มาเรียนต่างประเทศ โดนbully

ทำยังไงดีคะ โดนbully
คือมาเรียนที่ต่างประเทศค่ะ โดนเพื่อนแกล้งมี3รอบ รอบแรกเป็นผู้หญิงค่ะ เขาเอาเข็มมาวางตรงหน้าและร้องเพลงhappy birthday แต่เพื่อนของผู้หญิงคนนั้นก็ช่วยค่ะ แล้วเพื่อนของผู้หญิงที่แกล้งก็บ่นผู้หญิงที่แกล้งหนูค่ะ สักพักคนที่แกล้งเขาบอกเป็นเพื่อนกันมั้ย ตอนนี้ก็เป็นเพื่อนกันค่ะ
รอบสองโดนเพื่อนผู้ชายค่ะ เขาเอาดินสอมาไว้ใกล้ๆแขน ประมาณจี้อ่ะค่ะ แล้วคือหนูไม่รู้ว่ามีดินสออยู่พอยกแขนก็เลยขูดแขนเป็นแผลค่ะ แต่คนนี้ขอโทษเราเลยให้อภัยค่ะ ตอนนี้ก็เป็นเพื่อนกันค่ะ เขาชอบทำท่ากวนๆใส่555+
รอบสุดท้ายนี่ทนไม่ไหวค่ะ กลับบ้านมาร้องไห้ไม่หยุดเลย คือโรงเรียนพาไปเดินforest แล้วขากลับ ผู้ชายประกบหน้าหลังค่ะ แล้วตอนเดินลง ผู้ชายข้างหลังเริ่มพูดดัง เริ่มล้อแล้วค่ะ เขาล้อว่าchina ตะโกนลันเลยค่ะ แต่หนูไม่สนใจ สักพักเขาเดินมาแล้วพลัก แล้วพูดว่าQuickly!! แล้วนี้ก็หลังไปแล้วพูดว่ารีบก็เดินไปดิ แล้วเขาก็ไม่เดินค่ะ สักพักเขาก็คุยกันค่ะ แต่คุยกันดังมาก เหมือนกลัวเราไม่ได้ยิน เขาคุยประมาณว่าคนจีนฯลฯ แล้วเราคือทนไม่ไหวเลย บอกว่า เป็นคนไทย ไม่ใช่คนจีน ตอนแรกก็จะพลักคืนแล้วตั้งแต่โดนผลักแล้วค่ะ แต่กลัวโดนครูส่งกลับประเทศเลยไม่กล้าทำ พอคนที่แกล้งรู้ว่าเป็นคนไทยก็ ตกใจค่ะ แล้วก็เข้ามาถามแต่เราไม่อยากคุยด้วยค่ะ รำคราน แต่ตอบบ้าง พอขึ้นรถกลับโรงเรียนไปก็มีคนหนึ่งพลักหัวค่ะ แล้วก็พูดประมาณว่า เห้ยๆ มันเศร้าแล้วว่ะ แล้วหัวเราะ ดังมากๆ และมีอีกคนที่แกล้งพยายามถามชื่อค่ะ แต่นเราไม่ตอบเพราะเขารู้ชื่อเราอยู่แล้ว และกลัวเหมือนรอบแรกค่ะ ที่เขาถามชื่อ และเขาพูดชื่อเราดังๆ แล้วหัวเราะ. พอเราไม่ตอบคนที่แกล้ง เขาก็พูดชื่อหนูออกมาค่ะ พอกลับโรงเรียนก็เลยวิ่งไปหาพี่คนไทย ให้พี่เขาช่วย พี่เขาพาไปบอกครูค่ะ ครูบอกว่าเดียวพาไปชี้ตัว แต่หนูจำไม่ค่อยได้ค่ะ เพราะว่ารอบสามนี้คนเยอะมาก แล้วตอนกลับบ้านก็บอกโฮสค่ะ โฮสไม่ยอม  จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุดค่ะ  ตอนนี้คือไม่อยากไปโรงเรียนเลยค่ะ 
พาพันเศร้า
แก้ไขข้อความเมื่อ

