สวัสดีครับ ก่อนอื่นผมขอบอกก่อนว่าผมเคยส่งกระทู้เที่ยวญี่ปุ่นมาแล้ว 1 ครั้ง หลังจากนั้นมาผมก็หายไปจากพันทิปไปเลย 5555 อยู่ดีๆผมก็อยากกลับมาเขียนกระทู้เที่ยวแบ่งปันอีกซึ่งการเดินทางนั้นผมเที่ยวตั้งแต่ ม.ค. 2018 แล้วละครับแต่พึ่งมาเขียนเพราะจะได้ใช้สำหรับผู้ที่จะเอาไว้ใช้เป็น ไกด์ บอกเลยรอบนี้ผิดแผนเยอะครีบ ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าหลายหนเลยทีเดียว

งั้นขอเข้าเรื่องเลยละกันครับ รอบนี้ผมเดินทางไปกับสายการบิน Hongkong Airline ด้วยเหตุผลที่ว่าลองคำนวณแล้วค่าตั๋วพอๆกับ low cost ตอนนั้นผมได้ราคามา ไป-กลับ 10,800 บาทครับซึ่งครั้งแรกที่ผมนั่งlow cost ไปราคาตั๋ว+กระเป๋า+ที่นั่ง+ข้าว+น้ำ บอกเลยlow cost แพงกว่าครับ แต่ที่สำคัญที่สุดคือ ผมอยากแวะเที่ยว ฮ่องกงตอนขากลับ เพราะผมเลือกเวลา รอเครื่อง 18 ชม. เลยครับ

อ้อออ ขอเกริ่นอีกนิดนะครับ ผมลงโตเกียว นาริตะ แต่ตอนเที่ยวนี้แทบไปได้อยู่โตเกียวเลย โดยแผนการเที่ยวผมจะมีดั้งนี้ครับ
1. KANAZAWA
2. SHIRAKAWAGO
3.TOYAMA
4.SARIO PUPULAND+(แถม odaiba ให้ อันนี้เห็นคนรีวิวเยอะละ อาจไม่มีอะไรมากนะครับ)
5.NIKKO
6.GALA YUZAWA
7.HONGKONG

เริ่มเลยนะครับ วันแรกการเดินทางคือเข้ามาเช็คอินที่สวรรณภูมิ ก็มาที่เคาท์เตอร์ hongkong airline เลยครับบอกไป โตเกียว นาริตะนี้แหละครับ เดียวเขาจัดการให้หมดครับ แต่เพื่อเวลาเยอะๆหน่อยนะครับ สายการบินนี้คนเยอะครับ

หลังจากนั้นเขาจะให้ตั๋วมา 2 ใบคือ กรุงเทพ-ฮ่องกง 1ใบ และ ฮ่องกง-โตเกียว อีก1ใบ ส่วนสัมภาระที่โหลด ไม่ต้องห่วงครับเขาจัดการต่อเครื่องให้เลยเก็บตั๋วไว้ดีๆ พอครับ

เมื่อถึงเวลาก็ไปดิคร้าบบบ...

พอเครื่องออกไปได้ซักพัก ก็มีอาหารมาเสริฟซึ่งขาไปเครื่องออก 04:00 น. ถึง ฮ่องกง 08:05น. ซึ่งมันยังไม่ถึงช่วงเวลาอาหารเช้า ทางสายการบินจึงเสริฟเป็น คล้ายๆ วาฟเฟอร์แฮมชีส มาให้ รองท้อง อร่อยดีครับ กินเสร็จก็หลับต่อแปปๆก็ถึงอ้ออออ ปล. เราสามารถขอหมอนได้นะครับเขามีให้แต่ต้องขอ ส่วนผ้าห่ม วางไว้ตรงที่นั่งละครับ

