ปิดท้ายด้วยกระทู้จับคู่กันแต่ง ก็รวมทั้งหมด 8 กระทู้และมากกว่า 10 ถุงมือสำหรับรอบนี้ ^^
เรื่องนี้บรรยากาศออกไปทางชนบท บนดอย ความใฝ่ฝันของหญิงสาวชาวชนบทคนหนึ่ง ความหวังอะไรต่างๆ ที่มี...
ชีวิตเธอจะสมหวังหรือผิดหวังอย่างไร ตามไปดูกันครับ ^^

เช้าไก่ขัน พระอาทิตย์ทอแสง พระสงฆ์เริ่มออกบิณฑบาต เอื้องคำคว้าจักรยานคู่ใจตระเตรียมข้าวของแล้วปั่นมายังศูนย์การเรียนรู้ของชุมชน ที่นี่มีสอนหลายอย่าง หากแต่เธอสนใจเป็นพิเศษ น่าจะเป็นการทอผ้า เล่ากันว่า สมัยก่อนลูกสาวจะถูกแม่เคี่ยวเข็ญแกมบังคับให้ทอผ้าเป็น ก่อนแต่งงานออกเรือน
โชคร้ายเอื้องคำไม่มีแม่ มีพ่อเหมือนคนอื่นเขาก็นับว่าบุญโข แม้จะเมาเช้าเมาเย็น เอะอะไถเงินจากเธอเป็นประจำ แต่ก็นะ...พ่อก็คือพ่อ มีกันอยู่แค่นี้ ดีหน่อยได้บ้านย่าเป็นมรดก พอให้ซุกหัวนอนไปวันๆ
ตอนพ่ออารมณ์ดี มักจะเอาผ้าโพกหัวของย่ามากาง พร้อมเล่าด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจว่าตนเป็นลูกหลานชาว
ยอง อพยพมาอยู่เมืองลำพูนตั้งแต่สมัยพระเจ้ากาวิละ สมัยนั้นไม่ว่าจะชายหรือหญิง หลังถามความสมัครใจว่าจะมาอยู่เมืองหริภุญไชยร้างนี้หรือไม่ หากยอมก็จะตัดสินใจโกนหัวเข้าขบวนอพยพ ว่ากันว่าจะคนธรรมดาหรือพระสงฆ์องค์เจ้าก็มากันหมด นั่นจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่วัฒนธรรมต่างๆของชาวยองยังอยู่เกือบครบถ้วน สืบสานเป็นวิถีชีวิตต่อเนื่องกันมากว่าสองร้อยปี
ชาวยองผูกพันกับพุทธศาสนา วัดเป็นศูนย์กลางของทุกอย่าง ดูแต่ศูนย์การเรียนรู้ของชุมชนแห่งนี้สิ ก็ยังอยู่ในวัด นอกนั้นยังมีพิพิธภัณฑ์ผ้า เก็บผ้าเก่าแก่ตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษอพยพมา เอื้องคำคุ้นเคยตั้งแต่เด็ก ดูเสียจนจำได้หมดว่าอะไรวางตรงไหน ผ้าชิ้นนี้อายุเท่าไหร่ ทอลายอะไร ต่อซิ่นต่อเอวหรือไม่เธอรู้ดี เสียอย่างเดียว...เธอทอผ้าไม่เป็น และเมื่อก่อนก็ไม่คิดที่จะเรียนรู้ด้วย
เพราะค่านิยมของเพื่อนฝูงสมัยนั้นมองว่าการเรียนรู้ทอผ้าเป็นเรื่องยุ่งยากและเชยชะมัด พอจบ ม.สาม หนุ่มสาวส่วนใหญ่ก็เตรียมไปทำงานโรงงานในนิคมอุตสาหกรรม ถ้าหรูหน่อยก็มาทำงานกรุงเทพฯ สาวๆสวยๆก็จะถูกแมวมองทาบทามเข้ากรุงด้วยค่าตัวสูงเอาการอยู่ สาวเมืองยองผิวขาวผ่อง หน้าตาจิ้มลิ้มคล้ายตุ๊กตา หุ่นทรวดทรงองค์เอวเข้าท่า ใครเห็นเป็นต้องเหลียวมอง