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 8
หนู จขกท ต้องเข้มแข็งนะ แบบที่คุณ คห 7 พิมพ์สอน

เราเองว่าจะมาสอนแนะแนวแนวๆ นี้พอดี

พวกเราคนเอเชียหัวดำเนี่ย เวลาใช้ชีวิตอยู่บนเวทีโลก ในระดับนานาชาติ
หลีกเลี่ยงไม่ได้ในหลายๆ กรณี ที่จะต้องโดนคนขาวบางคน หรือ คนดำบางคนดูถูก

วิธีที่เราใช้อยู่ คือ เราต้องฝึกฝนพัฒนาตนเองให้ได้เท่าเทียมกับคนมีการศึกษาของพวกมันในทุกๆ ด้าน
หรือ ทำให้เหนือกว่า

ไม่ว่าจะเรื่องของการพูดจา การแต่งกาย ทรงผม การยืน การเดิน ความรู้ มารยาทสังคม การเข้าสังคม
มารยาทในการกินดื่ม เรื่องกีฬา เรื่องบุคลิกภาพก็สำคัญมาก

คือสิ่งเหล่านี้ที่กล่าวมา ทางบ้าน ทางสถานศึกษา อบรมพื้นฐานที่ดีให้กับเรามาก่อนแล้วตั้งแต่วัยเด็ก เพราะเขาต้องการสร้างคนไทยที่มีคุณภาพ
และ เรานำมาใส่ใจ ฝึกฝน พัฒนาตนเอง ต่อเติมขึ้นไปอีก


//

คนเอเชียส่วนใหญ่ ที่ถูกคนต่างชาติพันธ์อื่นๆ บุลลี่ เพราะบุคลิกให้มาก

เช่น ท่าเดินประเภทเดินทอดน่อง เดินแบบเหมือนไม่มีเป้าหมาย

หรือ ท่าทางมึนๆ งงๆ ลังเลใจ แบบไม่มีคอมม่อนเซ้นท์

ท่าทางที่ดูเหมือนคนขาดความมั่นใจในตัวเอง ไม่มีปาก ไม่มีเสียง ท่าทางที่ดูเชื่องช้า คิดช้า ดูท่าทางช่วยเหลือตนเองไม่ได้ คิดไม่เป็น

เป็นต้น ท่าทางเหล่านี้แหละ ทำให้น่าบุลลี่มาก เพราะเป็นเหยื่อที่แกล้งง่าย

//

เรายกตัวอย่างให้ฟังนะ

ปกติเราอยู่ ตปท บ่อย เดือนละหลายหน (และ เรายังอยู่ไทยด้วย)

ฟิตเนสที่เราเล่นใน ตปท หลาย ปท หลายๆ แห่งมีคนหลากเชื้อชาติเล่น

บางแห่ง เราเจอหลายหนแล้ว มีฝรั่งบางคน มีคนดำบางคน พยายามบุลลี่เรา พยายามแกล้งกั๊กไม่ให้เราใช้เครื่องเล่นหรืออุปกรณ์ต่างๆ
ได้ง่ายๆ

แต่พอเจอเราไม่กลัว คือ เราจ้องหน้าแบบตรงๆ ถามแบบสุภาพเลยว่าใช้ไหม ถ้าไม่ใช้ เราจะใช้
ส่วนใหญ่ คือยอมเอาของที่วางไว้ออก หรือ ยอมแบ่งให้เราเล่น

แล้วพวกฝรั่ง หรือ คนดำ คนอินเดียบางคน ที่จ้องจะบุลลี่เรา เวลาที่เจอเราต่อยมวย หรือ เตะ
พวกนี้จะเงียบกันทั้งยิม หรือ เวลาที่เจอเราเล่นเครื่องเล่น แล้วทำถูกท่า ออกกำลังกายได้หลายอย่าง ออกเป็น ทำเป็น
มันไม่กล้ามาแกล้งเราอีกเลย และ เปลี่ยนท่าที เปลี่ยนสีหน้าท่าทางเวลาที่เจอเรา คือจะอ่อนลงมาก
และ ไม่ทำท่าทางข่มเรา หรือ ดูถูกเราอีก