เมื่อมาถึงฮ่องกง ผมเลือกว่าลาต่อเครื่อง 1.10ชม. บอกเลยว่าค่อนข้างเสี่ยง เพราะหากเที่ยวบินเราดีเลย์นี้จบเลยครับ แต่ก็ไม่มีเหตุการ์ณไรเกิดขึ้น รอแปปเดียวก็ไปต่อเลยครับ แต่นิดหนึ่งนะครับ ตอนแรกผมไม่เคยมาต่อเครื่องที่นี้ มันมีหลาย terminal ครับงงๆ หน่อย ต้องนั่งรถไฟใต้ดินของสนามบิน เพื่อไปขึ้นอีก terminal หนึ่ง ยังไงใครครั้งแรก เพื่อเวลาหลงทางหน่อย นะครับ

เมื่อถึงเวลาตากำหนดก็เดินทางไปต่อ โดยไฟท์ของผมออกจาก ฮ่องกง09:15 น. ถึง นาริตะ 13:55 น. เมื่อถึงแล้วลงมาเอากระเป๋าก็แวะซื้อ JR Pass อะไรให้เสร็จ แล้วก็เดินทางเข้าโตเกียวกันโดยผมเลือกที่จะนั่ง skyliner มาลง Ueno ครับ เพราะที่พักอยู่แถวๆนี้ แต่วันแรกผมไม่นอนนะ ขอเอากระเป๋าเดินทางมาฝากไว้ 3 วัน ใช่ครับ ฝากกระเป๋าไว้ 3 วัน แล้วเลือกเอาไปเฉพาะ พกพาได้ผมพัก โรงแรม ueno first city hotel พนักงานตอนรับดีครับ ยินดีให้ผมฝาก ผมบอกว่าผมจะกลับมาพัก อีก 3 วัน ก็เอาใบจอง รร.ให้เขาดูครับว่าอีก 3 วัน เรามาพักที่นี้จริงๆ หลังจากนั้นก็ไปหาไรกินต่อเลยครับ

ผมเลือกจะไปเดินเล่น Akihabara ก่อนเเพราะจะไปไล่ไขชากาปอง เดินหา search google ร้านไหนดี ร้านไหนเยอะไขให้จนไปเลย
ครับ

เมื่อไขจนพอใจแล้วก็ไปหาอะไรกินกันครับ ผมเจาะจงมากินราเมนร้าน Kyushu Jangara Ramen โดยเฉพาะเลยครับเห็นเขาว่าเด็ดเลยต้องมาลองดูครับ บอกเลยแถวยาวใช้ได้เลยครับรอพอสมควร

หน้าตาราเมนตัวชูโรงก็อันนี้เลยครับผมจำชื่อไม่ได้แต่อร่อยครับ แอบเค็มไปนิดๆ แต่โดยรวมผมว่าอร่อยเลยละครับ ลักษณะร้านจะเล็กๆแคบๆ นั่งเป็นคล้ายๆบาร์ บรรยากาศ ญี่ปุ่นมากเลยครับ

หลังจากกินเสร็จผมต้องไปที่ shinjugu ครับ เพราะวันนี้ ผมจะนอนในรถบัส เพื่อไปตื่นที่ kanazawa ในตอนเช้า ครับและผมจะได้ประหยัดค่า รร. ในคืนแรกด้วย

เส้นทางที่ผมจะไปในวันนี้คือ tokyo(shinjugu)>>>kanazawa
แต่ต้องลองเช็คหลายๆเจ้านะครับ ช่วงฤดูหนาวบางเส้นทางเขาจะไม่วิ่ง night bus หรือจะลอกผมคือนั่ง night bus ของค่าย willer express โดยสามารถจองใน internet ได้เลยครับ แล้วไปรับตั๋วจริงที่ท่ารถครับ
ท่ารถเขาไม่เหมือนบ้านเรานะครับหายากหน่อยมันไม่ได้วุ่นวายมากขนาดนั้นครับ โดยท่าของ willer express จะอยู่ตรงข้าม กับเจ้าห้าง Lumine2 Shinjuku

