สมาคมฟุตบอลญี่ปุ่น หรือ jfa ตั้งอยู่ย่านอุเอโนะ ถ้าจะมา ให้ขึ้นรถไฟ Subway มาลงที่สถานี hongo-sanchome แล้วเดินต่ออีกประมาณ 10 นาที หรือเดินมาจากตลาดอะเมโยโกะใช้เวลาประมาณ 30 นาที พิกัดที่ตั้งคือ
https://goo.gl/maps/GGd93t8A2WEjywJ98
วิธีเดินทางโดยเดินเท้ามาที่นี่ให้เดินตามเส้นสีชมพู
ตัวตึกด้านบน เป็นที่ทำการของ JFA หรือสมาคมฟุตบอลญี่ปุ่น
ที่ชั้น G และชั้น B1 เป็นส่วนของพิพิธภัณฑ์สมาคมฟุตบอลญี่ปุ่นเริ่มที่ประตูทางเข้า เราจะพบกับซึบาสะกับมิซากิ คู่หูแข้งทองคำ จากโรงเรียนนันคัทสึ ในชุดยูนิฟอร์มทีมชาติญี่ปุ่น มารอต้อนรับเราอยู่ข้างหน้าประตูทางเข้า
เข้ามาข้างใน จะเป็นพื้นที่จัดแสดง สินค้าที่ระลึกของทุกทีมใน J1 และ J2
แน่นอนว่าจะต้องมีสินค้าของคอนซาโดเล่ซัปโปโร โยโกฮาม่ามารินอส และโออิตะทินิตะ
ส่วนพื้นห้อง เป็นประทับฝ่ามือหรือฝ่าเท้าของเหล่านักเตะเจลีกดังๆ เท่าที่เห็นจะเป็นของนักเตะในปัจจุบันเช่นยูโคบายาชิ เคนโกะนากามูระ และอื่นๆที่เราคุ้นชื่อกันแทบทุกคน
และนอกจากนั้น ยังมีมุมให้เราถ่ายรูป ได้ถือจานแชมป์เจลีกด้วย
มุมต่อมา เป็นหอเกียรติยศวงการฟุตบอลญี่ปุ่น จะมีรูป บุคลากรที่มีเกียรติประวัติต่อวงการฟุตบอลญี่ปุ่นตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน พร้อมกับประวัติ มีทั้งนักเตะ และโค้ช
และแน่นอนว่า จะต้องมี รูปของอากิระนิชิโนะ เฮดโค้ช ทีมชาติไทยคนปัจจุบันอยู่ในหอเกียรติยศนี้ด้วย
ใช้ Google แปลภาษาเพื่อแปลประวัติบนแผ่นจารึกนี้ได้ใจความว่า
" หอเกียรติยศ Nishino Akira เกิดวันที่ 7 เมษายน 2498 เกิดในจังหวัดไซตะมะ เล่นที่ฟุตบอลลีกญี่ปุ่น (JSL) บริษัท ฮิตาชิ จำกัด จากมหาวิทยาลัยวาเซดะ จากโรงเรียนมัธยมอุราวะนิชิ ในจังหวัดไซตะมะ เขาได้รับเลือกเป็นตัวแทนทีมชาติญี่ปุ่นในขณะที่เขายังเป็นนักเรียนและมีส่วนร่วม ในปี 1985 J1ได้คะแนนแปดเกมติดต่อกันและชนะรางวัล J1 Excellent 11 players Awards สำหรับฤดูกาลนั้น ในปี 1991 เขาได้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอนเยาวชนญี่ปุ่น ยู23 ปี1994 เขาได้นำทีมมุ่งสู่โอลิมปิกแอตแลนต้าซึ่ง เขาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ในรอบคัดเลือกระดับภูมิภาคของเอเชีย หลังจากเข้าสู่การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเม็กซิโกซิตี้ในปี 1968 เขาเปิดประตูใหญ่เป็นครั้งแรกในรอบ 28 ปี ในการแข่งขันครั้งนี้จัดขึ้นในปี 1996 กลุ่มได้รับชัยชนะจากโรงไฟฟ้าบราซิล ใน J-League เขาเป็นผู้จัดการทีมอันดับต้น ๆ ของ 4 สโมสรตั้งแต่ปี 1998 ถึงปี 2015 ผู้เป็นผู้กำกับในปี 1998 