สวัสดีผู้อ่านในพันทิปทุกคนนะครับ ขอบคุณมากที่สละเวลาเข้ามาอ่านกระทู้นี้
ปกติแล้วผมจะเขียนแต่เรื่องท่องเที่ยว (
http://travelwithkun.com/) แต่วันนี้หันเอาเรื่องราวชีวิตการทำงานในมาเลเซียมาแชร์บ้าง เผื่อจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่เข้ามาอ่านครับ
ประเทศมาเลเซีย มันมีโอกาสเยอะมากสำหรับคนไทยที่อยากจะมาทำงาน
เนื่องจากว่ามาเลเซียมีบริษัทใหญ่ ๆ ที่รับคนไทยเยอะ แต่งานส่วนมากจะเป็นงานแนว customer service คือดูแลลูกค้า, ตอบปัญหา, หรือช่วยดูแลบัญชีของลูกค้าเป็นต้น
แต่งานแรกที่เราได้ทำที่ประเทศมาเลเซียนั้น เป็นงานด้านการตลาด หรือ Content Marketing
ในช่วงสามปีที่แล้ว Content Marketing กำลังบูม ใคร ๆ ที่สามารถทำคอนเท็นต์ได้แตกต่าง และน่าสนใจก็มักได้รับความสนใจ
เราได้ทำงานนี้กับบริษัทไอไพรซ์ซึ่งเป็นเว็บไซต์เปรียบเทียบราคาร้านค้าอีคอมเมิร์ซ
สิ่งที่เราต้องก็เริ่มตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการ เริ่มตั้งแต่การทำรีเสิร์ชข้อมูล นำข้อมูลมาเขียนเป็นบทความ ติดต่อนักข่าวในประเทศไทย ทั้งสำนักข่าวที่มีชื่อและออนไลน์ นำเสนอคอนเทนต์ และก็หวังว่าสื่อจะตีพิมพ์ข่าวที่เราทำ
เนื้องานนี้เป็นการประชาสัมพันธ์บริษัท และเสริมเว็บไซต์ของบริษัทในด้าน SEO ด้วย
การที่บริษัทเป็นบริษัทสตาร์ทอัพ คงจะต้องระลึกไว้เลยว่า เค้าจ้างหนึ่งคน คนนั้นก็ต้องทำได้ทุกอย่าง ซึ่งต่างจากบริษัทใหญ่ ๆ อย่างสิ้นเชิง
ซึ่งข้อดีก็คือเราได้เรียนรู้ทุกขั้นตอน และจะรู้รายละเอียด จนถึงวิธีการทำ ดังนั้นสามารถพูดได้เลยว่าสกิลที่เราได้เรียนรู้ว่า มันเป็นสกิลที่สามารถเอาไปต่อยอดได้
แต่ข้อเสียก็คืองานจะไม่เป็นระบบ ไม่มีขอบเขตที่ชัดเจน มันมึช่วงที่เรารู้สึกเหนื่อย และท้อ จน burn out ด้วยเหมือนกัน
แต่เราก็ใช้วิธีการไปเที่ยวเพื่อปลดปล่อยความเครียด จนสามารถทำงานที่นั่นได้ถึงสองปี
ประสบการณ์ตลอดสองปีคือเราได้โตเร็วมาก ไม่ใช่แค่ด้านการทำงาน แต่ด้านการดีลกับคน บริษัทสตาร์ทอัพมักจะมีแต่คนที่จบใหม่มาทำงานร่วมกัน บรรยากาศก็จะเหมือนกับ playground ที่มีแต่เด็กมาวิ่งเล่น ตีกันบ้าง สนุกบ้าง มันก็คือบรรยากาศของสนามเด็กเล่น
หลาย ๆ คนจะพูดว่าบรรยากาศมันค่อนข้าง emotional คือคนใช้อารมณ์ในการทำงานเหนือกว่าเหตุผล
สิ่งที่สำคัญที่สุดเลยคือการที่เราต้องคุมสติ และอดทนกับบรรยากาศรอบข้าง ซึ่งเอาจริง ๆ มันไม่ใช่บรรยากาศที่ดีนักในการทำงาน มันไม่ได้ช่วยให้คน productive และไม่ได้มีอารมณ์ที่อยากจะมาทำงาน
สิ่งที่หลายคนอยากรู้อีกเรื่องก็คงจะเป็นเรื่องเงินเดือน ว่าดีกว่าที่ไทยไหม
เราตอบเลยว่า เราเริ่มต้นน่าจะเท่า ๆ กับที่ไทย สองหมื่นนิด ๆ แต่ 6 เดือนแรก เราต้องเสียภาษี 28% เนื่องจากเรายังไม่ได้เป็น tax resident
ลองคิดเล่น ๆ ดูว่าค่าใช้จ่ายหลังหักภาษีจะเหลือเท่าไร ไหนจะค่าบ้าน ค่าการเดินทางอีก
ดังนั้นถ้าหากใครคิดว่ามาทำงานที่มาเลเซีย จะสบาย ได้เงินเยอะ ลองนำข้อนี้ไปพิจารณาเพิ่มดู
เดี๋ยวเราจะมาเล่าว่าถึงวิธีการหางานในประเทศมาเลเซีย แล้วเราได้ไปทำงานที่บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง อิเกีย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้อย่างไร บรรยากาศการทำงานเป็นอย่างไร ขอเกริ่นเลยว่าที่นี่คือ The Best Place to Work สำหรับเรา แต่ทำไมเราถึงลาออก
สำหรับใครที่อดใจรอไม่ไหว เราเขียนตอนสั้น ๆ เอาไว้แล้วในเพจของเรา
https://www.facebook.com/tiewtamjaikun/
ยังไงฝากติดตามด้วยนะครับ
