ไม่เคยไปตั้งกระทู้ที่ไหนเลย แต่มันถึงทางตันแล้วจริงๆมีความรู้สึกว่าสิ่งที่ทำไม่ได้ดีขึ้นเลย แล้วจะทำไปทำไมอีก ครึ่งชีวิตที่เราอุตส่าห์ทำเพื่อคนอื่นมาตลอด ทำดีได้ดีมีที่ไหน ขนาดในครอบครัวเรายังหาไม่ได้เลย
เรื่องของเรื่อง ตอนนี้เราอายุหลัก4 เราเป็นลูกคนจีนผู้หญิงคนเดียวมีพี่ชายน้องชายใครเป็นลูกคนจีนน่าจะเข้าใจความรู้สึก ตั้งแต่สมัยจำความได้เราไม่เคยได้อะไรมือหนึ่งเลย เวลาอยากได้เสื้อเราก็ต้องรับช่วงต่อจากน้อง เราบุคลิกทอมๆเลยใส่เสื้อน้องชายได้ นอกจากว่าถ้าเราอยากได้เราก็เก็บเงินซื้อเอง มันเป็นแบบนี้ทุกครั้ง แต่เวลาน้องชายอยากได้อะไรได้ทุกอย่างแม้จะแพงขนาดไหน เราอยู่อย่างเจียมตัวสุดๆไม่เคยคิดอยากได้ของแพงแค่ของไม่แพงยังไม่ได้เลย แล้วแต่ก่อนบ้านเรามีกิจการในบ้านเล็กๆน้อยๆเวลาเลิกเรียนเราก็ต้องรีบกลับมาช่วยงานบ้านมาช่วยเลี้ยงน้องหมาช่วยทุกอย่างในขณะที่พี่ชายน้องชายไม่ต้องกลับมาช่วยเลยแล้วไม่โดนด่าด้วย แต่ถ้าเราไม่กลับก็จะโดนแม่ด่า นู้นนี่นั้น ซึ่งเราก็อะไรว่ะ ความยุติธรรมอยู่ที่ไหน เราก็ต้องทนและทนมาตลอด มีเหตุการณ์นึงเราจำได้เลย เพื่อนมาชวนไปเที่ยวสมัยนั้นอยู่มหาลัยล่ะเพื่อนมาถึงบ้านเลยเรากำลังช่วยแม่ทำความสะอาดบ้านอยู่ มาชวนเราไปเที่ยว เราบอกเราไปไม่ได้หรอกไม่มีใครช่วยแม่ทำ ตอนนั้นน้ำตาตกในกันเลย สมัยเรียนเราแทบไม่ได้ไปไหนเลย ผิดกับน้องชายและพี่ชาย พี่ชายเราไม่ว่าเค้าเพราะเค้าสามารถหาเงินเองได้ตั้งแต่สมัยเรียน เค้าก็รับผิดชอบรถที่พ่อซื้อให้ได้มีรถขับไปเรียน แต่น้องชายเรายังไม่สามารถหาเงินได้เองก็ขอเงินที่บ้านเหมือนเราแต่น้องก็มีรถขับไปโรงเรียน เราไม่ได้อิจฉาว่ามีรถขับแต่เราแค่อยากให้ทุกคนมาช่วยแบ่งเบาภาระกันบ้างสิไม่ใช่เราทำอยู่คนเดียว ทำดีไม่ได้ดี ทำไม่ดีโดนด่า มันยุติธรรมหรอ พี่กับน้องมีมอไซด์ขี่กันตั้งแต่สมัยพาณิชย์ เรา3คนอายุไล่ๆกัน เราคนเดียวที่ต้องนั่งรถเมล์ 
จนเรียนจบ และได้งานทำเราก็ไม่เคยขอเงินที่บ้านอีกเลย เพราะเราคิดว่าเราทำงานได้แล้วรับผิดชอบตัวเองไป แค่อย่าทำให้ใครเดือดร้อนพอ เราทำงานอยู่หลายปี จนน้องชายมาเปิดบริษัทเองประกอบกับช่วงนั้นเราลาออกจากงานพอดีเลยเพราะทางบริษัทฯจะย้ายเราจากเสมียนหน้าร้านไปเป็นฝ่ายบุคคลเราไม่ชอบ เราเลยลาออก เลยมาทำงานกับน้องชายน้องชายให้เงินเดือน10000ถ้วน โดยที่เราไม่ต้องเดินทางเพราะบริษัทฯกะตั้งอยู่ที่บ้าน งานเราก็แค่รับเช็คจ่ายเงินเดือนพนง.