สวัสดีค่ะ เป็นกระทู้แรกของอยากแชร์ประสบการณ์ไปหาจิตแพทย์ครั้งแรกของเรา และด้วยภาพจำของโรงพยาบาลศรีธัญญาของใครๆหลายคนคงแบบในละคร ใครไปก็คือบ้า!!! เพราะตอนที่เราจะไปเพื่อนสนิทก็ตกใจเหมือนกัน **ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะคะ อยากแค่เล่าให้ฟังสำหรับใครที่ไม่กล้าไปหรือกำลังหาข้อมูลอยู่ได้พิจารณา**
เราอายุ 33ปีค่ะ ปกติก็ร่าเริง ไม่ค่อยเครียดหรือถ้าเครียดเราก็สามารถจัดการตัวเองออกไปจากตรงนั้นได้ และสภาพแวดล้อมเราก็ไม่น่าจะเป็นเลย จนเมื่อกลางปีที่ผ่านมาเราเจอเรื่องเครียดอะไรเล็กน้อยก็เอามาคิด วนเวียนให้หัว แต่ไม่ได้เป็นเยอะ คิดบ้างลืมบ้าง
จนกระทั้งจุดที่เปลี่ยนเลยคือเดือนสิงหาคม เราทำงานผิดจำเป็นจะต้องแก้ไขซึ่งมันยุ่งยากและเยอะมาก เรารับมือไม่ได้ เครียดมาก วิตกกังวล ปวดหัว ทานไม่ได้น้ำหนักลดลงหลายกิโล ไม่อยากทำอะไร และค่ะ เราจะฆ่าตัวตาย แบบชั่ววูบมาก แต่เราคงยังไม่ถึงที่ตายหรือเป็นไม่มากมั้งทำให้เราฉุกคิดถึงครอบครัวจึงไม่ได้ทำ เราตกใจกับเหตุการณ์นั้นมาก เพราะทั้งชีวิตไม่เคยพาตัวเองไปใกล้ความตายเองขนาดนั้น ไม่เคยอยากตาย...
เราจึงได้เริ่มหาวิธีการรักษาอ่านกระทู้เนี่ยแหละค่ะหลายๆคน จึงได้ตัดสินใจไป "โรงพยาบาลศรีธัญญา" ไปถึงภาพจำ(แย่ๆ) ที่คิดไว้ตลอดไม่มีเลยนะ บรรยากาศเหมือนไปโรงพยาบาลทั่วๆไป (อาจจะดีกว่าบางที่ด้วย) เริ่มจากไปเขียนประวัติสำหรับคนใข้ใหม่ ไปรอที่จุดคัดกรอก ไปพบนักสังคมสงเคราะห์ก็จะเล่ารายละเอียดของอาการทำแบบทดสอบ จนไปรอพบคุณหมอตามหมายเลขคิว/เลขห้อง จะมีเจ้าหน้าที่คอยเรียกคิว เจ้าหน้าที่ดีมาก ยิ้มแย้มพูดจาดีไม่ตะคอก อันไหนไม่เข้าใจไปถามได้เลยตอบทุกคำถามก็ดีทุกขั้นตอนเลยแหละ จนได้เจอคุณหมอ คุณหมอคุยดีค่ะ ไม่รีบร้อน ให้เราเล่าอาการ คอยฟังแนะนำ จนคุณหมอก็บอกว่าเราเป็นโรคซึมเศร้าระดับปานกลาง ต้องทานยาก็ให้ไปเจาะเลือดและสแกนคลื่นไฟฟ้า (เราจำไม่ได้แต่ประมาณว่าเรียกแบบนี้) ประกอบการให้ยา รอผลแลปและเจอคุณหมออีกครั้ง เราได้ยามาทาน7วันก่อนจะนัดพบอีกครั้งใน1สัปดาห์ ถ้าไม่เคยทานยาจะมีเภสัชฯมาแนะนำเราเลยว่าทานยังไง บอกว่าอาจจะมีอาการเวียนหัว อาเจียน หน้ามืด ปวดหัว หายใจไม่สะดวกและเราก็เป็นจริงๆวันแรกนอนไม่ได้เลยแต่อาการเหล่านี้จะหายไปเองประมาณ7วันค่ะ ซึ่งตอนนี้เราทานยามา 3 วันแล้วก็ยังมีอาการนะคะ วิตกกังวล ปวดหัวและเครียด ซึ่งหมอก็บอกว่าจะดีขึ้นต้องใช้เวลายาไม่สามารถรักษาได้เร็วขนาดนั้น..........
อีก 1 สัปดาห์นัดพบหมออีกครั้งเราหวังว่าอาการเหล่านี้จะดีขึ้น
..สุดท้าย
สำหรับใครที่เป็นแบบเรามากน้อยกว่าเราอยากให้ไปหาหมอนะคะ มีเจ้าหน้าที่บอกทุกขั้นตอน ไม่น่ากลัว ไม่แปลก ทุกคนมองเราปกติมากก็แค่คนเครียดคนนึง วันที่เราไปก็มีคนวัยทำงานหลายคนมา เราก็ไม่เคยเหมือนกันครั้งแรก......
