สอบถามท่านผู้รู้ เรื่องมีอยู่ว่าได้ยื่นแบบ ภ.ง.ด.90/91 ประจำปี 2561 เมื่อเดือนมีนาคม 2562 หลังจากนั้นสำนักงานสรรพากรส่งจดหมายเรียกขอเอกสารเพิ่มเติมเป็น
1. ใบรับรองหรือใบแจ้งยอดเงินของสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
2. หนังสือรับรองดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเพื่อซื้อ เช่าซื้ออาคารจากสถาบันการเงิน
3. ใบเสร็จรับเงินที่บริจาค ให้สถานศึกษา หรือ กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน หรือ อบต. อบจ.หรือกองทุนพัฒนาครูฯ
4. ใบเสร็จรับเงินหรือหนังสือรับรองการชำระเบี้ยประกันฯกำหนดเอาประกันระยะเวลา 10 ปีขึ้นไป / ใบเสร็จรับเงิน หรือหนังสือรับรองการชำระเบี้ยประกันแบบบำนาญ
5.
หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายตามมาตรา 50 ทวิ กรณีลาออกจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเนื่องจากกองทุนลดลงจากปีก่อน
ได้ติดต่อเจ้าหน้าที่สรรพากรว่าตกลงเอกสารข้อที่ 5 คือเอกสารอะไร เพราะเอกสารที่ upload ล่าสุดเป็น 50 ทวิที่ได้รับจากบริษัท เจ้าหน้าที่แจ้งว่าไม่ใช่เอกสารที่ต้องการ สุดท้ายต้องติดต่อกลับไปยังบริษัทเดิม (ลาออกมาแล้วเริ่มงานตั้งแต่ปี 2560) โดยต้องใช้เวลาในการตรวจสอบได้เป็นไฟล์เอกสารกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และ upload เอกสารทั้ง 5 ข้อผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มเติมเมื่อเดือนพฤษภาคม 2562
หลังจากนั้นสำนักงานสรรพากรส่งจดหมายเรียกขอเอกสารเพิ่ม เฉพาะข้อ 5 จึงได้ติดต่อเจ้าหน้าที่สรรพากรท่านเดิมแจ้งว่ายังไม่ใช่เอกสารที่ต้องการ จึงติดต่อกลับไปยังบริษัทเดิมอีกครั้ง ทางฝ่ายบุคคลแจ้งว่าเอกสารที่บริษัทให้ได้มีเพียงเท่านี้หรือถ้าจะติดต่อไปยังบริษัทกองทุนฯ ที่บริษัทใช้อยู่ก็จะเป็นเอกสารลักษณะเดียวกันโดยมีค่าใช้จ่าย
จึงติดต่อเจ้าหน้าที่สรรพากรท่านเดิมแจ้งว่ายังไงก็ต้องมีเอกสารฉบับนี้ เนื่องจากตัวเลขการหักภาษีกองทุนมีการเปลี่ยนแปลง คุยไปคุยมา เจ้าหน้าที่ขอเอกสารเพิ่มเติมซึ่งเป็นของปี 2559 โดยเป็นบริษัทเดิมย้อนหลังไปอีก 2 บริษัท แต่....อันนี้มันเป็นปีภาษี 2561 ไม่ใช่เหรอ ก็งงไปอีก ได้ทำตามกระบวนการเดิม ติดต่อไปที่บริษัทเก่าเพื่อขอเอกสาร แต่บริษัทไม่มีข้อมูลแล้ว ให้ติดต่อไปที่บริษัทกองทุนฯ ที่บริษัทใช้อยู่แทนซึ่งมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้น จึงได้ upload เอกสารเข้าไปเพิ่มเติมเมื่อเดือนมิถุนายน 2562 และเรื่องก็เงียบจนถึงทุกวันนี้
เพิ่มเติม เคยปรึกษาฝ่ายบุคคลบริษัทเดิมประเด็นนี้ ทราบว่าการเปลี่ยนที่ทำงานแต่ละที่และการทำงานไม่เต็มปีในแต่ละปีส่งผลให้ตัวเลขการหักภาษีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพไม่เท่ากันอยู่แล้ว ซึ่งก็เข้าใจแบบนี้ เพียงแต่ต้องการทราบแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้องเท่านั้น เงินคืนภาษีตอนนี้ยัง pending ในระบบ ถ้าติดต่อกลับไปยังเจ้าหน้าที่ท่านเดิมเกรงว่าจะได้รับคำตอบเดิมและต้องไปสืบค้นข้อมูลอะไรใหม่เพิ่มเติมอีก ถ้าเลือกได้ก็ไม่อยากขอคืนภาษี หลายปีที่ผ่านมาส่วนที่ต้องจ่ายเพิ่มก็จ่ายด้วยดีมาโดยตลอด แต่พอมีส่วนที่เกินและจะขอคืนกับมีเงื่อนไขและความยุ่งยาก ถ้าเป็นไปได้จะไม่หาอะไรมาลดหย่อนภาษีแล้วเพราะทำให้ชีวิตลำบากมากขึ้นกว่าเดิมเวลายื่นภาษีประจำปี
มีท่านไหนเคยเจอเหตุการณ์ลักษณะเดียวกันและมีแนวทางปฏิบัติอย่างไร ?
