ข่าวดี้ดี 4.0 เปิดหลักฐานเส้นทางการเงิน “โอ๊ค-พานทองแท้-เจ้าของกฤษดามหาคร”มัดคดีฟอกเงินกรุงไทย พิรุธ 3 ข้อ

กระทู้ข่าว
ข่าวปนคน คนปนข่าว
**เปิดหลักฐานเส้นทางการเงิน “โอ๊ค-พานทองแท้-เจ้าของกฤษดามหาคร”มัดคดีฟอกเงินกรุงไทย พิรุธ 3 ข้อ ทั้งรับ-โอน โยกย้ายหลายบัญชี-ไม่มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจ แถมได้เงินหลัง “เจ้าสัววิชัย”ได้เงินกู้กรุงไทยไปแล้ว โอ๊ค พลิกเกม ยื่นคำให้การใหม่ อ้าง“เงิน 10 ล้านไม่ใช่เรื่องใหญ่”แค่ ร่วมลงทุน
สามพี่น้องตระกูล “ชินวัตร” โอ๊ค-พานทองแท้ เอม-พินทองทา และ อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร พร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้งที่ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เมื่อวานนี้ (24ก.ย.) โดยบุตรสาวสองคนของ “ทักษิณ ชินวัตร”เอม และ อุ๊งอิ๊ง มาให้กำลังใจ “โอ๊ค”พี่ชายในดคีที่ตกเป็นจำเลย“ฟอกเงินกรุงไทย”
คดีนี้ "พานทองแท้" ถูกฟ้องว่า มีความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน และสมคบคบกันฟอกเงิน โดยอัยการยื่นฟ้อง เมื่อวันที่ 10 ต.ค.61 จากกรณี “พานทองแท้”รับโอนเงินเป็นเช็คจำนวน 10 ล้านบาท เข้าบัญชี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการกระทำจากการทุจริตปล่อยกู้สินเชื่อ ระหว่างธนาคารกรุงไทย กับเอกชนกลุ่มกฤษดามหานคร ...
ความเคลื่อนไหวของ “โอ๊ค”สำหรับคดีนี้ อยู่ในความสนใจของแวดวงธุรกิจและการเมือง ซึ่งก่อนนี้ คดีที่เกี่ยวกับการฟอกเงินกรุงไทย จำเลยที่มี "เจ้าสัววิชัย กฤษดาธานนท์" อายุ 80 ปี ผู้บริหารกฤษดามหานคร กับ บุตรชาย "นายรัชฎา กฤษดาธานนท์" อายุ 53 ปี และ อดีตคณะผู้บริหารธนาคารกรุงไทย ตกเป็นจำเลย ในคดีของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วให้จำคุก วิชัย และบุตรชาย คนละ 12 ปีร่วมกับพวก...
ในส่วนวิชัย, และรัชฎา บุตรชาย และกลุ่มอดีตกรรมการบริษัทเอกชนในเครือกฤษดามหานคร รวม 6 คน ยังถูกอัยการยื่นฟ้องความผิดฟอกเงินการทุจริตปล่อยกู้ดังกล่าว ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบเช่นกันกับ “โอ๊ค”ด้วย

ถึงโอ๊ค -พานทองแท้”ที่ผ่านมาก็ให้การปฏิเสธสู้คดีว่าไม่ได้กระทำผิด ซึ่งเงิน 10 ล้านบาทดังกล่าว เขาบอกว่าเป็นเงินที่ได้ร่วมลงทุนกับ"รัชฎา" บุตรชายของวิชัย อดีตผู้บริหารกฤษดามหานคร
ในการไต่สวนสืบพยานโจทก์ ถ้อยคำของการเบิกความปากแรกน่าสนใจยิ่งว่า ทำไม “พานทองแท้”ถึงต้องถูกกล่าวหาว่า "ฟอกเงิน"
พยานโจทก์ปากแรกที่เบิกความตอบคำถามศาล คือ "สุนทรา พลไตร" ผู้อำนวยการส่วนบริหารทรัพย์สิน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ในฐานะผู้กล่าวหาคดีนี้ ซึ่งช่วงตรวจสอบคดีนี้ ระหว่างปี 2559-2560 เป็นผู้อำนวยการส่วนข้อมูลคดีและมาตรการพิเศษทางกฎหมาย ปปง. ได้ตรวจสอบเอกสาร
จากการประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่ได้ตรวจสอบเส้นทางการเงิน แล้วเห็นว่า “โอ๊ค-พานทองแท้”ร่วมฟอกเงินกับเจ้าสัว “วิชัย กฤษดาธานนท์” สิ่งบ่งชี้ว่า"ฟอกเงิน" มีอยู่ 3 ข้อ 1. มีการรับโอนและโยกย้ายเงินในหลายบัญชี 2. ส่วนของ“โอ๊ค”มีการนำเงินเข้าบัญชีธนาคารกรุงเทพต่างสาขา ระหว่างบางพลัด และซอยอารีย์ และ 3. ทั้งสองไม่ได้มีนิติสัมพันธ์ใดๆ กันทางธุรกิจ
นอกจากนี้ยังพบว่า “โอ๊ค”ได้โอนเงิน 10 ล้านบาทคืน "วิชัย" เมื่อธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษ ดำเนินคดีกับผู้บริหารธนาคารกรุงไทย และ วิชัย เมื่อปี 2548... ส่วนที่ “โอ๊ค”บอกว่า ร่วมลงทุนทำธุรกิจรถยนต์กับ รัชดา บุตรชายของ วิชัย นั้นก็ “ไม่น่าเชื่อถือ”เพราะ การตรวจสอบเชื่อว่า การรับโอนเงินระหว่างโอ๊ค และวิชัย เป็นการให้ “ค่าตอบแทนบางประการ”หลังจากที่ วิชัย ได้รับเงินปล่อยกู้จากธนาคารกรุงไทย ซึ่ง“ทักษิณ ชินวัตร”ผู้พ่อ ในขณะนั้น ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี...