//

เมื่อหลายเดือนก่อน เราเจอฝรั่งที่มาจาก ปท พัฒนาแล้ว (แต่เป็นฝรั่งระดับล่าง ไม่อินเตอร์) จะแย่งเครื่องเล่น แต่เรามาก่อนมัน 1 นาที เราไม่ยอม
เราบอกใครมาก่อนได้ใช้ก่อน มันเลยไม่กล้า

หรือ เราเคยเจอคนดำ ตัวสูงใหญ่กว่าเรามาก จะบุลลี่เราในยิม จะไม่ให้เราใช้เครื่องยกน้ำหนัก มันบอกมันจะใช้
แต่เราพูดจากับมันนิ่งๆ จ้องตามัน เราบอกเครื่องว่างอยู่ ฉันมาก่อนยู ฉันจะเล่นก่อน ยูต้องรอตามคิว จากนั้นเราเอามือปรับเครื่องเล่นไปด้วย
แล้วเล่นเลย

จากนั้นไปเตะหุ่นต่อ ต่อยต่อ (เราเตะแรง หมัดหนัก และ ชอบเตะจระเข้ฟาดหาง 😄) มันเลยไม่กล้ามายุ่งกับเราอีก ถอยเราเลย

บางครั้งที่เราเดินทาง เราโดนฝรั่งที่เป็น ผดส ด้วยกัน พยายามบุลลี่เราบนเครื่องบิน โดยเฉพาะเวลาที่เรานั่งบิสซิเนสคลาส
เพราะเขาคิดว่าเราไม่เคยเดินทางมาก่อน เลยโดนเราเล่นงานซะหงายเงิบไปเลย บางคนเวลารับกระเป๋าที่สายพาน ไม่กล้ามายืนใกล้เราเลย

หรือ เราเคยเจอเพอร์เซ่อร์ของสายการบินนึง พอเห็นเราจะเดินไปเข้าห้องน้ำ เขานั่งอยู่ตรงที่นั่งลูกเรือ ตรงแถวๆ หน้าห้องน้ำ
พอเห็นเราเดินมา แกล้งเอาขายื่นมาจะขัดขาเรา

แต่เราระวังตัวอยู่ โดยอ่านจากภาษากายของเขา และ สายตาที่เขามองเรา เขาจึงทำอะไรเราไม่ได้

//

(คือสังคมในต่างแดนบางสังคม มีคนที่มาจากที่ที่ไม่เจริญ ไม่อินเตอร์ อยู่รวมกันเยอะมาก
ทำให้คนเอเชียหัวดำอย่างเรา ต้องต่อสู้เยอะมาก เพราะมีคนหลายชาติ ดูถูกคนเอเชียประเภทที่หัวอ่อน ขี้ขลาด อ่อนแอ ใจเสาะ ขี้ตกใจ ขี้กลัว
ที่ไม่กล้ามีปากมีเสียง ไม่กล้าปกป้องตนเอง คอมม่อนเซ้นส์ไม่มี

ทำให้บางครั้ง เราถูกเหมารวมไปด้วยว่าเป็นคนเอเชียประเภทนั้นไปด้วย แต่เผอิญเราไม่ใช่ไง
เราทำให้ตัวเราเป็นแบบน้องๆ โทนี่ จา/จา พนม เฉินหลง/แจ็คกี้ ชาน บวกกับ ลาร่า คอร์ฟหน่ะ ฝรั่งไม่กล้ารังแก
บางทีก็ทำหัวยุ่งๆ ดูเนิร์ดๆ แต่รั่วๆ โต่งๆ เซอร์ๆ แบบนายบอริส จอห์นสันนะ 😹😹😹)
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 7
ต้องรีบแก้ไขนะคะ เพราะถ้าไม่ทำอะไร จะยิ่งรุนแรงมากค่ะ

หลานๆ ของป้า เกิดและเติบโตที่อเมริกาก็เคยโดนค่ะ เด็กฝรั่งส่วนมากหลายคนเคยโดน พ่อแม่ต้องค่อยเอาใจใส่ และ ตัวหนูต้องฝึกความกล้า เดินออกมาจาก Comfort zone และสำคัญอย่างยิ่งคือการสร้าง courage นะคะ

