5 ข้อที่ได้จากเกม เชลซี 1-2 ลิเวอร์พูล

1. อาวุธลับจากลูก Set Piece
ในวันที่ซาลาห์และมาเน่ไม่เข้าฟอร์ม เนื่องด้วยจากอาการล้าหรือเกมรับที่เหนียวแน่นของเชลซี
ในวันที่การเข้าทำจากสามประสานดูจะไม่ค่อยเป็นผลเท่าไหร่
สิ่งที่ลิเวอร์พูลแสดงให้เห็นว่าพวกเขายังมีอีก ‘ทีเด็ด’ ที่พร้อมจะงัดมาใช้หากเจาะคู่ต่อสู้ไม่เข้า นั่นคือการโจมตีด้วยลูก Set Piece หรือลูกตั้งเตะนั่นเอง

จากสถิติจะเห็นได้ว่า ฤดูกาลนี้ จนถึงนัดปัจจุบัน ลิเวอร์พูลมีสถิติการทำประตูจากลูกตั้งเตะเป็นอันดับที่ 2 ของลีก (4 ประตู) ตามหลังแค่บอร์นมัธทีมเดียวเท่านั้น (5 ประตู)

และนี่ก็ถือเป็นการต่อยอดจากฤดูกาลที่แล้ว ที่ลิเวอร์พูลทำประตูจากลูกตั้งเตะไปได้มากถึง 20 ประตู ซึ่งถือว่ามากเป็นอันดับ 1 ในลีกเลยทีเดียว!
2. จิตใจอันแข็งแกร่งของร็อบโบ้
ก่อนการแข่งขันนัดนี้ มีกระแสข่าวว่า แอนดี้ โรเบิร์ตสัน แบ็คซ้ายกัปตันทีมชาติสก็อตแลนด์ได้ปิดทวิตเตอร์ส่วนตัวลง แม้จะไม่มีใครทราบเหตุผล แต่ก็มีการคาดว่าอาจจะเกิดมาจากการที่เจ้าตัวโดนแฟนบอลบางกลุ่มวิจารณ์อย่างหนัก จากเหตุการณ์ที่เขาทำพลาดเสียจุดโทษในเกมกับนาโปลีเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตามร็อบโบ้ก็ได้พิสูจน์ว่า จิตใจของเขานั้นเข้มแข็งเพียงใด หลังจากกลับมาโชว์ฟอร์มอันยอดเยี่ยมในนัดนี้ ช็อตที่ผมประทับใจก็คือช่วงท้ายเกมที่เรากำลังโดนเชลซีปูเสื่อบุกกระหน่ำในช่วงทดเจ็บนาทีที่ 4 เป็นร็อบโบ้ที่ลากบอลจากแดนของตัวเองผ่านครึ่งสนามและเรียกฟาว์ลจากเชลซีได้ เป็นการเผาเวลา และเรียกได้ว่าไม่เปิดโอกาสให้เชลซีได้แก้ตัวอีกแล้ว
จนทำให้โรเบิร์ตสันได้รับคัดเลือกให้เป็น Man of the Match จาก whoscored.com
3. ฟาบิญโญ่ได้รับบทเรียนสำคัญ
ไม่ปฏิเสธว่าฟาบินโญ่คือ Key Man อีกคนของลิเวอร์พูลในฤดูกาลนี้ เขาเป็นคนที่ทำงานหนักอยู่ตลอดเวลาและทำได้ค่อนข้างดีในทุกๆด้าน ไม่ว่าจะเป็น จากเชื่อมเกม การตัดเกม หรือบางครั้งก็มีการทะลุทะลวง (ดังที่เห็นในประตูแรก)
แต่ลูกที่เสียประตู 1-2 เป็นฟาบินโญ่ที่อาจจะติดประมาทไปนิด ปล่อยให้กองเต้ได้ลากหลบเข้าไปยิง จะเห็นได้ว่าหลังจากลูกนั้น เขาก็ไม่พลาดอีกเลย
ผมคิดว่าครั้งนี้ฟาบินโญ่น่าจะได้รับบทเรียนสำคัญ นัดต่อไปเขาจะไม่ปล่อยให้คู่แข่งได้เล่นง่ายๆแบบนี้
เพราะด้วยตำแหน่งกองกลางตัวรับ พลาดทีเดียวก็อาจจะถึงหน้าปากประตูได้ทันที!