แต่เราก็มีทำงานบ้านรีดเสื้อผ้าดูแลหมาของน้องเพราะเราคิดว่าเราไม่ได้ไปไหนอยู่บ้านทำอะไรได้ก็ทำ ทำมาได้หลายปีจนปีหลังๆน่าจะ57 58 59 ราวๆนี้เราเจอเพื่อนเก่าเลยได้เพื่อนเที่ยว แต่เราจะเที่ยวเฉพาะวันหยุดเท่านั้น นอกจากไปตปท.หลายวันเราก็จะถามน้องชายก่อนไปได้ไหม ลาได้ไหม ไปได้เราก็ไป ช่วงนั้นบางปีเราบินอาจจะบ่อย3-4ครั้งต่อปี แต่ไม่ได้ทุกปี มันแค่ช่วงพีคๆที่พอดีไปกับเพื่อนกลุ่มอื่นด้วย เราถือคติว่ามีโอกาสเราก็ไป เพราะเราไม่รู้ว่าวันข้างหน้าเราจะมีโอกาสอีกไหม ส่วนนึงอาจมาจากการเก็บกดช่วงสมัยเรียนด้วยที่พี่น้องได้เที่ยวแต่เราไม่ได้ไปไหนเลย เรานอนร้องไห้ประจำว่าทำไมมันเป็นแบบนี้เราไม่เคยพาลใครเคยนะ น้องหรือพี่ไปเที่ยวเราก็ไม่เคยไปด่าว่าทำไมไม่ช่วยกันเลย เราก็เงียบของเรา แล้วเราก็ช่วยทุกคนแบบปกติเราถือว่าเราทำได้เราก็ทำ 
จนวันนึงทะเลาะกะน้อง เพราะน้องหมั่นไส้ว่าเราเที่ยวเยอะ (พึ่งมารู้ตอนหลัง) รวยนักหรอเราเลยอะไรว่ะ ก่อนไปเราก็ขอแล้วนะ เราอยู่แบบเจียมตัวว่าเราเป็นลูกจ้างเราไม่เคยคิดว่าเราเป็นพี่เลยนะ ก่อนจะมองว่าเรารวยมาดูการใช้เงินเราก่อนไหม เราขี่มอไซด์น้ำมันก็ไม่เท่ารัยหรอก กินเราก็กินแบบง่ายถ้าเราไม่ได้ไปกินกับเพื่อนเราก็กินง่ายๆมาม่ามั้ง ข้าวเหนียวหมูมั้ง กินพออิ่มอ่ะ เราไม่เน้นกินเราเน้นเที่ยว เพราะเงินเดือนเราแค่10000เดียวเราจะมาสิ้นเปลืองเรื่องกินหรือเรื่องอื่นๆมันไม่ได้ เงินเรามีจำกัดเราประหยัดทางไหนได้เราประหยัดเพื่อไปใช้ในสิ่งที่เราชอบ 
ลืมบอกไปว่าระหว่างทำงานกับน้องเรามีไปทำงานกับญาติด้วย โดยตกลงค่าจ้างเป็นวันเพราะเราไม่อยากเอาเปรียบญาติ วันไหนเราเข้าทำงานเราก็ได้ ซึ่งเราไม่ได้เข้าทุกวันเพราะเรามีงานประจำของน้องอยู่แล้ว ซึ่งก็เป็นรายได้เสริมของเราอีกทาง 
พอออกจากงานน้องเราก็ไปทำเต็มตัวกับญาติ แต่มันไม่ใช่งานที่เราชอบเลยยยยมันคืองานบริหารคุ้มลูกน้อง เราไม่ชอบ เราชอบงานปฎิบัติมากกว่าเราชอบงานลงมืองานช่าง งานบ้าน เราไม่ชอบงานนั่งโต๊ะ งานเอกสาร เราทำไม่ได้จริงๆ มันชวนง่วงนอนมากเลยทำงานพวกนี้ มันเลยทำงานแบบไม่มีความสุขเลย ตื่นมาทุกเช้ามันคือความทุกข์ที่ต้องไปทำงานอ่ะ เหมือนเอาแต่ร่างไปทำงาน อ่ะ เราเลยคิดว่ามันไม่โอเคสำหรับเราอ่ะ ( แต่แม่บุญธรรมให้เงินเดือนเยอะกว่าน้องชายอีกเท่านึง) แต่เราเป็นพวกถ้าทำแล้วไม่ชอบไม่เต็มที่กับงานเหมือนเราเอาเปรียบเค้าเราขอไม่ทำดีกว่า ประจวบกับว่าพอดีซ้อเรียกให้ไปช่วยเลี้ยงหลาน เงินเดือนลงลดเท่าน้องชายให้ นี่คือพี่ชายจ่ายให้ แต่ซ้อใจดีเพิ่มให้อีกครึ่งนึง เราก็เลยไปทำ ทำทุกอย่างไม่ใช่แค่เลี้ยงหลาน เราทำงานบ้านด้วยช่วงเวลาหลานไปโรงเรียน กวาดเก็บบ้านทำทุกอย่างที่ทำได้ ไม่มีวันหยุด แต่ก็มีลาซ้อกลับกทม.บ้างไปเที่ยวของเราคนเดียวบ้าง ระหว่างลาเราตกลงกะซ้อว่าเด่วเรารับเงินเดือนเป็นวันดีกว่าไม่อยากเอาเปรียบซ้อ เงินเดือนได้เท่ารัยหารจำนวนวันเลย ทำกี่วันจ่ายตามนั้นเราจะได้หยุดอย่างสบายใจ 
จนมาเดือนนี้ เราเห็นแม่ต้องดูแลหมาของน้องคนเดียว และตอนนี้หมาก็แก่แล้วขาหลังไม่ดีเวลามันจะลุกเราต้องช่วยมันยกตัวมันขึ้นก่อนมันถึงเดินได้ แต่เดินได้ไม่นานมันก็นั่งก็ต้องคอยยกมันตลอดเวลาซึ่งแม่ไม่ไหว แถมมันเป็นหมาใหญ่ด้วย เราเลยบอกพี่ว่าเราจะมาช่วยแม่สักเดือนนะ แต่การมาครั้งนี้เราไม่รู้เลยว่าเราคิดผิดคิดถูก แรกๆมันก็ดีหลังๆก็จะทะเลาะกะแม่เรื่องมันเป็นเรื่อง คือเรื่องหมานี่ล่ะ เราทะเลาะกะแม่เรื่องหมามาตลอด ชอบว่าว่าเราไม่ช่วยดูมั้งล่ะ เอาแต่เที่ยวมั้งล่ะ เราเลยบอกว่าเราไม่ช่วยตรงไหน เราช่วยทุกอย่างหมาก็ไม่ใช่หมาเราเราไม่ได้เอามาเลี้ยงแต่เราต้องดูมันตั้งแต่เล็กๆแถมตอนเล็กๆไม่ได้มีตัวเดียวด้วยนะ พี่ชายเราโกลเด้นมาอีกตัว มันคือภาระเราทั้งนั้นเลย พามันเดินเลย สมัยก่อนอยู่บ้านตึกลำบากเวลาพามันเดินเราต้องคอยเก็บอึมันด้วยถามว่าเจ้าของเคยมาทำไหม ไม่เลย ทิ้งไว้แล้วก็ไป เราต้องทำแบบนั้นมาเรื่อย มีวันนึงขังไว้ในออฟฟิศเปิดแอร์ให้เพราะมีงานมงคลซึ่งไม่มีใครว่าง ให้ข้าวเช้ากินเรียบร้อย แต่ไม่สามารถพาเดินได้ กลับมาตอนเย็นอึเต็มออฟฟิศเลยจ้าแถมเป็นอึเหลวด้วยนะเหมือนน้องหมาท้องเสีย แล้วใครล่ะที่ต้องทำ เราไง ในขณะที่คนอื่นได้พักผ่อนได้นอนเราต้องมาดูหมาซึ่งไม่ใช่หมาเราเอามาเลยสักตัว ซึ่งมันไม่ใช่แค่ครั้งเดียวที่ต้องเจอแบบนี้ มันหลายต่อหลายครั้ง ถามว่าทำได้ไหม ทำได้ แต่ที่จะทำไม่ได้เพราะคำพูดของแม่นี่ล่ะ ตอนเราทำไม่เคยมาดูหรอกแต่พอเราทำเสร็จนั่งพัก