แชร์ประสบการณ์การทำงานในมาเลเซียตลอด 3 ปี เผื่อคนไทยที่อยากทำงานต่างประเทศ
ปกติแล้วผมจะเขียนแต่เรื่องท่องเที่ยว (http://travelwithkun.com/) แต่วันนี้หันเอาเรื่องราวชีวิตการทำงานในมาเลเซียมาแชร์บ้าง เผื่อจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่เข้ามาอ่านครับ
ประเทศมาเลเซีย มันมีโอกาสเยอะมากสำหรับคนไทยที่อยากจะมาทำงาน
เนื่องจากว่ามาเลเซียมีบริษัทใหญ่ ๆ ที่รับคนไทยเยอะ แต่งานส่วนมากจะเป็นงานแนว customer service คือดูแลลูกค้า, ตอบปัญหา, หรือช่วยดูแลบัญชีของลูกค้าเป็นต้น
แต่งานแรกที่เราได้ทำที่ประเทศมาเลเซียนั้น เป็นงานด้านการตลาด หรือ Content Marketing
ในช่วงสามปีที่แล้ว Content Marketing กำลังบูม ใคร ๆ ที่สามารถทำคอนเท็นต์ได้แตกต่าง และน่าสนใจก็มักได้รับความสนใจ
เราได้ทำงานนี้กับบริษัทไอไพรซ์ซึ่งเป็นเว็บไซต์เปรียบเทียบราคาร้านค้าอีคอมเมิร์ซ
สิ่งที่เราต้องก็เริ่มตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการ เริ่มตั้งแต่การทำรีเสิร์ชข้อมูล นำข้อมูลมาเขียนเป็นบทความ ติดต่อนักข่าวในประเทศไทย ทั้งสำนักข่าวที่มีชื่อและออนไลน์ นำเสนอคอนเทนต์ และก็หวังว่าสื่อจะตีพิมพ์ข่าวที่เราทำ
เนื้องานนี้เป็นการประชาสัมพันธ์บริษัท และเสริมเว็บไซต์ของบริษัทในด้าน SEO ด้วย
การที่บริษัทเป็นบริษัทสตาร์ทอัพ คงจะต้องระลึกไว้เลยว่า เค้าจ้างหนึ่งคน คนนั้นก็ต้องทำได้ทุกอย่าง ซึ่งต่างจากบริษัทใหญ่ ๆ อย่างสิ้นเชิง
ซึ่งข้อดีก็คือเราได้เรียนรู้ทุกขั้นตอน และจะรู้รายละเอียด จนถึงวิธีการทำ ดังนั้นสามารถพูดได้เลยว่าสกิลที่เราได้เรียนรู้ว่า มันเป็นสกิลที่สามารถเอาไปต่อยอดได้
แต่ข้อเสียก็คืองานจะไม่เป็นระบบ ไม่มีขอบเขตที่ชัดเจน มันมึช่วงที่เรารู้สึกเหนื่อย และท้อ จน burn out ด้วยเหมือนกัน
แต่เราก็ใช้วิธีการไปเที่ยวเพื่อปลดปล่อยความเครียด จนสามารถทำงานที่นั่นได้ถึงสองปี
ประสบการณ์ตลอดสองปีคือเราได้โตเร็วมาก ไม่ใช่แค่ด้านการทำงาน แต่ด้านการดีลกับคน บริษัทสตาร์ทอัพมักจะมีแต่คนที่จบใหม่มาทำงานร่วมกัน บรรยากาศก็จะเหมือนกับ playground ที่มีแต่เด็กมาวิ่งเล่น ตีกันบ้าง สนุกบ้าง มันก็คือบรรยากาศของสนามเด็กเล่น
หลาย ๆ คนจะพูดว่าบรรยากาศมันค่อนข้าง emotional คือคนใช้อารมณ์ในการทำงานเหนือกว่าเหตุผล
สิ่งที่สำคัญที่สุดเลยคือการที่เราต้องคุมสติ และอดทนกับบรรยากาศรอบข้าง ซึ่งเอาจริง ๆ มันไม่ใช่บรรยากาศที่ดีนักในการทำงาน มันไม่ได้ช่วยให้คน productive และไม่ได้มีอารมณ์ที่อยากจะมาทำงาน
สิ่งที่หลายคนอยากรู้อีกเรื่องก็คงจะเป็นเรื่องเงินเดือน ว่าดีกว่าที่ไทยไหม
เราตอบเลยว่า เราเริ่มต้นน่าจะเท่า ๆ กับที่ไทย สองหมื่นนิด ๆ แต่ 6 เดือนแรก เราต้องเสียภาษี 28% เนื่องจากเรายังไม่ได้เป็น tax resident
ลองคิดเล่น ๆ ดูว่าค่าใช้จ่ายหลังหักภาษีจะเหลือเท่าไร ไหนจะค่าบ้าน ค่าการเดินทางอีก
ดังนั้นถ้าหากใครคิดว่ามาทำงานที่มาเลเซีย จะสบาย ได้เงินเยอะ ลองนำข้อนี้ไปพิจารณาเพิ่มดู
เดี๋ยวเราจะมาเล่าว่าถึงวิธีการหางานในประเทศมาเลเซีย แล้วเราได้ไปทำงานที่บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง อิเกีย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้อย่างไร บรรยากาศการทำงานเป็นอย่างไร ขอเกริ่นเลยว่าที่นี่คือ The Best Place to Work สำหรับเรา แต่ทำไมเราถึงลาออก
สำหรับใครที่อดใจรอไม่ไหว เราเขียนตอนสั้น ๆ เอาไว้แล้วในเพจของเรา https://www.facebook.com/tiewtamjaikun/
ยังไงฝากติดตามด้วยนะครับ