เล่นกีฬากันแทบทุกคน จนลูกเราชอบเล่นกีฬามากจากที่ไม่เล่นเลย
-เป็น รร.เล็กๆ ครูรู้จักเด็กแทบทุกคน ใช้คอมพิวเตอร์ในการเรียน พ่อแม่ติดตามผลการเรียน วันสอบ คะแนนงานวิชาต่างๆได้ ครูประจำชั้นติดตามเด็กใกล้ชิด
-ภาษาอังกฤษดีขึ้นมาก แต่คณิตศาสตร์ก็ยังไม่เก่งเหมือนเดิม 5555 มีการเขียน writting ตั้งแต่ ม.4 ในหลายวิชา ทำให้ได้ฝึกอย่างจริงจัง

ตอนเข้ามหาวิทยาลัย ลูกเราตอนแรกจะเรียนสัตวแพทย์ พอไปติวภาคไทยแล้วเขาบอกว่าไม่ไหว ขอเรียน BBA ภาค INTER ก็แล้วกัน เราก็แล้วแต่เขา เขาก็จัดการหาที่เรียน เราก็พาไปติวพาไปสอบ เรียกว่าชิวมาก ไม่ต้องแข่งขันกับคนอื่นๆทั่วประเทศ แค่ใช้คะแนนสอบยื่นแล้วก็รอสัมภาษณ์
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่