ชนะการแข่งขัน J-League Cup ในปี 1999 และนำชื่อเสียงมาสู่สโมสร Gamba Osaka ซึ่งทำงานต่อเนื่อง 10 ฤดูกาลตั้งแต่ปี 2002 ได้รับรางวัล J-League ในปี 2005 เขาชนะการแข่งขัน AFC Champions League (ACL) ในปี 2008 และจบที่สามใน FIFA Club World Cup ซึ่งเขาได้เข้าแข่งขันในฐานะแชมป์เอเชีย แชมป์ J-League ในฐานะผู้จัดการ เขานำทีมไปสู่การคว้าแชมป์หลายรายการ: แชมป์ลีก 1 J1, แชมเปี้ยนชิพคัพ 2 ครั้ง, แชมป์เจลีกคัพ 2 ครั้งและชนะเลิศ ACL 1 ครั้ง นอกจากนี้เขายังได้รับรางวัลโค้ชยอดเยี่ยม J-League ในปี 2000 และ 2005 และรางวัลโค้ชยอดเยี่ยม AFC ในปี 2008 ในปี 2016 เขาเป็นประธานด้านเทคนิคของ Japan Football Association ในปี 2018 ฟีฟ่าเวิลด์คัพรัสเซียเขาได้รับคำสั่งให้เป็นโค้ชทีมชาติญี่ปุ่นเมื่อสองเดือนก่อนการแข่งขัน แต่ชนะรอบแบ่งกลุ่มและก้าวเข้าสู่รอบ Best 16 เป็นอันดับสาม "
หลังจากหอเกียรติยศเป็นส่วนของขายสินค้าที่ระลึก ของทีมชาติญี่ปุ่น เท่าที่ดูแล้วราคาแพงมาก เสื้อยืด สมาคมฟุตบอลญี่ปุ่น X Hello Kitty ตัวละ 13,000 เยน และของอื่นๆซึ่งราคาค่อนข้างแพงเมื่อเทียบกับ ค่าครองชีพของคนไทย ส่วนนี้เลยไม่ได้ถ่ายรูปมา
และส่วนสุดท้าย เป็นทางเข้าสู่ชั้น B เพื่อไปชมพิพิธภัณฑ์ฟุตบอลญี่ปุ่นแบบเจาะลึกเสียค่าเข้าชมคนละ 500 เยน ซึ่งพอดีมีเวลาน้อยก็เลยไม่ได้เข้าชมเช่นกัน
[ CR ] พาเที่ยว JFA พิพิธภัณฑ์เจลีก และหอเกียรติยศฟุตบอลญี่ปุ่น มีจารึกประวัติอากิระนิชิโนะด้วย
https://goo.gl/maps/GGd93t8A2WEjywJ98
วิธีเดินทางโดยเดินเท้ามาที่นี่ให้เดินตามเส้นสีชมพู
ตัวตึกด้านบน เป็นที่ทำการของ JFA หรือสมาคมฟุตบอลญี่ปุ่น
ที่ชั้น G และชั้น B1 เป็นส่วนของพิพิธภัณฑ์สมาคมฟุตบอลญี่ปุ่นเริ่มที่ประตูทางเข้า เราจะพบกับซึบาสะกับมิซากิ คู่หูแข้งทองคำ จากโรงเรียนนันคัทสึ ในชุดยูนิฟอร์มทีมชาติญี่ปุ่น มารอต้อนรับเราอยู่ข้างหน้าประตูทางเข้า
เข้ามาข้างใน จะเป็นพื้นที่จัดแสดง สินค้าที่ระลึกของทุกทีมใน J1 และ J2
แน่นอนว่าจะต้องมีสินค้าของคอนซาโดเล่ซัปโปโร โยโกฮาม่ามารินอส และโออิตะทินิตะ
ส่วนพื้นห้อง เป็นประทับฝ่ามือหรือฝ่าเท้าของเหล่านักเตะเจลีกดังๆ เท่าที่เห็นจะเป็นของนักเตะในปัจจุบันเช่นยูโคบายาชิ เคนโกะนากามูระ และอื่นๆที่เราคุ้นชื่อกันแทบทุกคน
และนอกจากนั้น ยังมีมุมให้เราถ่ายรูป ได้ถือจานแชมป์เจลีกด้วย
มุมต่อมา เป็นหอเกียรติยศวงการฟุตบอลญี่ปุ่น จะมีรูป บุคลากรที่มีเกียรติประวัติต่อวงการฟุตบอลญี่ปุ่นตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน พร้อมกับประวัติ มีทั้งนักเตะ และโค้ช
และแน่นอนว่า จะต้องมี รูปของอากิระนิชิโนะ เฮดโค้ช ทีมชาติไทยคนปัจจุบันอยู่ในหอเกียรติยศนี้ด้วย
ใช้ Google แปลภาษาเพื่อแปลประวัติบนแผ่นจารึกนี้ได้ใจความว่า
" หอเกียรติยศ Nishino Akira เกิดวันที่ 7 เมษายน 2498 เกิดในจังหวัดไซตะมะ เล่นที่ฟุตบอลลีกญี่ปุ่น (JSL) บริษัท ฮิตาชิ จำกัด จากมหาวิทยาลัยวาเซดะ จากโรงเรียนมัธยมอุราวะนิชิ ในจังหวัดไซตะมะ เขาได้รับเลือกเป็นตัวแทนทีมชาติญี่ปุ่นในขณะที่เขายังเป็นนักเรียนและมีส่วนร่วม ในปี 1985 J1ได้คะแนนแปดเกมติดต่อกันและชนะรางวัล J1 Excellent 11 players Awards สำหรับฤดูกาลนั้น ในปี 1991 เขาได้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอนเยาวชนญี่ปุ่น ยู23 ปี1994 เขาได้นำทีมมุ่งสู่โอลิมปิกแอตแลนต้าซึ่ง เขาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ในรอบคัดเลือกระดับภูมิภาคของเอเชีย หลังจากเข้าสู่การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเม็กซิโกซิตี้ในปี 1968 เขาเปิดประตูใหญ่เป็นครั้งแรกในรอบ 28 ปี ในการแข่งขันครั้งนี้จัดขึ้นในปี 1996 กลุ่มได้รับชัยชนะจากโรงไฟฟ้าบราซิล ใน J-League เขาเป็นผู้จัดการทีมอันดับต้น ๆ ของ 4 สโมสรตั้งแต่ปี 1998 ถึงปี 2015 ผู้เป็นผู้กำกับในปี 1998 ชนะการแข่งขัน J-League Cup ในปี 1999 และนำชื่อเสียงมาสู่สโมสร Gamba Osaka ซึ่งทำงานต่อเนื่อง 10 ฤดูกาลตั้งแต่ปี 2002 ได้รับรางวัล J-League ในปี 2005 เขาชนะการแข่งขัน AFC Champions League (ACL) ในปี 2008 และจบที่สามใน FIFA Club World Cup ซึ่งเขาได้เข้าแข่งขันในฐานะแชมป์เอเชีย แชมป์ J-League ในฐานะผู้จัดการ เขานำทีมไปสู่การคว้าแชมป์หลายรายการ: แชมป์ลีก 1 J1, แชมเปี้ยนชิพคัพ 2 ครั้ง, แชมป์เจลีกคัพ 2 ครั้งและชนะเลิศ ACL 1 ครั้ง นอกจากนี้เขายังได้รับรางวัลโค้ชยอดเยี่ยม J-League ในปี 2000 และ 2005 และรางวัลโค้ชยอดเยี่ยม AFC ในปี 2008 ในปี 2016 เขาเป็นประธานด้านเทคนิคของ Japan Football Association ในปี 2018 ฟีฟ่าเวิลด์คัพรัสเซียเขาได้รับคำสั่งให้เป็นโค้ชทีมชาติญี่ปุ่นเมื่อสองเดือนก่อนการแข่งขัน แต่ชนะรอบแบ่งกลุ่มและก้าวเข้าสู่รอบ Best 16 เป็นอันดับสาม "
หลังจากหอเกียรติยศเป็นส่วนของขายสินค้าที่ระลึก ของทีมชาติญี่ปุ่น เท่าที่ดูแล้วราคาแพงมาก เสื้อยืด สมาคมฟุตบอลญี่ปุ่น X Hello Kitty ตัวละ 13,000 เยน และของอื่นๆซึ่งราคาค่อนข้างแพงเมื่อเทียบกับ ค่าครองชีพของคนไทย ส่วนนี้เลยไม่ได้ถ่ายรูปมา
และส่วนสุดท้าย เป็นทางเข้าสู่ชั้น B เพื่อไปชมพิพิธภัณฑ์ฟุตบอลญี่ปุ่นแบบเจาะลึกเสียค่าเข้าชมคนละ 500 เยน ซึ่งพอดีมีเวลาน้อยก็เลยไม่ได้เข้าชมเช่นกัน