หลานๆ ไม่ใช่เด็กขี้กลัวหรือขี้อายนะคะ แต่เป็นเด็กหน้าตาน่ารัก และ แต่งตัวดี และ ฉะฉาน ยังโดนเด็กผู้ชายแกล้ง และ เด็กผู้หญิงอิจฉา แต่หลานมีเพื่อนดี คอยดูแลกันและกันค่ะ ใช้เวลาพอควร ในการมีเพื่อนหลายกลุ่ม พ่อแม่ก็ต้องช่วยเอาลูกเข้าสังคมทำกิจกรรมเจอเพื่อนๆ ใหม่ๆ ดีๆ ด้วยค่ะ ละเลยไม่ได้

เมื่อมีเพื่อนดี เพื่อนหลายๆ กลุ่ม ไม่ว่าเรื่องโดนแกล้งเกิดกับคนไหน คนในกลุ่มจะกล้าพูดเพื่อปกป้องเพื่อน และ บอกอีกฝ่ายว่าการกระทำนั้น ไม่ดี สังคมไม่ยอมรับ จะเรียกผู้ปกครอง พอมีแบบนี้ ก็จะช่วยลดการเกิดเหตุการณ์ได้มาก และ พ่อแม่ก็จะอุ่นใจเวลาลูกไปโรงเรียนค่ะ

ที่บ้าน สอนลูกๆ หลานๆ ให้กล้าพูดค่ะ กล้าที่จะเดินมาบอกพ่อแม่ และ บอกอาจารย์ในห้องเรียน ทางโรงเรียนเรียกตัวผู้ปกครองมาคุยเลย เพราะเรื่องแบบนี้ไม่โอเคค่ะ

ถ้าโดนบนรถโรงเรียน เดินไปแจ้งคนขับรถ เขาจะย้ายมานั่งด้านหน้า และ จดจำเด็กที่ทำผิดไว้ค่ะ ถ้าทำอีก จะเรียกผู้ปกครอง

เมื่อเรื่องเกิดขึ้น อย่านิ่งนอนใจ ให้รีบแจ้งพ่อแม่ และ เรียกครูทันที จะแก้ปัญหาให้ได้ทันที บางทีความกลัวความระแวงจะบดบัง ทำให้ไม่กล้าพูด ยิ่งจะทำให้การโดนแกล้งยื้ดเยื้อไปเรื่อยๆ และ เพิ่มความรุ่นแรงเรื่อยๆ

หลังจากเกิดเรื่อง ทางบ้านเอาหลานๆ เข้าเรียน Martial art, Karate เลยค่ะ เล่นจนได้สายดำ สร้างความกล้ามากขึ้น และ กล้าที่จะสู้

หลังจากเรื่องราวจบลง เด็กผู้ชายที่มาแกล้ง มาขอโทษสารภาพว่าแอบชอบค่ะ แต่ครอบครัวสอนหลานสาวทั้งสองว่า การใช้กำลังของเด็กผู้ชายที่มาแอบชอบ ด้วยการรังแกเด็กผู้หญิง ให้เจ็บ ไม่ใช่สิ่งที่สุภาพบุรุษพึงกระทำ และ สอนให้หลานสาวเข้าใจว่าการใช้ความรุนแรงเป็นเรื่องไม่ดี ห้ามคบเด็กแบบนี้ค่ะ

เดี่ยวนี้ ถ้าเด็กผู้ชายมาแกล้ง วิ่งเข้ามาแตะตัวละก็ โดนหลานๆ ทุมลงพื้นค่ะ ไม่มีใครกล้าแกล้งอีกเลย