มันจะเป็น2 ชั้น เดินขึ้นบันไดเลื่อนมาก็จะเจอก็ท่ารถครับ มีรถมาหมุนเวียนกัน

เราก็หาเคาท์เตอร์ด้านในอะครับ มันจะมีห้องอยู่ไปถามพนักงานแถวนั้นได้เลยครับ เขาจะบอกว่าให้ไปออกตั๋วที่ไหน หลังจากนั้นก็นั่งรอรถ ถึงว่าก็ขึ้นรถแล้วก็หลับไป ละแล้วเราก็ตื่นขึ้นมาที่.......... KANAZAWA ครับโผมมมม ตื่นขึ้นมาพร้อมกับเมืองสีขาวทั้งเมือง โดยผมจะมีเวลาเที่ยว KANAZAWA ถึงช่วงบ่ายๆ หลังจากนั้นต้องขึ้นรถต่อไปที่ shirakawago ครับ เมืองนี้เที่ยว ครึ่งวันมีอะไรบ้าง ไปดูกันครับ

โดยการเดินทางเมืองนี้เราจะเดินทางโดยรถบัสครับ ซึ่งไม่ยากอะไรครับ เพราะเมืองนี้จะวนรถบัสเป็นลูปโดยจะมีอยู่แค่ 3 สายเท่านั้นเองครับ สามารถศึกษาได้จาก
http://www.hokutetsu.co.jp/bus/e_pamphlet.pdf อันนนี้คือแผนที่รถบัสที่นี้ครับ ส่วนราคามีแบบ one day pass ด้วยครับในราคา 500 เยน ซึ่งสามารถใช้ได้ทั้ง 3 สายเลย

ซึ่งจุดหมายปลายทางสำคัญของเมืองนี้นั้นคือ Kenroku-en Garden แต่ก่อนจะไป ผมขอแวะตลาดก่อนครับ ถ้าเปิด map ดูนั่งรถ ไป 1 ป้ายก็จะถึงตลาด Omi-cho Market แล้วครับ ซึ่งครั้งนี้ผมเลือกจะจ่ายตามป้าย ไม่ได้ซื้อ one day pass ครับเพราะต่างกันแค่ 100 เยนเองขี้เกียจต่อแถวซื้อ สำหรับการขึ้นบัสที่นี้จะคิดครั้งละ 200 เยนครับ ตามภาพเลย การขึ้นคือเข้าตรงกลาง ลงด้านหน้า ก่อนลงก็จ่ายตังที่เครื่องข้างคนขับนั้นแหละครับ

สำหรับตลาดบ้านเค้าสะอาดมากครับ จากนั้นผมก็เดินเล่นจนไม่รู้จะกินอะไร จนเจอร้านข้าวหน้าปลาดิบ ก็กินอันนั้นแหละครับ ใครอยากชิมอะไรลองเลยครับ ส่วนตัวผมรีบกินรีบไปต่อครับเวลาน้อย

เมื่อกินเสร็จก็นั่งรถต่อครับ มุ่งน้าไป Kenroku-en Garden การเดินทางก็ดูจากแมพที่ผมให้นั้นแหละครับ เมื่อไปถึงป้าย LL9 ก็เดินต่ออีกนิดหน่อย โดยใช้ gps นำทางไปสวน บอกเลยหนาวมากครับ แต่สวยมากๆเช่นกัน ก่อนเข้าสวน ด้านซ้ายมือจะมีตู้ ล็อคเกอร์ฝากของได้ครับ ราคานี้ผมจำไม่ได้ละ แต่ฝากไว้เถอะครับ เพื่อการเดินที่สบายขึ้น หลังจากนั้นเข้าสวนไปผมก็เจอกับความสวยงามของสวนนี้ครับ โดยความลำบากคือมีหิมะตก เป็นครั้งคราว หนาวจับใจเหลือเกินครับ ใครมาช่วงนี้เครื่องป้องกันความหนาวต้องจัดเต็มเลยนะครับ