มาเจอเราตอนนั้นก็มาล่ะ ทำอะไรมั้งเนี่ย นู้นนี่นั้น คือมันเหนื่อยใจเลยอ่ะ เหนื่อยกายอ่ะแค่พักมันก็หายเหนื่อยแต่เหนื่อยใจพักยังงัยก็ไม่หายอ่ะ แล้วมันไม่ใช่ครั้งเดียวเราจะเจอแบบนี้มาตลอดชีวิตของเรา แม่เราชอบทำนู้นนี้นั้นให้เพื่อนกินเวลาเพื่อนมากินข้าวบ้านเค้าจะไม่ชอบซื้อเค้าบอกว่าชูรสมันเยอะ ทำไม่ว่า เราก็ต้องตื่นมาช่วยไปซื้อของแต่ละทีทะเลาะกันทุกที ก็ดูแม่เราซื้อของสิ เช่น จะทำแกงหม้อนึง ซื้อของไม่ใช่ตาดเดียว ไก่เยาวราช ฟักบางใหญ่ ไก่ตลาดพลู  คือมันใช่เรื่องไหม  ของมันถูกกว่าไม่กี่บาทแต่ไม่เคยคิดว่ามันต้องเสียค่าน้ำมันขับรถไป เวลาอธิบายก็ชอบบอกว่าน้ำมันมันจะกี่บาท แต่พอบอกว่าน้ำมันหมดแล้วนะที่เติมครั้งที่แล้วก็จะชอบบ่นว่าอะไรกรูพึ่งเติมเองนะ แต่ไม่ได้ดูเลยว่าไปไหนมามั้ง ซึ่งไม่ใช่ครั้งเดียว นี่แค่ซื้อของนะ เวลาทำอีก จะต้องอย่างนั้นอย่างนู้นอย่างนี้ ทำแกงอย่างนึงปาไปครึ่งวันกว่าจะได้กิน แถมคนช่วยทำโดนด่าด้วยนะเวลาช่วย เวลาทำเสร็จคนช่วยได้กินก่อนไหม ไม่เลยจ้า ไปเรียกพี่ชายน้องชายตื่นสิไปเรียกมากิน เป็นงัยล่ะ เป็นแบบนี้ทุกครั้ง แล้วอย่าตักเยอะนะ เดี๋ยวโดนมองด้วยสายตาและโดนด่าหาว่าไม่เหลือให้คนอื่นกิน ซึ่งเราไม่เคยตักเยอะเลย ถ้าทำแกงเราเน้นขนมจีนกับน้ำ ในขณะที่พี่ชายน้องชายเน้นเนื้อปลากรายถามว่าโดนด่าไหม ไม่ กินเลยจ้า เต็มที แต่พอเรากะน้าคนช่วยจะตักมั้งก็เอาล่ะเหลือให้คนอื่นมั้งนู้นนี่นั้น ฟังแล้วเป็นไงล่ะ เป็นแบนี้มาตลอดครึ่งชีวิต เราถึงบอกไงว่าทำดีได้ดีมีที่ไหน  ไม่ใช่ว่านั่งเทียนพูดเอานะ เราประสบมาเราถึงพูด และรอบนี้ก็เหมือนเดิม เรามาอยู่บ้านเดือนกว่า ถ้าพูด1เดือนเต็มเราไม่ได้ไปไหนเลย ดูหมา จัดเก็บบ้าน จัดบ้าน ทำความสะอาดไปเรื่อย โดยไม่เคยคิดว่าเหนื่อยเพราะเราชอบทำ แต่มันจะเหนื่อยตรงคำพูดแม่นี่ล่ะ ค
บอกตรงๆคิดฆ่าตัวตายเป็นร้อยรอบให้หลุดพ้นจากตรงนี้ ไหนๆทำดีไม่ได้ดีจะอยู่และทำอีกทำไม 
แต่ตอนนี้เราคิดว่าถ้าน้องหมาตายเราก็จะออกจากบ้านไปหางานทำไปอยู่เองไม่ช่วยใครแล้วทั้งนั้น ชีวิตใครชีวิตมันล่ะ ช่วยแล้วไม่ได้ดีเลย มันเหนื่อย
ถ้าเป็นพวกคุณทางออกของพวกคุณคืออะไร																																	
  
							
ทิ้งทุกอย่างแล้วอยู่คนเดียวเห็นแก่ตัวไหม???