สู้ๆ นะคะ ลูกเอ๋ย อย่าท้อนะคะ
ความคิดเห็นที่ 30
แชร์ประสบการณ์พี่นะคะ ของพี่ระดับมหาลัยแล้ว อยู่หอ ต้องไฝว้สุดฤทธิ์ค่ะ พี่ทำรีพอร์ทถึงมหาลัยเลยค่ะ ส่งไปทุกแผนก เพราะเรื่อง racism นี่เรื่องใหญ่ รำคาญใจ แล้วพี่ก็ cc email ถึงสถานทูตไทยในประเทศเลยว่าโรงเรียนมีประวัติ นร. ไทยโดนบูลลี่ ไม่แนะนำให้มีการโปรโมทโรงเรียนนี้ผ่านเอเจนซี่ใดใดในไทยค่ะ เจ้าหน้าที่ระดับสูงเรียกพี่ไปคุย เค้าจัดโปรแกรมให้ใหม่ และมีการส่งหนังสือเตือนคนพวกนั้นด้วยค่ะ บางคนที่มาถึงเนื้อถึงตัว พี่ไปลงรีพอร์ทไว้กับตำรวจ แล้วสแกนแนบอีเมลไปด้วยค่ะ
ความคิดเห็นที่ 31
เคยเห็นคลิปนึงของต่างชาติที่เเนะนำป้องกันการ bully
อันนี้จำคร่าวๆ  เเต่ที่จำได้คือ   ถ้าเขาด่าเราเราต้องตอบกลับ แต่แบบใช้ข้อที่เขาพูดว่าเรามา  สวนกลับในทางที่ดีกว่า เพราะคนที่มา แกล้งคนอื่นส่วนมากจะชอบความรู้สึกที่ตัวเองเหนือกว่า เขาด่ามา ลองชมกลับดูสิ
ประมาณว่า เขาว่าหนู แกมันคนจีนเอ๋ย คนไทยเอ๋ย คนเอเชีย ถ้าเป็นนี้คงตอบกลับว่า "ใช้ ฉันคนไทยนะ เธอคนแคนนาดาใช่ไหม ฉันอิจฉาเธอนะที่อยู่ที่นี้" ยิ้มเเล้วเดินจากไป  หรือเขาล้อชื่อหนู  พยายามอย่าใช้อารมย์โกรธตอบกลับ  ถ้าเขาล้อชื่อเรา  ถ้าเป็นนี้จะตอบกลับ แบบยิ้มๆ ว่า" ใช่เเล้ว นั้นชื่อฉัน  เธอชื่ออะไรล่ะ  อ่อชื่อ.... หรอ  ยินดีที่ได้รู้จักนะ  เธอดูดีมากเลย'  ยิ้มเเล้วทำอย่างอื่นไป    จำในคลิปคร่าวๆประมาณนี้
ความคิดเห็นที่ 9
จาก คห ที่ 8 อีกครั้งนะฮะ

_______

เคยมีกระทู้หัวเรื่อง โดนเหยียดบ่อยจังที่เยอรมัน..ไมเป็นงี้อ่ะ (กระทู้เแอบบ่น)

https://pantip.com/topic/36755767/comment12

เราเคยไปตอบเอาไว้ที่ คห 12 ดังนี้ ...

วิธีดีลกับคนพวกนี้ คือ ไม่ต้องลดตัว ไม่ต้องสนใจ  ทำให้มันเป็นธาตุอากาศ ถ้าต้องดีลกับมัน ก็ทำในทางบวก แบบคนที่เจริญแล้ว
เช่น บอกให้มันไปหาความรู้รอบตัว ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม ไม่จำเป็นต้องต่อล้อต่อเถียง ไม่ต้องลับฝีปากให้เสียเวลา

คนที่มีสติปัญญาต่ำ ความรู้รอบตัวต่ำ สังคมต่ำ ความคิดต่ำ กิริยาต่ำ คำพูดต่ำ เราก็ต้องวางเขา ปล่อยเขาเอาไว้ในที่ของเขา
คือ ที่ต่ำ ที่เหมาะสมกับพื้นฐานในด้านต่างๆ ของเขานั่นเอง