4. ‘โชค’ เป็นสิ่งสำคัญในการไล่ล่าแชมป์
พูดได้เต็มปากว่าในช่วงครึ่งหลังฟอร์มของเชลซีค่อนข้างข่มลิเวอร์พูลอยู่พอสมควร เนื่องด้วยอาการล้าหรือคล็อปป์สั่งให้เล่นเกมรับก็แล้วแต่ ผมคิดว่าในช่วงแรกๆมีหลายจังหวะที่มี ‘ดวง’ มาเกี่ยวข้อง
เริ่มจาก โชคดีที่แทมมี่ไม่ปาดกลับมาให้เมาส์ในจังหวะหลุดเดี่ยว
โชคดีที่มี VAR ปฏิเสธลูกยิงของเชลซี ซึ่งผมคิดว่า ถ้าเป็นเมื่อก่อน ลูกนี้น่าจะเป็นประตูแน่นอนเพราะมันมองยากจริงๆ
สรุปได้ว่า ฝีมือต้องมี อันนี้สำคัญ แต่บางครั้ง ‘โชค’ ก็มีความจำเป็น
5. เชลซีจะกลายเป็นอีกหนึ่งคู่แข่งที่น่ากลัวในอนาคต
การถูกแบนการซื้อตัวผู้เล่นเป็นอะไรที่เสียหายเป็นอย่างมากสำหรับฟุตบอลในยุคนี้ และถ้าจะหาโค้ชที่สามารถกอบกู้เชลซีที่ไม่สามารถซื้อตัวผู้เล่นเพิ่มได้ ผมคิดว่า ไม่มีใครจะเหมาะเท่าแฟรงค์ แลมพาร์ด อีกแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นการให้โอกาสดาวรุ่งของทีม ทั้งแทมมี่ เมาส์ หรือจะเป็นโทโมรี่
ถ้าผู้จัดการทีมยังคงเป็นซารี่หรือคนอื่น ผมคิดว่ารายชื่อด้านบนทั้งหมดน่าจะถูกปล่อยยืมเหมือนกับดาวรุ่งคนก่อนหน้า
สไตล์การบุกที่ตื่นเต้นเร้าใจ พลังหนุ่งวิ่งไล่จนหยดสุดท้าย
สิ่งที่เชลซียังขาดอยู่ในตอนนี้คือ ‘เกมรับ’
การได้กองเต้กลับมาเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยม
และหากได้เซนเตอร์ตัวจริงอย่างรูดิเกอร์กลับมาอีกคน
ผมคิดว่าเชลซีจะน่ากลัวขึ้นอีกแน่นอนครับ
ขอบคุณทุกท่านที่อ่านจนจบนะครับ กระทู้นี้เป็นกระทู้เเรกของผม ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ สามารถเเลกเปลี่ยนความคิดเห็นและติชมได้เช่นกันครับ
We've conquered all of Europe
We're never going to stop
From Paris Down To Turkey
We've got to win a lot
But Bob Paisley and Bill Shankly
The fields of Anfield road
We are loyal supporters
And we've come from Liverpool
Allez, Allez, Allez.
Allez, Allez, Allez.
5 ข้อที่ได้จากเกม เชลซี 1-2 ลิเวอร์พูล
1. อาวุธลับจากลูก Set Piece
ในวันที่ซาลาห์และมาเน่ไม่เข้าฟอร์ม เนื่องด้วยจากอาการล้าหรือเกมรับที่เหนียวแน่นของเชลซี
ในวันที่การเข้าทำจากสามประสานดูจะไม่ค่อยเป็นผลเท่าไหร่
สิ่งที่ลิเวอร์พูลแสดงให้เห็นว่าพวกเขายังมีอีก ‘ทีเด็ด’ ที่พร้อมจะงัดมาใช้หากเจาะคู่ต่อสู้ไม่เข้า นั่นคือการโจมตีด้วยลูก Set Piece หรือลูกตั้งเตะนั่นเอง
จากสถิติจะเห็นได้ว่า ฤดูกาลนี้ จนถึงนัดปัจจุบัน ลิเวอร์พูลมีสถิติการทำประตูจากลูกตั้งเตะเป็นอันดับที่ 2 ของลีก (4 ประตู) ตามหลังแค่บอร์นมัธทีมเดียวเท่านั้น (5 ประตู)
และนี่ก็ถือเป็นการต่อยอดจากฤดูกาลที่แล้ว ที่ลิเวอร์พูลทำประตูจากลูกตั้งเตะไปได้มากถึง 20 ประตู ซึ่งถือว่ามากเป็นอันดับ 1 ในลีกเลยทีเดียว!