เรื่องของเรื่อง ตอนนี้เราอายุหลัก4 เราเป็นลูกคนจีนผู้หญิงคนเดียวมีพี่ชายน้องชายใครเป็นลูกคนจีนน่าจะเข้าใจความรู้สึก ตั้งแต่สมัยจำความได้เราไม่เคยได้อะไรมือหนึ่งเลย เวลาอยากได้เสื้อเราก็ต้องรับช่วงต่อจากน้อง เราบุคลิกทอมๆเลยใส่เสื้อน้องชายได้ นอกจากว่าถ้าเราอยากได้เราก็เก็บเงินซื้อเอง มันเป็นแบบนี้ทุกครั้ง แต่เวลาน้องชายอยากได้อะไรได้ทุกอย่างแม้จะแพงขนาดไหน เราอยู่อย่างเจียมตัวสุดๆไม่เคยคิดอยากได้ของแพงแค่ของไม่แพงยังไม่ได้เลย แล้วแต่ก่อนบ้านเรามีกิจการในบ้านเล็กๆน้อยๆเวลาเลิกเรียนเราก็ต้องรีบกลับมาช่วยงานบ้านมาช่วยเลี้ยงน้องหมาช่วยทุกอย่างในขณะที่พี่ชายน้องชายไม่ต้องกลับมาช่วยเลยแล้วไม่โดนด่าด้วย แต่ถ้าเราไม่กลับก็จะโดนแม่ด่า นู้นนี่นั้น ซึ่งเราก็อะไรว่ะ ความยุติธรรมอยู่ที่ไหน เราก็ต้องทนและทนมาตลอด มีเหตุการณ์นึงเราจำได้เลย เพื่อนมาชวนไปเที่ยวสมัยนั้นอยู่มหาลัยล่ะเพื่อนมาถึงบ้านเลยเรากำลังช่วยแม่ทำความสะอาดบ้านอยู่ มาชวนเราไปเที่ยว เราบอกเราไปไม่ได้หรอกไม่มีใครช่วยแม่ทำ ตอนนั้นน้ำตาตกในกันเลย สมัยเรียนเราแทบไม่ได้ไปไหนเลย ผิดกับน้องชายและพี่ชาย พี่ชายเราไม่ว่าเค้าเพราะเค้าสามารถหาเงินเองได้ตั้งแต่สมัยเรียน เค้าก็รับผิดชอบรถที่พ่อซื้อให้ได้มีรถขับไปเรียน แต่น้องชายเรายังไม่สามารถหาเงินได้เองก็ขอเงินที่บ้านเหมือนเราแต่น้องก็มีรถขับไปโรงเรียน เราไม่ได้อิจฉาว่ามีรถขับแต่เราแค่อยากให้ทุกคนมาช่วยแบ่งเบาภาระกันบ้างสิไม่ใช่เราทำอยู่คนเดียว ทำดีไม่ได้ดี ทำไม่ดีโดนด่า มันยุติธรรมหรอ พี่กับน้องมีมอไซด์ขี่กันตั้งแต่สมัยพาณิชย์ เรา3คนอายุไล่ๆกัน เราคนเดียวที่ต้องนั่งรถเมล์
จนเรียนจบ และได้งานทำเราก็ไม่เคยขอเงินที่บ้านอีกเลย เพราะเราคิดว่าเราทำงานได้แล้วรับผิดชอบตัวเองไป แค่อย่าทำให้ใครเดือดร้อนพอ เราทำงานอยู่หลายปี จนน้องชายมาเปิดบริษัทเองประกอบกับช่วงนั้นเราลาออกจากงานพอดีเลยเพราะทางบริษัทฯจะย้ายเราจากเสมียนหน้าร้านไปเป็นฝ่ายบุคคลเราไม่ชอบ เราเลยลาออก เลยมาทำงานกับน้องชายน้องชายให้เงินเดือน10000ถ้วน โดยที่เราไม่ต้องเดินทางเพราะบริษัทฯกะตั้งอยู่ที่บ้าน งานเราก็แค่รับเช็คจ่ายเงินเดือนพนง.