หลังจากเที่ยวได้ไม่นานก็ต้องรีบไปขึ้นรถของ Nohibus เพื่อจะไปหมู่บ้านมรดกโลก อย่าง Shirakawago ซึ่งผมได้ทำการจองตั๋วล้วงหน้าไว้แล้วในเว็ปแต่มันมีความพีคที่ว่า ผมดูเวลาขึ้นรถผิด คือผมไปดูเวลาถึง เป็นเวลาขึ้นรถ พอถึงเวลารถมาผมก็ไม่เห็นในชานชราว่ารถไปไหน พอมาดูอีกทีอ้าววววว ดูผิดงานเข้าเลยครับ ซึ่งปกติแล้วเขาจะไม่ค่อยรับ walk in ซื้อตั๋วครับ ผมเลยต้องวิ่งหา ออฟฟิสเขาแล้วขอซื้อตั๋วเที่ยวถัดไป โดยให้เหตุผมว่าผมตกรถครับ

ซึ่งโชคดีที่ตั๋วรถไป shirakawago ยังไม่เต็ม จึงทำให้ผมได้ไปต่อ และหลังจากนี้ ผมบอกเลยครับเหมือนผมกดสวิสท์ความซวยขึ้นมา ความวายป่วงผมจะเริ่มจากวันนี้ไปเลยครับ
เที่ยวญี่ปุ่นแบบทรหด แถมขากลับแวะเที่ยวฮ่องกงได้ด้วย (มีตกเครื่องด้วย)
งั้นขอเข้าเรื่องเลยละกันครับ รอบนี้ผมเดินทางไปกับสายการบิน Hongkong Airline ด้วยเหตุผลที่ว่าลองคำนวณแล้วค่าตั๋วพอๆกับ low cost ตอนนั้นผมได้ราคามา ไป-กลับ 10,800 บาทครับซึ่งครั้งแรกที่ผมนั่งlow cost ไปราคาตั๋ว+กระเป๋า+ที่นั่ง+ข้าว+น้ำ บอกเลยlow cost แพงกว่าครับ แต่ที่สำคัญที่สุดคือ ผมอยากแวะเที่ยว ฮ่องกงตอนขากลับ เพราะผมเลือกเวลา รอเครื่อง 18 ชม. เลยครับ
อ้อออ ขอเกริ่นอีกนิดนะครับ ผมลงโตเกียว นาริตะ แต่ตอนเที่ยวนี้แทบไปได้อยู่โตเกียวเลย โดยแผนการเที่ยวผมจะมีดั้งนี้ครับ
1. KANAZAWA
2. SHIRAKAWAGO
3.TOYAMA
4.SARIO PUPULAND+(แถม odaiba ให้ อันนี้เห็นคนรีวิวเยอะละ อาจไม่มีอะไรมากนะครับ)
5.NIKKO
6.GALA YUZAWA
7.HONGKONG
หลังจากนั้นเขาจะให้ตั๋วมา 2 ใบคือ กรุงเทพ-ฮ่องกง 1ใบ และ ฮ่องกง-โตเกียว อีก1ใบ ส่วนสัมภาระที่โหลด ไม่ต้องห่วงครับเขาจัดการต่อเครื่องให้เลยเก็บตั๋วไว้ดีๆ พอครับ
เมื่อถึงเวลาก็ไปดิคร้าบบบ...
เมื่อมาถึงฮ่องกง ผมเลือกว่าลาต่อเครื่อง 1.10ชม. บอกเลยว่าค่อนข้างเสี่ยง เพราะหากเที่ยวบินเราดีเลย์นี้จบเลยครับ แต่ก็ไม่มีเหตุการ์ณไรเกิดขึ้น รอแปปเดียวก็ไปต่อเลยครับ แต่นิดหนึ่งนะครับ ตอนแรกผมไม่เคยมาต่อเครื่องที่นี้ มันมีหลาย terminal ครับงงๆ หน่อย ต้องนั่งรถไฟใต้ดินของสนามบิน เพื่อไปขึ้นอีก terminal หนึ่ง ยังไงใครครั้งแรก เพื่อเวลาหลงทางหน่อย นะครับ