เอื้องคำเจ็บใจตนเองที่เกิดมาขี้ริ้วไม่สวยเหมือนเพื่อน ไม่เช่นนั้นเธอก็คงเป็นหนึ่งในสาวงามเข้าเมืองกรุง มีเงินมีทองส่งให้พ่อใช้ สร้างบ้านหลังใหม่ ซื้อรถคันโก้ เชิดหน้าชูตาเหมือนหญิงคนอื่นๆ ซึ่งก็หวังว่าบั้นปลายชีวิตจะมีกลับมามีชีวิตมั่นคง ถ้าไม่ตายเพราะเอดส์หรือโรคร้ายอื่นๆเสียก่อนนะ ก็ไม่แปลก...เงินเป็นเรื่องใหญ่ ใครมีเงินนับว่าเป็นน้อง มีทองนับว่าเป็นพี่ จะชาวไทยแท้หรือไทยยองอย่างเธอก็ถือคตินี้เช่นเดียวกัน
ตลกดี ชาวไทยมีค่านิยมตามอย่างฝรั่ง ส่วนชาวยองก็มีค่านิยมตามอย่างคนไทย ดูอย่างผ้าในพิพิธภัณฑ์สิ มียกดิ้นทอง ใช้ไหมแทนฝ้ายเหมือนที่เจ้านายชั้นสูงในตัวเมืองเชียงใหม่ชอบใช้กัน ก็ทำตามอย่างกันมาทั้งนั้น
ช่างมันเถอะ...แค่หาวิธีพาปากท้องตัวเองและพ่อ ให้พออยู่รอดไปวันๆก็แทบจะคิดกันหัวแตกแล้ว ใครจะเลียนแบบใคร ขอเพียงไม่ใช่เรื่องเบียดเบียนเธอ ก็ทำไปเถอะ ไม่อยากยุ่งด้วยเท่าไหร่
วันก่อนบุญพา เพื่อนเคยเรียนห้องเดียวกันกลับมาบ้าน ขับรถคันใหม่มาอวด ทองหยองเต็มตัว เห็นแล้วน่าหมั่นไส้ เธอคงไม่คุยด้วย ถ้าไม่ใช่เรื่องที่บุญพาไหว้วานให้เธอทำจะพาเงินถุงเงินถังมาให้
ฟังที่มันกระซิบแล้วต้องตาโต ชาตินี้ไม่เคยจับเงินก้อนใหญ่เท่านี้มาก่อน
แค่ผ้าบางผืนในพิพิธภัณฑ์หายไป คนอื่นคงไม่สังเกตหรอก เอื้องคำคิดอยากจะหัดเรียนทอผ้าก็เพื่อดูลู่ทาง มันคงไม่ยากเกินไปหรอกนะ
.....................................
บ่ายแก่ๆ เอื้องคำถีบจักรยานกลับบ้าน หน้ามุ่ยคิ้วขมวด ไม่คิดเลยว่าจะมีมือดีชิงลงมือตัดหน้าเธอ นังบุญพาคงไม่ได้บอกเรื่องนี้แก่เธอคนเดียว
คิดดูอีกทีก็ดีเหมือนกัน เธอไม่อยากทำบาป ถึงพิพิธภัณฑ์ผ้าจะไม่ใช่วัด แต่ก็ใช้พื้นที่ของวัด อีกอย่างหากใครรู้เข้า ก็ไม่รู้จะวางตัวอย่างไร หากถูกจับได้ คุกมองเห็นตรงหน้า แล้วทีนี้ใครจะดูพ่อเล่า เมาเช้าเมาเย็นขนาดนั้น หากเธอไม่อยู่จะเอาข้าวที่ไหนกิน เจ็บป่วยใครจะพาไปอนามัย
เงยหน้ามองฟ้า เห็นเมฆฝนตั้งเค้ามาแต่ไกล คงไม่ตกหรอกน่า....ว่าจะไปเก็บไคมาทำกับข้าว สาหร่ายธรรมชาติยังพอหาได้แม้ไม่มากเหมือนแต่ก่อน
วันพรุ่งนี้เธอจะไปที่ศูนย์การเรียนรู้ใหม่ แต่คราวนี้ตั้งใจจะไปเรียนทอผ้าจริงๆ ถึงจะยุ่งยาก และไม่รู้จะทอเป็นเมื่อไหร่ แต่ก็ยังพอเห็นหนทางทำเงิน ได้น้อยก็กินน้อยใช้น้อย แค่เธอกับพ่อสองคน หากคิดว่าพอมันก็คงพอ ทำไงได้ ไม่มีหนทางอื่นแล้วนี่ ก็ได้แต่หวังว่าพรุ่งนี้จะดีกว่าวันนี้ ไม่ใช่เหรอ
จบส่วนที่ 1 โดย ถุงมือ ใช้แล้วทิ้ง
🌼🌄THE LEISURE GLOVES ถุงมือยามว่าง#17 เรื่องสั้น-2 จับคู่ "ความหวังของวันพรุ่งนี้"- ถม.ใช้แล้วทิ้ง+ถม.เอื้องดอย🌄🌼
เรื่องนี้บรรยากาศออกไปทางชนบท บนดอย ความใฝ่ฝันของหญิงสาวชาวชนบทคนหนึ่ง ความหวังอะไรต่างๆ ที่มี...