แต่เราก็มีทำงานบ้านรีดเสื้อผ้าดูแลหมาของน้องเพราะเราคิดว่าเราไม่ได้ไปไหนอยู่บ้านทำอะไรได้ก็ทำ ทำมาได้หลายปีจนปีหลังๆน่าจะ57 58 59 ราวๆนี้เราเจอเพื่อนเก่าเลยได้เพื่อนเที่ยว แต่เราจะเที่ยวเฉพาะวันหยุดเท่านั้น นอกจากไปตปท.หลายวันเราก็จะถามน้องชายก่อนไปได้ไหม ลาได้ไหม ไปได้เราก็ไป ช่วงนั้นบางปีเราบินอาจจะบ่อย3-4ครั้งต่อปี แต่ไม่ได้ทุกปี มันแค่ช่วงพีคๆที่พอดีไปกับเพื่อนกลุ่มอื่นด้วย เราถือคติว่ามีโอกาสเราก็ไป เพราะเราไม่รู้ว่าวันข้างหน้าเราจะมีโอกาสอีกไหม ส่วนนึงอาจมาจากการเก็บกดช่วงสมัยเรียนด้วยที่พี่น้องได้เที่ยวแต่เราไม่ได้ไปไหนเลย เรานอนร้องไห้ประจำว่าทำไมมันเป็นแบบนี้เราไม่เคยพาลใครเคยนะ น้องหรือพี่ไปเที่ยวเราก็ไม่เคยไปด่าว่าทำไมไม่ช่วยกันเลย เราก็เงียบของเรา แล้วเราก็ช่วยทุกคนแบบปกติเราถือว่าเราทำได้เราก็ทำ
จนวันนึงทะเลาะกะน้อง เพราะน้องหมั่นไส้ว่าเราเที่ยวเยอะ (พึ่งมารู้ตอนหลัง) รวยนักหรอเราเลยอะไรว่ะ ก่อนไปเราก็ขอแล้วนะ เราอยู่แบบเจียมตัวว่าเราเป็นลูกจ้างเราไม่เคยคิดว่าเราเป็นพี่เลยนะ ก่อนจะมองว่าเรารวยมาดูการใช้เงินเราก่อนไหม เราขี่มอไซด์น้ำมันก็ไม่เท่ารัยหรอก กินเราก็กินแบบง่ายถ้าเราไม่ได้ไปกินกับเพื่อนเราก็กินง่ายๆมาม่ามั้ง ข้าวเหนียวหมูมั้ง กินพออิ่มอ่ะ เราไม่เน้นกินเราเน้นเที่ยว เพราะเงินเดือนเราแค่10000เดียวเราจะมาสิ้นเปลืองเรื่องกินหรือเรื่องอื่นๆมันไม่ได้ เงินเรามีจำกัดเราประหยัดทางไหนได้เราประหยัดเพื่อไปใช้ในสิ่งที่เราชอบ
ลืมบอกไปว่าระหว่างทำงานกับน้องเรามีไปทำงานกับญาติด้วย โดยตกลงค่าจ้างเป็นวันเพราะเราไม่อยากเอาเปรียบญาติ วันไหนเราเข้าทำงานเราก็ได้ ซึ่งเราไม่ได้เข้าทุกวันเพราะเรามีงานประจำของน้องอยู่แล้ว ซึ่งก็เป็นรายได้เสริมของเราอีกทาง
พอออกจากงานน้องเราก็ไปทำเต็มตัวกับญาติ แต่มันไม่ใช่งานที่เราชอบเลยยยยมันคืองานบริหารคุ้มลูกน้อง เราไม่ชอบ เราชอบงานปฎิบัติมากกว่าเราชอบงานลงมืองานช่าง งานบ้าน เราไม่ชอบงานนั่งโต๊ะ งานเอกสาร เราทำไม่ได้จริงๆ มันชวนง่วงนอนมากเลยทำงานพวกนี้ มันเลยทำงานแบบไม่มีความสุขเลย ตื่นมาทุกเช้ามันคือความทุกข์ที่ต้องไปทำงานอ่ะ เหมือนเอาแต่ร่างไปทำงาน อ่ะ เราเลยคิดว่ามันไม่โอเคสำหรับเราอ่ะ ( แต่แม่บุญธรรมให้เงินเดือนเยอะกว่าน้องชายอีกเท่านึง) แต่เราเป็นพวกถ้าทำแล้วไม่ชอบไม่เต็มที่กับงานเหมือนเราเอาเปรียบเค้าเราขอไม่ทำดีกว่า ประจวบกับว่าพอดีซ้อเรียกให้ไปช่วยเลี้ยงหลาน เงินเดือนลงลดเท่าน้องชายให้ นี่คือพี่ชายจ่ายให้ แต่ซ้อใจดีเพิ่มให้อีกครึ่งนึง เราก็เลยไปทำ ทำทุกอย่างไม่ใช่แค่เลี้ยงหลาน เราทำงานบ้านด้วยช่วงเวลาหลานไปโรงเรียน กวาดเก็บบ้านทำทุกอย่างที่ทำได้ ไม่มีวันหยุด แต่ก็มีลาซ้อกลับกทม.บ้างไปเที่ยวของเราคนเดียวบ้าง ระหว่างลาเราตกลงกะซ้อว่าเด่วเรารับเงินเดือนเป็นวันดีกว่าไม่อยากเอาเปรียบซ้อ เงินเดือนได้เท่ารัยหารจำนวนวันเลย ทำกี่วันจ่ายตามนั้นเราจะได้หยุดอย่างสบายใจ
จนมาเดือนนี้ เราเห็นแม่ต้องดูแลหมาของน้องคนเดียว และตอนนี้หมาก็แก่แล้วขาหลังไม่ดีเวลามันจะลุกเราต้องช่วยมันยกตัวมันขึ้นก่อนมันถึงเดินได้ แต่เดินได้ไม่นานมันก็นั่งก็ต้องคอยยกมันตลอดเวลาซึ่งแม่ไม่ไหว แถมมันเป็นหมาใหญ่ด้วย เราเลยบอกพี่ว่าเราจะมาช่วยแม่สักเดือนนะ แต่การมาครั้งนี้เราไม่รู้เลยว่าเราคิดผิดคิดถูก แรกๆมันก็ดีหลังๆก็จะทะเลาะกะแม่เรื่องมันเป็นเรื่อง คือเรื่องหมานี่ล่ะ เราทะเลาะกะแม่เรื่องหมามาตลอด ชอบว่าว่าเราไม่ช่วยดูมั้งล่ะ เอาแต่เที่ยวมั้งล่ะ เราเลยบอกว่าเราไม่ช่วยตรงไหน เราช่วยทุกอย่างหมาก็ไม่ใช่หมาเราเราไม่ได้เอามาเลี้ยงแต่เราต้องดูมันตั้งแต่เล็กๆแถมตอนเล็กๆไม่ได้มีตัวเดียวด้วยนะ พี่ชายเราโกลเด้นมาอีกตัว มันคือภาระเราทั้งนั้นเลย พามันเดินเลย สมัยก่อนอยู่บ้านตึกลำบากเวลาพามันเดินเราต้องคอยเก็บอึมันด้วยถามว่าเจ้าของเคยมาทำไหม ไม่เลย ทิ้งไว้แล้วก็ไป เราต้องทำแบบนั้นมาเรื่อย มีวันนึงขังไว้ในออฟฟิศเปิดแอร์ให้เพราะมีงานมงคลซึ่งไม่มีใครว่าง ให้ข้าวเช้ากินเรียบร้อย แต่ไม่สามารถพาเดินได้ กลับมาตอนเย็นอึเต็มออฟฟิศเลยจ้าแถมเป็นอึเหลวด้วยนะเหมือนน้องหมาท้องเสีย แล้วใครล่ะที่ต้องทำ เราไง ในขณะที่คนอื่นได้พักผ่อนได้นอนเราต้องมาดูหมาซึ่งไม่ใช่หมาเราเอามาเลยสักตัว ซึ่งมันไม่ใช่แค่ครั้งเดียวที่ต้องเจอแบบนี้ มันหลายต่อหลายครั้ง ถามว่าทำได้ไหม ทำได้ แต่ที่จะทำไม่ได้เพราะคำพูดของแม่นี่ล่ะ ตอนเราทำไม่เคยมาดูหรอกแต่พอเราทำเสร็จนั่งพัก มาเจอเราตอนนั้นก็มาล่ะ ทำอะไรมั้งเนี่ย นู้นนี่นั้น คือมันเหนื่อยใจเลยอ่ะ เหนื่อยกายอ่ะแค่พักมันก็หายเหนื่อยแต่เหนื่อยใจพักยังงัยก็ไม่หายอ่ะ แล้วมันไม่ใช่ครั้งเดียวเราจะเจอแบบนี้มาตลอดชีวิตของเรา แม่เราชอบทำนู้นนี้นั้นให้เพื่อนกินเวลาเพื่อนมากินข้าวบ้านเค้าจะไม่ชอบซื้อเค้าบอกว่าชูรสมันเยอะ ทำไม่ว่า เราก็ต้องตื่นมาช่วยไปซื้อของแต่ละทีทะเลาะกันทุกที ก็ดูแม่เราซื้อของสิ เช่น จะทำแกงหม้อนึง ซื้อของไม่ใช่ตาดเดียว ไก่เยาวราช ฟักบางใหญ่ ไก่ตลาดพลู คือมันใช่เรื่องไหม ของมันถูกกว่าไม่กี่บาทแต่ไม่เคยคิดว่ามันต้องเสียค่าน้ำมันขับรถไป เวลาอธิบายก็ชอบบอกว่าน้ำมันมันจะกี่บาท แต่พอบอกว่าน้ำมันหมดแล้วนะที่เติมครั้งที่แล้วก็จะชอบบ่นว่าอะไรกรูพึ่งเติมเองนะ แต่ไม่ได้ดูเลยว่าไปไหนมามั้ง ซึ่งไม่ใช่ครั้งเดียว นี่แค่ซื้อของนะ เวลาทำอีก จะต้องอย่างนั้นอย่างนู้นอย่างนี้ ทำแกงอย่างนึงปาไปครึ่งวันกว่าจะได้กิน แถมคนช่วยทำโดนด่าด้วยนะเวลาช่วย เวลาทำเสร็จคนช่วยได้กินก่อนไหม ไม่เลยจ้า ไปเรียกพี่ชายน้องชายตื่นสิไปเรียกมากิน เป็นงัยล่ะ เป็นแบบนี้ทุกครั้ง แล้วอย่าตักเยอะนะ เดี๋ยวโดนมองด้วยสายตาและโดนด่าหาว่าไม่เหลือให้คนอื่นกิน ซึ่งเราไม่เคยตักเยอะเลย ถ้าทำแกงเราเน้นขนมจีนกับน้ำ ในขณะที่พี่ชายน้องชายเน้นเนื้อปลากรายถามว่าโดนด่าไหม ไม่ กินเลยจ้า เต็มที แต่พอเรากะน้าคนช่วยจะตักมั้งก็เอาล่ะเหลือให้คนอื่นมั้งนู้นนี่นั้น ฟังแล้วเป็นไงล่ะ เป็นแบนี้มาตลอดครึ่งชีวิต เราถึงบอกไงว่าทำดีได้ดีมีที่ไหน ไม่ใช่ว่านั่งเทียนพูดเอานะ เราประสบมาเราถึงพูด และรอบนี้ก็เหมือนเดิม เรามาอยู่บ้านเดือนกว่า ถ้าพูด1เดือนเต็มเราไม่ได้ไปไหนเลย ดูหมา จัดเก็บบ้าน จัดบ้าน ทำความสะอาดไปเรื่อย โดยไม่เคยคิดว่าเหนื่อยเพราะเราชอบทำ แต่มันจะเหนื่อยตรงคำพูดแม่นี่ล่ะ ค
บอกตรงๆคิดฆ่าตัวตายเป็นร้อยรอบให้หลุดพ้นจากตรงนี้ ไหนๆทำดีไม่ได้ดีจะอยู่และทำอีกทำไม
แต่ตอนนี้เราคิดว่าถ้าน้องหมาตายเราก็จะออกจากบ้านไปหางานทำไปอยู่เองไม่ช่วยใครแล้วทั้งนั้น ชีวิตใครชีวิตมันล่ะ ช่วยแล้วไม่ได้ดีเลย มันเหนื่อย
ถ้าเป็นพวกคุณทางออกของพวกคุณคืออะไร