เมื่อถึงเวลาตากำหนดก็เดินทางไปต่อ โดยไฟท์ของผมออกจาก ฮ่องกง09:15 น. ถึง นาริตะ 13:55 น. เมื่อถึงแล้วลงมาเอากระเป๋าก็แวะซื้อ JR Pass อะไรให้เสร็จ แล้วก็เดินทางเข้าโตเกียวกันโดยผมเลือกที่จะนั่ง skyliner มาลง Ueno ครับ เพราะที่พักอยู่แถวๆนี้ แต่วันแรกผมไม่นอนนะ ขอเอากระเป๋าเดินทางมาฝากไว้ 3 วัน ใช่ครับ ฝากกระเป๋าไว้ 3 วัน แล้วเลือกเอาไปเฉพาะ พกพาได้ผมพัก โรงแรม ueno first city hotel พนักงานตอนรับดีครับ ยินดีให้ผมฝาก ผมบอกว่าผมจะกลับมาพัก อีก 3 วัน ก็เอาใบจอง รร.ให้เขาดูครับว่าอีก 3 วัน เรามาพักที่นี้จริงๆ หลังจากนั้นก็ไปหาไรกินต่อเลยครับ
ครับ
เมื่อไขจนพอใจแล้วก็ไปหาอะไรกินกันครับ ผมเจาะจงมากินราเมนร้าน Kyushu Jangara Ramen โดยเฉพาะเลยครับเห็นเขาว่าเด็ดเลยต้องมาลองดูครับ บอกเลยแถวยาวใช้ได้เลยครับรอพอสมควร
หน้าตาราเมนตัวชูโรงก็อันนี้เลยครับผมจำชื่อไม่ได้แต่อร่อยครับ แอบเค็มไปนิดๆ แต่โดยรวมผมว่าอร่อยเลยละครับ ลักษณะร้านจะเล็กๆแคบๆ นั่งเป็นคล้ายๆบาร์ บรรยากาศ ญี่ปุ่นมากเลยครับ
หลังจากกินเสร็จผมต้องไปที่ shinjugu ครับ เพราะวันนี้ ผมจะนอนในรถบัส เพื่อไปตื่นที่ kanazawa ในตอนเช้า ครับและผมจะได้ประหยัดค่า รร. ในคืนแรกด้วย
แต่ต้องลองเช็คหลายๆเจ้านะครับ ช่วงฤดูหนาวบางเส้นทางเขาจะไม่วิ่ง night bus หรือจะลอกผมคือนั่ง night bus ของค่าย willer express โดยสามารถจองใน internet ได้เลยครับ แล้วไปรับตั๋วจริงที่ท่ารถครับ
ท่ารถเขาไม่เหมือนบ้านเรานะครับหายากหน่อยมันไม่ได้วุ่นวายมากขนาดนั้นครับ โดยท่าของ willer express จะอยู่ตรงข้าม กับเจ้าห้าง Lumine2 Shinjuku
มันจะเป็น2 ชั้น เดินขึ้นบันไดเลื่อนมาก็จะเจอก็ท่ารถครับ มีรถมาหมุนเวียนกัน
เราก็หาเคาท์เตอร์ด้านในอะครับ มันจะมีห้องอยู่ไปถามพนักงานแถวนั้นได้เลยครับ เขาจะบอกว่าให้ไปออกตั๋วที่ไหน หลังจากนั้นก็นั่งรอรถ ถึงว่าก็ขึ้นรถแล้วก็หลับไป ละแล้วเราก็ตื่นขึ้นมาที่.......... KANAZAWA ครับโผมมมม ตื่นขึ้นมาพร้อมกับเมืองสีขาวทั้งเมือง โดยผมจะมีเวลาเที่ยว KANAZAWA ถึงช่วงบ่ายๆ หลังจากนั้นต้องขึ้นรถต่อไปที่ shirakawago ครับ เมืองนี้เที่ยว ครึ่งวันมีอะไรบ้าง ไปดูกันครับ
