ปี 2562 ผ่านมาถึงกันยายนกันแล้ว อีกไม่กี่เดือนก็จะเปลี่ยนปีใหม่ เป็นยังไงกันบ้างคะ
ในส่วนของเรา ทำโฮสเทล ร้านอาหาร ..,, ขอเล่าส่วนของโฮสเทลก่อน เราอยู่ในจังหวัดหนึ่งทางภาคใต้ของไทย ที่มีการจัดระเบียบโดยทหารร่วมกับทางจังหวัด ตอนนั้นวุ่นมากๆ รัฐพยายามให้โฮสเทลเหล่านี้เข้าระบบเหมือนโรงแรม แต่ปัญหาก็มีตั้งแต่การไม่มีหลักรองรับโฮสเทลให้ถูกต้อง หรือพรบ.อาคารต่างๆ บางคนที่เช่าตึก ได้สัญญามาไม่นาน (เช่นของเราได้มา 6 ปี ปีที่รัฐเข้ามาจัดการเราดำเนินธุรกิจไปแล้ว เข้าปีที่ 3 แสดงว่าเหลือสัญญาอีกประมาณ 3 ปี) อบต.พยายามให้ทุกรายทำให้ถูกต้อง ตอนนั้นโฮสเทลทุกรายแทบจะต้องปิดให้บริการ เนื่องจากถ้าเปิดให้บริการจะมีค่าปรับ ในส่วนของเราเองก็ได้ปรึกษากับครอบครัว เห็นว่า การจะทำให้ถูกต้องตามพรบ.อาคารและอื่นๆ ที่ประกาศมาตอนนั้น ต้องใช้งบอีกมาก (หลักล้าน++) ประกอบกับตอนนั้นนักท่องเที่ยวเริ่มลดลง โฮสเทลแข่งกันด้านราคา มากกว่าการบริการหรือแม้กระทั่งความสะอาด 555 จึงยุติการทำโฮสเทลค่ะ เพราะคิดว่ารายได้ที่ได้มา ไม่คุ้มกับที่ต้องจ่ายไป รวมถึงต้นทุนรายเดือนต่างๆ ด้วย
ตัดมาที่ตอนนี้ เพื่อนๆ ที่ยังทำอยู่ บอกว่านักท่องเที่ยวน้อยลงมากๆ คู่แข่งทั้งโรงแรมก็เยอะขึ้น ทำให้ต้องแข่งขันกันทางด้านราคา ดั้มราคากันลง ใครอยู่ไหวคือคนสายป่านยาว เราลองเดินเที่ยวๆ ดูก็พบว่านักท่องเที่ยวน้อยลงมากจริงๆ ไม่ใช่แค่ช่วง low season นะคะ เราสังเกตมาตลอด คือนักท่องเที่ยวมี แต่ลดลง โอเคนะ
ตัดมาที่ร้านอาหารของเรา โชคดีที่เราทำในที่ของตัวเอง เป็นร้านอาหารกึ่งออแกนิค คือปลูกผัก ผลไม้ แล้วนำมาประกอบอาหาร ทำให้ต้นทุนตรงนี้พอที่จะลดลงไปได้บ้าง ราคาขายเลยขายไม่แพงมาก เริ่มต้นที่จานละ 80 บาท (เป็นกับข้าวนะคะ ไม่ใช่อาหารตามสั่ง) ผัก ผลไม้ที่ปลูกก็เอามาจำหน่าย รวมถึงเราลงทุนเครื่องสีข้าวในครัวเรือน ก็จับเอาแนวทางนี้มา เท่าที่สังเกตตั้งแต่ช่วงเดือนกค. เป็นต้นมาคือ คนเริ่มน้อย ตอนแรกก็นึกว่าเพราะฝนตกรึป่าว แต่ฝนไม่ตกคนก็เริ่มน้อยอยู่ดี บางวันขายได้แค่ 2 โต๊ะ ก็หนักหนาเหมือนกันค่ะ พอสอบถามเพื่อนๆ ที่ทำร้านอาหารในเมือง หลายคนต้องปรับตัวกันเยอะมาก เช่น ร้านติ่มซำ ตอนเช้าขายติ่มซำ ตอนเย็นมาขายข้าวต้ม บางร้านก็ลดสาขาลง เพราะคนไม่มี ลูกค้าหมุนเวียนน้อยลง เหมือนคนไม่ใช้เงินกันอ่ะค่ะ ทุกคนรัดกุมกันมากขึ้น