2. จิตใจอันแข็งแกร่งของร็อบโบ้
ก่อนการแข่งขันนัดนี้ มีกระแสข่าวว่า แอนดี้ โรเบิร์ตสัน แบ็คซ้ายกัปตันทีมชาติสก็อตแลนด์ได้ปิดทวิตเตอร์ส่วนตัวลง แม้จะไม่มีใครทราบเหตุผล แต่ก็มีการคาดว่าอาจจะเกิดมาจากการที่เจ้าตัวโดนแฟนบอลบางกลุ่มวิจารณ์อย่างหนัก จากเหตุการณ์ที่เขาทำพลาดเสียจุดโทษในเกมกับนาโปลีเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามร็อบโบ้ก็ได้พิสูจน์ว่า จิตใจของเขานั้นเข้มแข็งเพียงใด หลังจากกลับมาโชว์ฟอร์มอันยอดเยี่ยมในนัดนี้ ช็อตที่ผมประทับใจก็คือช่วงท้ายเกมที่เรากำลังโดนเชลซีปูเสื่อบุกกระหน่ำในช่วงทดเจ็บนาทีที่ 4 เป็นร็อบโบ้ที่ลากบอลจากแดนของตัวเองผ่านครึ่งสนามและเรียกฟาว์ลจากเชลซีได้ เป็นการเผาเวลา และเรียกได้ว่าไม่เปิดโอกาสให้เชลซีได้แก้ตัวอีกแล้ว
จนทำให้โรเบิร์ตสันได้รับคัดเลือกให้เป็น Man of the Match จาก whoscored.com
3. ฟาบิญโญ่ได้รับบทเรียนสำคัญ
ไม่ปฏิเสธว่าฟาบินโญ่คือ Key Man อีกคนของลิเวอร์พูลในฤดูกาลนี้ เขาเป็นคนที่ทำงานหนักอยู่ตลอดเวลาและทำได้ค่อนข้างดีในทุกๆด้าน ไม่ว่าจะเป็น จากเชื่อมเกม การตัดเกม หรือบางครั้งก็มีการทะลุทะลวง (ดังที่เห็นในประตูแรก)
แต่ลูกที่เสียประตู 1-2 เป็นฟาบินโญ่ที่อาจจะติดประมาทไปนิด ปล่อยให้กองเต้ได้ลากหลบเข้าไปยิง จะเห็นได้ว่าหลังจากลูกนั้น เขาก็ไม่พลาดอีกเลย
ผมคิดว่าครั้งนี้ฟาบินโญ่น่าจะได้รับบทเรียนสำคัญ นัดต่อไปเขาจะไม่ปล่อยให้คู่แข่งได้เล่นง่ายๆแบบนี้
เพราะด้วยตำแหน่งกองกลางตัวรับ พลาดทีเดียวก็อาจจะถึงหน้าปากประตูได้ทันที!
4. ‘โชค’ เป็นสิ่งสำคัญในการไล่ล่าแชมป์
พูดได้เต็มปากว่าในช่วงครึ่งหลังฟอร์มของเชลซีค่อนข้างข่มลิเวอร์พูลอยู่พอสมควร เนื่องด้วยอาการล้าหรือคล็อปป์สั่งให้เล่นเกมรับก็แล้วแต่ ผมคิดว่าในช่วงแรกๆมีหลายจังหวะที่มี ‘ดวง’ มาเกี่ยวข้อง
เริ่มจาก โชคดีที่แทมมี่ไม่ปาดกลับมาให้เมาส์ในจังหวะหลุดเดี่ยว
โชคดีที่มี VAR ปฏิเสธลูกยิงของเชลซี ซึ่งผมคิดว่า ถ้าเป็นเมื่อก่อน ลูกนี้น่าจะเป็นประตูแน่นอนเพราะมันมองยากจริงๆ
สรุปได้ว่า ฝีมือต้องมี อันนี้สำคัญ แต่บางครั้ง ‘โชค’ ก็มีความจำเป็น
5. เชลซีจะกลายเป็นอีกหนึ่งคู่แข่งที่น่ากลัวในอนาคต
การถูกแบนการซื้อตัวผู้เล่นเป็นอะไรที่เสียหายเป็นอย่างมากสำหรับฟุตบอลในยุคนี้ และถ้าจะหาโค้ชที่สามารถกอบกู้เชลซีที่ไม่สามารถซื้อตัวผู้เล่นเพิ่มได้ ผมคิดว่า ไม่มีใครจะเหมาะเท่าแฟรงค์ แลมพาร์ด อีกแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นการให้โอกาสดาวรุ่งของทีม ทั้งแทมมี่ เมาส์ หรือจะเป็นโทโมรี่
ถ้าผู้จัดการทีมยังคงเป็นซารี่หรือคนอื่น ผมคิดว่ารายชื่อด้านบนทั้งหมดน่าจะถูกปล่อยยืมเหมือนกับดาวรุ่งคนก่อนหน้า
สไตล์การบุกที่ตื่นเต้นเร้าใจ พลังหนุ่งวิ่งไล่จนหยดสุดท้าย
สิ่งที่เชลซียังขาดอยู่ในตอนนี้คือ ‘เกมรับ’
การได้กองเต้กลับมาเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยม
และหากได้เซนเตอร์ตัวจริงอย่างรูดิเกอร์กลับมาอีกคน
ผมคิดว่าเชลซีจะน่ากลัวขึ้นอีกแน่นอนครับ
ขอบคุณทุกท่านที่อ่านจนจบนะครับ กระทู้นี้เป็นกระทู้เเรกของผม ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ สามารถเเลกเปลี่ยนความคิดเห็นและติชมได้เช่นกันครับ
We've conquered all of Europe
We're never going to stop
From Paris Down To Turkey
We've got to win a lot
But Bob Paisley and Bill Shankly
The fields of Anfield road
We are loyal supporters
And we've come from Liverpool
Allez, Allez, Allez.
Allez, Allez, Allez.