คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
เช็คความเป็นฉนวนนั่นแหละครับ เป็นวิธีที่ดูพื้นฐาน แต่เรื่องพื้นฐานแค่นี้ก็บอกผลของความเสียหายจากน้ำเข้าได้ดีพอควรแล้ว
แต่เครื่องมือวัด ต้องไม่ใช่มัลติมิเตอร์วัดโอห์มธรรมดานะครับ ต้องเป็น megger ใช้แรงดันสูงในการช่วยอ่านค่า
สิ่งที่ยังวัดไม่ได้ตอนนี้ในระยะยาวคือไม่รู้ว่าภายในหน้าสัมผัสจะมีตัวไหนที่จะเกิด oxide ไปก่อนเพื่อนหรือไม่
เพราะเอามาเป่าลมก็อาจจะมีที่น้ำขังอยู่ข้างใน อุปกรณ์บางอย่างปิดแต่ แบบน้ำซึมเข้าไปได้ ตอนจะออกมาต้องใช้ระยะเวลา หรือรอร้อนแล้วค่อยๆ ระเหย กว่าจะหมดบางทีอาจเป็นหลายอาทิตย์
เวลาน้ำเข้าเครื่องใช้ไฟฟ้า ปกติจึงควรต้องแกะออกมาเป่าถึงข้างในลึกสุดเท่าที่จะทำได้
อันนี้คงเสียเวลามากที่จะไปแกะและพวก
อุปกรณ์หลายอย่างก็เปิดเข้าข้างในไม่ได้ เป็นแบบพวกย้ำสนิทเป็นแบบพวก rivet
แต่ถึงเป็นแบบน็อตคลายออกมาได้ บางทีก็คงไม่มีเวลาจะทำเรื่องจุกจิกแบบนี้ไปทำงานใหญ่กว่าดีกว่า
ถ้าเป็นแบบนี้ ก็คงใช้ต่อไปจนกว่ามันจะหมดอายุเอง กับตัวที่เช็คแล้วไม่ลัดวงจรหรือไม่รั่ว
แต่ถ้าเป็นโครงการใหญ่ๆ และไม่ใช่ของตัวเอง ผมว่าแสดงความรับผิดชอบโดยการเปลี่ยนเถอะครับ ไม่มีเวลามายุ่งถึงข้างในทีละตัว และคิดจะจ้างคนอื่นมาตรวจเช็คสภาพ แสดงว่าราคาของตู้นี้เป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับโครงการนี้ จ้างคนอื่นนั่นแหละค่าใช้จ่ายบานปลายมากกว่าเปลี่ยนอีก
การเปลี่ยนอาจจะไม่ต้องเปลี่ยนปุบปับทั้งหมด แต่ค่อยๆ ทยอยเปลี่ยน ส่วนใหญ่การตรวจรับงานมันก็จะมีช่วงเวลาหนึ่ง
เพราะทำงานพลาดไปแล้วไม่ได้ป้องกัน หรือป้องกันไม่ดีให้น้ำเข้าได้แบบนี้ก็คือความผิดพลาดระหว่างการทำงานเรื่องหนึ่ง
ระยะยาวอาจเกิดปัญหาและสร้างความเสียหายแล้วจะเสียชื่อ
ถ้าเป็นของเราเองเรายังอยู่ดูแลได้ตลอด
ตัวที่โดนฝน ก็ไม่ได้ถึงกับต้องโยนทิ้งไป
เราก็เอาลูก CB ข้างในมาสำรองทำสำหรับงานที่ไม่สำคัญ หรือความสำคัญรองลงไป หรือของส่วนตัวที่เราดูแลเองได้ จะดีกว่าเสี่ยงให้ลูกค้าได้รับของที่มีตำหนิไปแล้วเกิดปัญหาภายหลัง
แต่เครื่องมือวัด ต้องไม่ใช่มัลติมิเตอร์วัดโอห์มธรรมดานะครับ ต้องเป็น megger ใช้แรงดันสูงในการช่วยอ่านค่า