การตรวจสอบเส้นทางการเงินนั้ ป.ป.ง. ดูจากต้นเงินที่เมื่อธนาคารกรุงไทย ได้ปล่อยกู้ให้กับ บริษัทโกลเด้น เทคโนโลยี อินดัสเทรียล พาร์ค แล้ว จนผ่านไปถึงวิชัย จากนั้นก็เป็น “พานทองแท้”ได้รับเช็คโอนเงินเข้าบัญชี 10 ล้านบาท จากเจ้าสัววิชัย
ฝั่งของ“โอ๊ค”เพื่อหักล้างข้อกล่าวหา ถึงกับบอกนักข่าวที่ขอสัมภาษณ์เรื่อง “งูเห่า”พรรคเพื่อไทย ว่าไม่ค่อยได้ติดตามข่าวการเมือง และไม่เคยเข้าพรรคเพื่อไทยเลย เพราะต้องเอาเวลามาอ่านเอกสารคดีของตัวเอง ที่มีจำนานมาก เพราะคดีมีระยะเวลานานกว่า 10 ปี เมื่อวานก็เลยยื่นคำให้การใหม่เพิ่มเติม... "โอ๊ค" ยื่นคำให้การใหม่เพิ่มเติมเพราะคิดแล้วว่า หลังจากมีเหตุการณ์ที่ทำให้เปลี่ยนแปลงแนวทางการต่อสู้คดี จึงเลือกให้การใหม่ทั้งหมด แต่ยังคงปฏิเสธข้อกล่าวหา
ในวันพฤหัสบดีที่ 26 ก.ย.นี้ "โอ๊ค" จะขึ้นเบิกความนัดไต่สวนพยานจำเลย ซึ่งมีตัวเองเพียงปากเดียว เบิกความในประเด็นเรื่องการลงทุน และเงินจำนวน 10 ล้านบาท ว่านำไปใช้จ่ายอะไร เพื่อให้ศาลเข้าใจว่าจริงๆ แล้ว “ไม่ใช่เป็นเรื่องใหญ่”และ ที่ผ่านมาตนเอง ยังไม่เคยขึ้นเบิกความ จึงยังไม่ได้ให้ข้อมูลกับศาล แต่ยืนยันเจตนาไม่เคยฟอกเงิน ตามข้อกล่าวหาตั้งแต่แรกเริ่มที่มีการฟ้องร้องดำเนินคดี และหากศาลกรุณาอ่าน ก็จะเข้าใจ...
ถึงโอ๊คจะบอก "ไม่ใช่เป็นเรื่องใหญ่" แต่สำหรับสังคมไทย คดีนี้ย่อม "เป็นเรื่องใหญ่"... ซึ่งก็ต้องติดตามดูกันต่อไปว่า บทสุดท้ายจะเป็นอย่างไร.
แน่นอนว่า สังคมอยากให้ "โอ๊ค" ที่ซุ่มนอนอ่านเอกสาร เก็บตัวในบ้าน เพื่อตั้งใจสู้คดี จะสู้ไปถึงที่สุดของกระบวนการยุติธรรม พิสูจน์ตัวเอง...ไม่เหมือนผู้พ่อ "ทักษิณ" และ "อาปู" ยิงลักษณ์ ชินวัตร ที่เลือก "หนี" ไปใช้ชีวิตในต่างแดนจวบจนวันนี้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่