ชีวิตเธอจะสมหวังหรือผิดหวังอย่างไร ตามไปดูกันครับ ^^
โชคร้ายเอื้องคำไม่มีแม่ มีพ่อเหมือนคนอื่นเขาก็นับว่าบุญโข แม้จะเมาเช้าเมาเย็น เอะอะไถเงินจากเธอเป็นประจำ แต่ก็นะ...พ่อก็คือพ่อ มีกันอยู่แค่นี้ ดีหน่อยได้บ้านย่าเป็นมรดก พอให้ซุกหัวนอนไปวันๆ
ตอนพ่ออารมณ์ดี มักจะเอาผ้าโพกหัวของย่ามากาง พร้อมเล่าด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจว่าตนเป็นลูกหลานชาวยอง อพยพมาอยู่เมืองลำพูนตั้งแต่สมัยพระเจ้ากาวิละ สมัยนั้นไม่ว่าจะชายหรือหญิง หลังถามความสมัครใจว่าจะมาอยู่เมืองหริภุญไชยร้างนี้หรือไม่ หากยอมก็จะตัดสินใจโกนหัวเข้าขบวนอพยพ ว่ากันว่าจะคนธรรมดาหรือพระสงฆ์องค์เจ้าก็มากันหมด นั่นจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่วัฒนธรรมต่างๆของชาวยองยังอยู่เกือบครบถ้วน สืบสานเป็นวิถีชีวิตต่อเนื่องกันมากว่าสองร้อยปี
ชาวยองผูกพันกับพุทธศาสนา วัดเป็นศูนย์กลางของทุกอย่าง ดูแต่ศูนย์การเรียนรู้ของชุมชนแห่งนี้สิ ก็ยังอยู่ในวัด นอกนั้นยังมีพิพิธภัณฑ์ผ้า เก็บผ้าเก่าแก่ตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษอพยพมา เอื้องคำคุ้นเคยตั้งแต่เด็ก ดูเสียจนจำได้หมดว่าอะไรวางตรงไหน ผ้าชิ้นนี้อายุเท่าไหร่ ทอลายอะไร ต่อซิ่นต่อเอวหรือไม่เธอรู้ดี เสียอย่างเดียว...เธอทอผ้าไม่เป็น และเมื่อก่อนก็ไม่คิดที่จะเรียนรู้ด้วย
เพราะค่านิยมของเพื่อนฝูงสมัยนั้นมองว่าการเรียนรู้ทอผ้าเป็นเรื่องยุ่งยากและเชยชะมัด พอจบ ม.สาม หนุ่มสาวส่วนใหญ่ก็เตรียมไปทำงานโรงงานในนิคมอุตสาหกรรม ถ้าหรูหน่อยก็มาทำงานกรุงเทพฯ สาวๆสวยๆก็จะถูกแมวมองทาบทามเข้ากรุงด้วยค่าตัวสูงเอาการอยู่ สาวเมืองยองผิวขาวผ่อง หน้าตาจิ้มลิ้มคล้ายตุ๊กตา หุ่นทรวดทรงองค์เอวเข้าท่า ใครเห็นเป็นต้องเหลียวมอง
เอื้องคำเจ็บใจตนเองที่เกิดมาขี้ริ้วไม่สวยเหมือนเพื่อน ไม่เช่นนั้นเธอก็คงเป็นหนึ่งในสาวงามเข้าเมืองกรุง มีเงินมีทองส่งให้พ่อใช้ สร้างบ้านหลังใหม่ ซื้อรถคันโก้ เชิดหน้าชูตาเหมือนหญิงคนอื่นๆ ซึ่งก็หวังว่าบั้นปลายชีวิตจะมีกลับมามีชีวิตมั่นคง ถ้าไม่ตายเพราะเอดส์หรือโรคร้ายอื่นๆเสียก่อนนะ ก็ไม่แปลก...เงินเป็นเรื่องใหญ่ ใครมีเงินนับว่าเป็นน้อง มีทองนับว่าเป็นพี่ จะชาวไทยแท้หรือไทยยองอย่างเธอก็ถือคตินี้เช่นเดียวกัน
ตลกดี ชาวไทยมีค่านิยมตามอย่างฝรั่ง ส่วนชาวยองก็มีค่านิยมตามอย่างคนไทย ดูอย่างผ้าในพิพิธภัณฑ์สิ มียกดิ้นทอง ใช้ไหมแทนฝ้ายเหมือนที่เจ้านายชั้นสูงในตัวเมืองเชียงใหม่ชอบใช้กัน ก็ทำตามอย่างกันมาทั้งนั้น
ช่างมันเถอะ...แค่หาวิธีพาปากท้องตัวเองและพ่อ ให้พออยู่รอดไปวันๆก็แทบจะคิดกันหัวแตกแล้ว ใครจะเลียนแบบใคร ขอเพียงไม่ใช่เรื่องเบียดเบียนเธอ ก็ทำไปเถอะ ไม่อยากยุ่งด้วยเท่าไหร่
วันก่อนบุญพา เพื่อนเคยเรียนห้องเดียวกันกลับมาบ้าน ขับรถคันใหม่มาอวด ทองหยองเต็มตัว เห็นแล้วน่าหมั่นไส้ เธอคงไม่คุยด้วย ถ้าไม่ใช่เรื่องที่บุญพาไหว้วานให้เธอทำจะพาเงินถุงเงินถังมาให้
ฟังที่มันกระซิบแล้วต้องตาโต ชาตินี้ไม่เคยจับเงินก้อนใหญ่เท่านี้มาก่อน
แค่ผ้าบางผืนในพิพิธภัณฑ์หายไป คนอื่นคงไม่สังเกตหรอก เอื้องคำคิดอยากจะหัดเรียนทอผ้าก็เพื่อดูลู่ทาง มันคงไม่ยากเกินไปหรอกนะ
.....................................
บ่ายแก่ๆ เอื้องคำถีบจักรยานกลับบ้าน หน้ามุ่ยคิ้วขมวด ไม่คิดเลยว่าจะมีมือดีชิงลงมือตัดหน้าเธอ นังบุญพาคงไม่ได้บอกเรื่องนี้แก่เธอคนเดียว
คิดดูอีกทีก็ดีเหมือนกัน เธอไม่อยากทำบาป ถึงพิพิธภัณฑ์ผ้าจะไม่ใช่วัด แต่ก็ใช้พื้นที่ของวัด อีกอย่างหากใครรู้เข้า ก็ไม่รู้จะวางตัวอย่างไร หากถูกจับได้ คุกมองเห็นตรงหน้า แล้วทีนี้ใครจะดูพ่อเล่า เมาเช้าเมาเย็นขนาดนั้น หากเธอไม่อยู่จะเอาข้าวที่ไหนกิน เจ็บป่วยใครจะพาไปอนามัย
เงยหน้ามองฟ้า เห็นเมฆฝนตั้งเค้ามาแต่ไกล คงไม่ตกหรอกน่า....ว่าจะไปเก็บไคมาทำกับข้าว สาหร่ายธรรมชาติยังพอหาได้แม้ไม่มากเหมือนแต่ก่อน
วันพรุ่งนี้เธอจะไปที่ศูนย์การเรียนรู้ใหม่ แต่คราวนี้ตั้งใจจะไปเรียนทอผ้าจริงๆ ถึงจะยุ่งยาก และไม่รู้จะทอเป็นเมื่อไหร่ แต่ก็ยังพอเห็นหนทางทำเงิน ได้น้อยก็กินน้อยใช้น้อย แค่เธอกับพ่อสองคน หากคิดว่าพอมันก็คงพอ ทำไงได้ ไม่มีหนทางอื่นแล้วนี่ ก็ได้แต่หวังว่าพรุ่งนี้จะดีกว่าวันนี้ ไม่ใช่เหรอ
จบส่วนที่ 1 โดย ถุงมือ ใช้แล้วทิ้ง