จงวางตนเองเอาไว้ในที่ที่สูงกว่า ทำตนเองให้สูงกว่า เป็นบัวที่โผล่พ้นน้ำแล้ว แล้วมองพวกมันที่เป็นบัวที่อยู่ในที่ต่ำใต้โตลนตมใต้พื้นผิวน้ำ
มองมันลงมาจากที่ที่เราอยู่ในที่ที่สูงกว่า มองสู่ที่ต่ำอย่างสมเพช  แต่มองด้วยความเมตตา มองด้วยความเข้าใจ

มองแบบเข้าใจว่า จิตใจมันแคบ การศึกษาหาความรู้น้อย ความเข้าใจในเรื่องคนต่างชาติมีน้อย ความรู้เรื่องต่างประเทศของมันมีน้อย  
เพราะสมองของมันมีขนาดเล็กนั่นเอง และ มันอาศัยอยู่หลังเขาวงกต จึงเข้าถึงแหล่งความรู้ได้ยาก
หรือ อาจะเข้าถึง แต่ขาดสติปัญญาในการเรียนรู้

ตามที่ จขกท เล่ามา คือ จขกท เผอิญต้องไปอยู่ในสังคมที่ยังไม่เปิดกว้าง ระดับล่าง ไม่อินเตอร์ เป็นสังคมที่โลกทัศน์แคบ ไม่หลากหลาย

การที่บังเอิญต้องไปอยู่ในสังคมแบบนี้ ต้องฝึกทำจิตใจให้เข้มแข็งมากๆ อยู่กับจุดยืนของตนเอง รู้ว่าตนเองคือใคร ทำอะไร ต้องการอะไร

เอาใจไปจดจ่อกับเป้าหมาย กับความสำเร็จของตนเอง คิดแต่ทางบวก ดูแลตนเอง จัดบ้านให้สวยๆ น่าอยู่ ตั้งใจทำงาน เที่ยวต่างประเทศ
ฝึกภาษาให้เก่งๆ เดินทางเยอะๆ ออกกำลังกาย ทำสมาธิ อ่านหนังสือดีๆ ดูข่าว ทำอาหารทำขนมเก่งๆ แต่งตัวให้เป็น ลับสมองให้ฉลาด
ฝึกฝนตนเองให้เป็นคนคิดบวกมากๆ  ทำสิ่งต่างๆ นาๆ ที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับตนเอง

เช่น เอาสิ่งที่คุณกลัวมาเป็นแรงผลักดันในการพัฒนาตนเองให้เหนือพวกมันยิ่งๆ ขึ้นไป
ใช้ชีวิตแบบที่ดึงดูดให้คนดีๆ สติปัญญาดีๆ มีสังคมดีๆ พื้นฐานดีๆ เข้ามาคบหาสมาคม
พาตนเองไปอยู่ในสังคมดีๆ วันๆ ทำแต่เรื่องดีๆ คิดดี พูดดี ยิ้มแย้มแจ่มใส มีเสน่ห์ น่าคบหา แล้วชีวิตจะดีเอง


คนที่จิตใจไม่ดี คิดแต่เรื่องไม่ดี ความคิดและจิตใจจะสะสมแต่พลังงานทางลบ แล้วจะมาแสดงออกที่การกระทำ ที่หน้าตา
ทำให้บุคลิกภาพไม่ดี ทัศนคติไม่ดี ไม่มีเสน่ห์ ไม่น่าคบหา ปล่อยให้พวกมันแพ้พิษภัยของตนเองไป ส่วนตัวเราเองอย่าพาตัวไปอยู่ในสังคมแบบนั้น

อย่าใส่ใจ แยกตัวออกมา ถ้าใส่ใจมาก ถ้ายังอยู่ในสังคมแบบนั้น สิ่งลบๆ ต่างๆ จะเข้ามีอิทธิพลเหนือชีวิตของคุณ
อย่าเปิดโอกาสให้มันมาบั่นทอนมาควบคุมครอบงำคุณ

ขอให้จำเอาไว้ว่า ปัญหาของคนอื่น พื้นฐานของคนอื่น ระดับสติปัญญาของคนอื่น เป็นเรื่องของเขา ไม่เกี่ยวกับตัวเรา
ในโลกของธุรกิจ อะไรที่ไม่ก่อให้เกิดกำไรเขาไม่ทำกัน ส่วนในชีวิตของคนเรา อะไรที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ ก็อย่ารับเข้ามา