สิ่งที่ยังวัดไม่ได้ตอนนี้ในระยะยาวคือไม่รู้ว่าภายในหน้าสัมผัสจะมีตัวไหนที่จะเกิด oxide ไปก่อนเพื่อนหรือไม่
เพราะเอามาเป่าลมก็อาจจะมีที่น้ำขังอยู่ข้างใน อุปกรณ์บางอย่างปิดแต่ แบบน้ำซึมเข้าไปได้ ตอนจะออกมาต้องใช้ระยะเวลา หรือรอร้อนแล้วค่อยๆ ระเหย กว่าจะหมดบางทีอาจเป็นหลายอาทิตย์
เวลาน้ำเข้าเครื่องใช้ไฟฟ้า ปกติจึงควรต้องแกะออกมาเป่าถึงข้างในลึกสุดเท่าที่จะทำได้
อันนี้คงเสียเวลามากที่จะไปแกะและพวก
อุปกรณ์หลายอย่างก็เปิดเข้าข้างในไม่ได้ เป็นแบบพวกย้ำสนิทเป็นแบบพวก rivet
แต่ถึงเป็นแบบน็อตคลายออกมาได้ บางทีก็คงไม่มีเวลาจะทำเรื่องจุกจิกแบบนี้ไปทำงานใหญ่กว่าดีกว่า
ถ้าเป็นแบบนี้ ก็คงใช้ต่อไปจนกว่ามันจะหมดอายุเอง กับตัวที่เช็คแล้วไม่ลัดวงจรหรือไม่รั่ว
แต่ถ้าเป็นโครงการใหญ่ๆ และไม่ใช่ของตัวเอง ผมว่าแสดงความรับผิดชอบโดยการเปลี่ยนเถอะครับ ไม่มีเวลามายุ่งถึงข้างในทีละตัว และคิดจะจ้างคนอื่นมาตรวจเช็คสภาพ แสดงว่าราคาของตู้นี้เป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับโครงการนี้ จ้างคนอื่นนั่นแหละค่าใช้จ่ายบานปลายมากกว่าเปลี่ยนอีก
การเปลี่ยนอาจจะไม่ต้องเปลี่ยนปุบปับทั้งหมด แต่ค่อยๆ ทยอยเปลี่ยน ส่วนใหญ่การตรวจรับงานมันก็จะมีช่วงเวลาหนึ่ง
เพราะทำงานพลาดไปแล้วไม่ได้ป้องกัน หรือป้องกันไม่ดีให้น้ำเข้าได้แบบนี้ก็คือความผิดพลาดระหว่างการทำงานเรื่องหนึ่ง
ระยะยาวอาจเกิดปัญหาและสร้างความเสียหายแล้วจะเสียชื่อ
ถ้าเป็นของเราเองเรายังอยู่ดูแลได้ตลอด
ตัวที่โดนฝน ก็ไม่ได้ถึงกับต้องโยนทิ้งไป
เราก็เอาลูก CB ข้างในมาสำรองทำสำหรับงานที่ไม่สำคัญ หรือความสำคัญรองลงไป หรือของส่วนตัวที่เราดูแลเองได้ จะดีกว่าเสี่ยงให้ลูกค้าได้รับของที่มีตำหนิไปแล้วเกิดปัญหาภายหลัง
แสดงความคิดเห็น
ถ้าน้ำฝนรั่วเข้าตู้จ่ายไฟฟ้า ต้องมีวิธีซ่อม และ ตรวจเช็ค อย่างไร ให้มั่นใจว่าในระยะยาวจะไม่มีปัญหา
น่าจะมีอะไรมากกว่านี้ไหม ครับ ให้มั่นใจว่าในระยะยาว จะไม่มีปัญหา เช่นอุปกรณ์เสื่อมสภาพเร็วกว่าที่ควร ฯลฯ
เคยได้ยินว่ามีบริษัทที่รับทำฟื้นฟูอุปกรณ์ที่ถูกน้ำเข้า หรือ น้ำท่วม ช่วยแนะนำหน่อยครับ
หมายถึงตู้จ่ายไฟฟ้าขนาดใหญ่ ที่ใช้ตามอาคารใหญ่นะครับ เป็นของใหม่ อยู่ในระหว่างก่อสร้างยังไม่ได้เปิดใช้งาน
แต่ถ้าจะให้เปลี่ยนของใหม่คงไม่ทันการแล้วครับ