โดยการเดินทางเมืองนี้เราจะเดินทางโดยรถบัสครับ ซึ่งไม่ยากอะไรครับ เพราะเมืองนี้จะวนรถบัสเป็นลูปโดยจะมีอยู่แค่ 3 สายเท่านั้นเองครับ สามารถศึกษาได้จาก http://www.hokutetsu.co.jp/bus/e_pamphlet.pdf อันนนี้คือแผนที่รถบัสที่นี้ครับ ส่วนราคามีแบบ one day pass ด้วยครับในราคา 500 เยน ซึ่งสามารถใช้ได้ทั้ง 3 สายเลย
ซึ่งจุดหมายปลายทางสำคัญของเมืองนี้นั้นคือ Kenroku-en Garden แต่ก่อนจะไป ผมขอแวะตลาดก่อนครับ ถ้าเปิด map ดูนั่งรถ ไป 1 ป้ายก็จะถึงตลาด Omi-cho Market แล้วครับ ซึ่งครั้งนี้ผมเลือกจะจ่ายตามป้าย ไม่ได้ซื้อ one day pass ครับเพราะต่างกันแค่ 100 เยนเองขี้เกียจต่อแถวซื้อ สำหรับการขึ้นบัสที่นี้จะคิดครั้งละ 200 เยนครับ ตามภาพเลย การขึ้นคือเข้าตรงกลาง ลงด้านหน้า ก่อนลงก็จ่ายตังที่เครื่องข้างคนขับนั้นแหละครับ
สำหรับตลาดบ้านเค้าสะอาดมากครับ จากนั้นผมก็เดินเล่นจนไม่รู้จะกินอะไร จนเจอร้านข้าวหน้าปลาดิบ ก็กินอันนั้นแหละครับ ใครอยากชิมอะไรลองเลยครับ ส่วนตัวผมรีบกินรีบไปต่อครับเวลาน้อย
เมื่อกินเสร็จก็นั่งรถต่อครับ มุ่งน้าไป Kenroku-en Garden การเดินทางก็ดูจากแมพที่ผมให้นั้นแหละครับ เมื่อไปถึงป้าย LL9 ก็เดินต่ออีกนิดหน่อย โดยใช้ gps นำทางไปสวน บอกเลยหนาวมากครับ แต่สวยมากๆเช่นกัน ก่อนเข้าสวน ด้านซ้ายมือจะมีตู้ ล็อคเกอร์ฝากของได้ครับ ราคานี้ผมจำไม่ได้ละ แต่ฝากไว้เถอะครับ เพื่อการเดินที่สบายขึ้น หลังจากนั้นเข้าสวนไปผมก็เจอกับความสวยงามของสวนนี้ครับ โดยความลำบากคือมีหิมะตก เป็นครั้งคราว หนาวจับใจเหลือเกินครับ ใครมาช่วงนี้เครื่องป้องกันความหนาวต้องจัดเต็มเลยนะครับ
หลังจากเที่ยวได้ไม่นานก็ต้องรีบไปขึ้นรถของ Nohibus เพื่อจะไปหมู่บ้านมรดกโลก อย่าง Shirakawago ซึ่งผมได้ทำการจองตั๋วล้วงหน้าไว้แล้วในเว็ปแต่มันมีความพีคที่ว่า ผมดูเวลาขึ้นรถผิด คือผมไปดูเวลาถึง เป็นเวลาขึ้นรถ พอถึงเวลารถมาผมก็ไม่เห็นในชานชราว่ารถไปไหน พอมาดูอีกทีอ้าววววว ดูผิดงานเข้าเลยครับ ซึ่งปกติแล้วเขาจะไม่ค่อยรับ walk in ซื้อตั๋วครับ ผมเลยต้องวิ่งหา ออฟฟิสเขาแล้วขอซื้อตั๋วเที่ยวถัดไป โดยให้เหตุผมว่าผมตกรถครับ