อย่าเอาเวลาอันมีค่าของเราที่มี วันละ 24 ชั่วโมงเท่าๆ กับมัน และ เท่าๆ กับคนอื่นๆ ในโลกนี้ ไปเสียให้กับเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง
แต่เอาเวลามาให้กับตัวเรา ให้กับคนรัก ให้กับครอบครัว ให้กับเพื่อนดีๆ และ ให้กับงานดีกว่า

ส่วนประโยคนี้ เราเจอมาจากในพันทิปนี่แหละ  "จงอย่าอิจฉาชีวิตของคนอื่น แต่จงทำชีวิต และ ใช้ชีวิตของเราให้คนอิจฉา"
(คำไม่เป๊ะเหมือนของเขาทุกคำนะ แต่เป็นประโยคดีๆ ที่เป็นความจริง แนวนี้แหละ)


วิธีที่จะกดพวกมันให้ต่ำ คือ ไม่ต้องพูดอะไร แค่หมั่นฝึกฝนตนเอง ยกระดับของตนเองให้สูงกว่ามันในทุกๆ ด้าน ดียิ่งๆ ขึ้นทุกด้าน
และ หาเงินให้ได้เยอะกว่ามัน มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีชีวิตที่สะดวกสบาย ที่คนอื่นๆ โดยเฉพาะพวกที่ไม่หวังดีต้องมาอิจฉา

ถ้ามันรู้สึกด้อยกว่ามากๆ มันจะไม่กล้ามารังแกคุณ ส่วนคุณก็ได้กด ได้เหยียดมัน โดยที่ไม่ต้องพูดอะไรสักคำ แค่ทำชีวิตให้ดีๆ แค่นั้นเอง
ทำให้มันต่ำต้อย ด้วยวิธีคิดบวกๆ แบบนี้ ตัวเรามีแต่ได้กับได้ ยิงปืนนัดเดียวได้นกทั้งฝูง


การปกป้องความเป็นคนไทย และ การปกป้องประเทศไทย ในระดับนานาชาติ คือ การทำตนเองให้ดี ให้เท่าเทียมเขา
ให้เหนือกว่าเขา อย่าทำให้ภาพพจน์ของคนไทย และ ภาพพจน์ของประเทศไทยแย่กว่าเดิม อะไรที่ไม่ดีอย่าทำ
เพราะถ้าจะตอบแบบไม่โลกสวย ก็คือ สิ่งที่เขาว่ามันจริง คนไทยบางกลุ่มในหลายๆ ประเทศเป็นแบบนั้นจริง
มันเป็นปัญหาโลกแตก ที่มีรากฐานของปัญหามาจากหลายๆ อย่าง


ที่คุณเจอมานี่ ยังแค่เบาะๆ แค่พื้นฐานของการเหยียดเบื้องต้น ในบางสังคม ในบางประเทศ สังคมโหดกว่านี้
เถื่อนกว่านี้เยอะ

ฝึกเอาไว้ แล้วคุณจะแกร่งเอง การอยู่ในโลกทุนนิยมในสมัยปัจจุบันนี้ให้รอด ไม่ต้องใช้ปากเก่งนำ ปากเก่งได้ในบางสถานะการณ์
ถ้าหากต้องพูดจริงๆ ก็ต้องพูดให้ตรงประเด็น พูดให้เฉียบคม ชัดเจน สุภาพ พูดด้วยข้อเท็จจริง

แต่ที่สำคัญกว่าคือต้องอยู่ให้รอดด้วยสติปัญญา ไหวพริบ ด้วยความเหนือชั้นกว่า ต้องใช้ความอดทนอดกลั้นขั้นสูงสุด
แล้วเปลี่ยนมันให้เป็นพลังบวกที่เป็นผลประโยชน์ต่อตนเอง ห้ามลดตัวเด็ดขาด ห้ามอ่อนแอเด็ดขาด

คิดบวก แต่ห้ามโลกสวย จำคำของพี่เอาไว้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่