ชวนเพื่อนชวนแฟนไปด้วยก็ดีนะคะจะได้มีเพื่อนคุยแต่เราไปก็เจอคนไม่รู้จักกันมานั่งถามไถ่กันนะ กลับก็ลากัน น่ารักดี
...เป็นกำลังใจให้ทุกคนนะคะ
เมื่อฉันตัดสินใจไปศรีธัญญา
เราอายุ 33ปีค่ะ ปกติก็ร่าเริง ไม่ค่อยเครียดหรือถ้าเครียดเราก็สามารถจัดการตัวเองออกไปจากตรงนั้นได้ และสภาพแวดล้อมเราก็ไม่น่าจะเป็นเลย จนเมื่อกลางปีที่ผ่านมาเราเจอเรื่องเครียดอะไรเล็กน้อยก็เอามาคิด วนเวียนให้หัว แต่ไม่ได้เป็นเยอะ คิดบ้างลืมบ้าง
จนกระทั้งจุดที่เปลี่ยนเลยคือเดือนสิงหาคม เราทำงานผิดจำเป็นจะต้องแก้ไขซึ่งมันยุ่งยากและเยอะมาก เรารับมือไม่ได้ เครียดมาก วิตกกังวล ปวดหัว ทานไม่ได้น้ำหนักลดลงหลายกิโล ไม่อยากทำอะไร และค่ะ เราจะฆ่าตัวตาย แบบชั่ววูบมาก แต่เราคงยังไม่ถึงที่ตายหรือเป็นไม่มากมั้งทำให้เราฉุกคิดถึงครอบครัวจึงไม่ได้ทำ เราตกใจกับเหตุการณ์นั้นมาก เพราะทั้งชีวิตไม่เคยพาตัวเองไปใกล้ความตายเองขนาดนั้น ไม่เคยอยากตาย...
เราจึงได้เริ่มหาวิธีการรักษาอ่านกระทู้เนี่ยแหละค่ะหลายๆคน จึงได้ตัดสินใจไป "โรงพยาบาลศรีธัญญา" ไปถึงภาพจำ(แย่ๆ) ที่คิดไว้ตลอดไม่มีเลยนะ บรรยากาศเหมือนไปโรงพยาบาลทั่วๆไป (อาจจะดีกว่าบางที่ด้วย) เริ่มจากไปเขียนประวัติสำหรับคนใข้ใหม่ ไปรอที่จุดคัดกรอก ไปพบนักสังคมสงเคราะห์ก็จะเล่ารายละเอียดของอาการทำแบบทดสอบ จนไปรอพบคุณหมอตามหมายเลขคิว/เลขห้อง จะมีเจ้าหน้าที่คอยเรียกคิว เจ้าหน้าที่ดีมาก ยิ้มแย้มพูดจาดีไม่ตะคอก อันไหนไม่เข้าใจไปถามได้เลยตอบทุกคำถามก็ดีทุกขั้นตอนเลยแหละ จนได้เจอคุณหมอ คุณหมอคุยดีค่ะ ไม่รีบร้อน ให้เราเล่าอาการ คอยฟังแนะนำ จนคุณหมอก็บอกว่าเราเป็นโรคซึมเศร้าระดับปานกลาง ต้องทานยาก็ให้ไปเจาะเลือดและสแกนคลื่นไฟฟ้า (เราจำไม่ได้แต่ประมาณว่าเรียกแบบนี้) ประกอบการให้ยา รอผลแลปและเจอคุณหมออีกครั้ง เราได้ยามาทาน7วันก่อนจะนัดพบอีกครั้งใน1สัปดาห์ ถ้าไม่เคยทานยาจะมีเภสัชฯมาแนะนำเราเลยว่าทานยังไง บอกว่าอาจจะมีอาการเวียนหัว อาเจียน หน้ามืด ปวดหัว หายใจไม่สะดวกและเราก็เป็นจริงๆวันแรกนอนไม่ได้เลยแต่อาการเหล่านี้จะหายไปเองประมาณ7วันค่ะ ซึ่งตอนนี้เราทานยามา 3 วันแล้วก็ยังมีอาการนะคะ วิตกกังวล ปวดหัวและเครียด ซึ่งหมอก็บอกว่าจะดีขึ้นต้องใช้เวลายาไม่สามารถรักษาได้เร็วขนาดนั้น..........
อีก 1 สัปดาห์นัดพบหมออีกครั้งเราหวังว่าอาการเหล่านี้จะดีขึ้น
..สุดท้าย
สำหรับใครที่เป็นแบบเรามากน้อยกว่าเราอยากให้ไปหาหมอนะคะ มีเจ้าหน้าที่บอกทุกขั้นตอน ไม่น่ากลัว ไม่แปลก ทุกคนมองเราปกติมากก็แค่คนเครียดคนนึง วันที่เราไปก็มีคนวัยทำงานหลายคนมา เราก็ไม่เคยเหมือนกันครั้งแรก......
ชวนเพื่อนชวนแฟนไปด้วยก็ดีนะคะจะได้มีเพื่อนคุยแต่เราไปก็เจอคนไม่รู้จักกันมานั่งถามไถ่กันนะ กลับก็ลากัน น่ารักดี
...เป็นกำลังใจให้ทุกคนนะคะ