สอบถามปัญหา : กรณีการขอคืนเงินภาษีบุคคลธรรมดาของสรรพากร
1. ใบรับรองหรือใบแจ้งยอดเงินของสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
2. หนังสือรับรองดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเพื่อซื้อ เช่าซื้ออาคารจากสถาบันการเงิน
3. ใบเสร็จรับเงินที่บริจาค ให้สถานศึกษา หรือ กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน หรือ อบต. อบจ.หรือกองทุนพัฒนาครูฯ
4. ใบเสร็จรับเงินหรือหนังสือรับรองการชำระเบี้ยประกันฯกำหนดเอาประกันระยะเวลา 10 ปีขึ้นไป / ใบเสร็จรับเงิน หรือหนังสือรับรองการชำระเบี้ยประกันแบบบำนาญ
5. หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายตามมาตรา 50 ทวิ กรณีลาออกจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเนื่องจากกองทุนลดลงจากปีก่อน
ได้ติดต่อเจ้าหน้าที่สรรพากรว่าตกลงเอกสารข้อที่ 5 คือเอกสารอะไร เพราะเอกสารที่ upload ล่าสุดเป็น 50 ทวิที่ได้รับจากบริษัท เจ้าหน้าที่แจ้งว่าไม่ใช่เอกสารที่ต้องการ สุดท้ายต้องติดต่อกลับไปยังบริษัทเดิม (ลาออกมาแล้วเริ่มงานตั้งแต่ปี 2560) โดยต้องใช้เวลาในการตรวจสอบได้เป็นไฟล์เอกสารกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และ upload เอกสารทั้ง 5 ข้อผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มเติมเมื่อเดือนพฤษภาคม 2562
หลังจากนั้นสำนักงานสรรพากรส่งจดหมายเรียกขอเอกสารเพิ่ม เฉพาะข้อ 5 จึงได้ติดต่อเจ้าหน้าที่สรรพากรท่านเดิมแจ้งว่ายังไม่ใช่เอกสารที่ต้องการ จึงติดต่อกลับไปยังบริษัทเดิมอีกครั้ง ทางฝ่ายบุคคลแจ้งว่าเอกสารที่บริษัทให้ได้มีเพียงเท่านี้หรือถ้าจะติดต่อไปยังบริษัทกองทุนฯ ที่บริษัทใช้อยู่ก็จะเป็นเอกสารลักษณะเดียวกันโดยมีค่าใช้จ่าย
จึงติดต่อเจ้าหน้าที่สรรพากรท่านเดิมแจ้งว่ายังไงก็ต้องมีเอกสารฉบับนี้ เนื่องจากตัวเลขการหักภาษีกองทุนมีการเปลี่ยนแปลง คุยไปคุยมา เจ้าหน้าที่ขอเอกสารเพิ่มเติมซึ่งเป็นของปี 2559 โดยเป็นบริษัทเดิมย้อนหลังไปอีก 2 บริษัท แต่....อันนี้มันเป็นปีภาษี 2561 ไม่ใช่เหรอ ก็งงไปอีก ได้ทำตามกระบวนการเดิม ติดต่อไปที่บริษัทเก่าเพื่อขอเอกสาร แต่บริษัทไม่มีข้อมูลแล้ว ให้ติดต่อไปที่บริษัทกองทุนฯ ที่บริษัทใช้อยู่แทนซึ่งมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้น จึงได้ upload เอกสารเข้าไปเพิ่มเติมเมื่อเดือนมิถุนายน 2562 และเรื่องก็เงียบจนถึงทุกวันนี้
เพิ่มเติม เคยปรึกษาฝ่ายบุคคลบริษัทเดิมประเด็นนี้ ทราบว่าการเปลี่ยนที่ทำงานแต่ละที่และการทำงานไม่เต็มปีในแต่ละปีส่งผลให้ตัวเลขการหักภาษีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพไม่เท่ากันอยู่แล้ว ซึ่งก็เข้าใจแบบนี้ เพียงแต่ต้องการทราบแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้องเท่านั้น เงินคืนภาษีตอนนี้ยัง pending ในระบบ ถ้าติดต่อกลับไปยังเจ้าหน้าที่ท่านเดิมเกรงว่าจะได้รับคำตอบเดิมและต้องไปสืบค้นข้อมูลอะไรใหม่เพิ่มเติมอีก ถ้าเลือกได้ก็ไม่อยากขอคืนภาษี หลายปีที่ผ่านมาส่วนที่ต้องจ่ายเพิ่มก็จ่ายด้วยดีมาโดยตลอด แต่พอมีส่วนที่เกินและจะขอคืนกับมีเงื่อนไขและความยุ่งยาก ถ้าเป็นไปได้จะไม่หาอะไรมาลดหย่อนภาษีแล้วเพราะทำให้ชีวิตลำบากมากขึ้นกว่าเดิมเวลายื่นภาษีประจำปี
มีท่านไหนเคยเจอเหตุการณ์ลักษณะเดียวกันและมีแนวทางปฏิบัติอย่างไร ?