และสุดท้าย เพื่อนๆ เราที่ทำงานออฟฟิสกันในกรุงเทพ ก็พยายามรักษาตำแหน่งกันไว้อย่างเหนียวแน่นที่สุด กลัวโดน lay off บ้าง ต้นทุนค่าครองชีพก็สูงขึ้น มีบ่นๆ กันค่ะ
ก็เลยอยากชวนทุกคนมาคุยๆ กัน ว่าต่อไปหลังจากนี้ ทุกคนคิดว่าเศรษฐกิจน่าจะไปในทิศทางไหนคะ ปีหน้าจะดุเดือดกว่านี้รึป่าว เราต้องเตรียมการกันยังไงไว้บ้าง มาแลกเปลี่ยนความคิดกันค่ะ
ปล. เราเชื่อว่าธุรกิจหลายคนปรับตัวกันแล้วนะ จากไม่ online ก็ทำกัน ใช้ grab ใช้ panda food ทำทุกสิ่งอันที่มันจะทำให้ธุรกิจไปต่อได้ รวมถึงธุรกิจอื่นๆ ด้วย ประเด็นนี้ขอปัดตกไปนะคะ ขอบคุณค่ะ
มาทายเศรษฐกิจปีหน้ากันดีกว่า ว่าจะเป็นไปในทิศทางไหน
ในส่วนของเรา ทำโฮสเทล ร้านอาหาร ..,, ขอเล่าส่วนของโฮสเทลก่อน เราอยู่ในจังหวัดหนึ่งทางภาคใต้ของไทย ที่มีการจัดระเบียบโดยทหารร่วมกับทางจังหวัด ตอนนั้นวุ่นมากๆ รัฐพยายามให้โฮสเทลเหล่านี้เข้าระบบเหมือนโรงแรม แต่ปัญหาก็มีตั้งแต่การไม่มีหลักรองรับโฮสเทลให้ถูกต้อง หรือพรบ.อาคารต่างๆ บางคนที่เช่าตึก ได้สัญญามาไม่นาน (เช่นของเราได้มา 6 ปี ปีที่รัฐเข้ามาจัดการเราดำเนินธุรกิจไปแล้ว เข้าปีที่ 3 แสดงว่าเหลือสัญญาอีกประมาณ 3 ปี) อบต.พยายามให้ทุกรายทำให้ถูกต้อง ตอนนั้นโฮสเทลทุกรายแทบจะต้องปิดให้บริการ เนื่องจากถ้าเปิดให้บริการจะมีค่าปรับ ในส่วนของเราเองก็ได้ปรึกษากับครอบครัว เห็นว่า การจะทำให้ถูกต้องตามพรบ.อาคารและอื่นๆ ที่ประกาศมาตอนนั้น ต้องใช้งบอีกมาก (หลักล้าน++) ประกอบกับตอนนั้นนักท่องเที่ยวเริ่มลดลง โฮสเทลแข่งกันด้านราคา มากกว่าการบริการหรือแม้กระทั่งความสะอาด 555 จึงยุติการทำโฮสเทลค่ะ เพราะคิดว่ารายได้ที่ได้มา ไม่คุ้มกับที่ต้องจ่ายไป รวมถึงต้นทุนรายเดือนต่างๆ ด้วย
ตัดมาที่ตอนนี้ เพื่อนๆ ที่ยังทำอยู่ บอกว่านักท่องเที่ยวน้อยลงมากๆ คู่แข่งทั้งโรงแรมก็เยอะขึ้น ทำให้ต้องแข่งขันกันทางด้านราคา ดั้มราคากันลง ใครอยู่ไหวคือคนสายป่านยาว เราลองเดินเที่ยวๆ ดูก็พบว่านักท่องเที่ยวน้อยลงมากจริงๆ ไม่ใช่แค่ช่วง low season นะคะ เราสังเกตมาตลอด คือนักท่องเที่ยวมี แต่ลดลง โอเคนะ
ตัดมาที่ร้านอาหารของเรา โชคดีที่เราทำในที่ของตัวเอง เป็นร้านอาหารกึ่งออแกนิค คือปลูกผัก ผลไม้ แล้วนำมาประกอบอาหาร ทำให้ต้นทุนตรงนี้พอที่จะลดลงไปได้บ้าง ราคาขายเลยขายไม่แพงมาก เริ่มต้นที่จานละ 80 บาท (เป็นกับข้าวนะคะ ไม่ใช่อาหารตามสั่ง) ผัก ผลไม้ที่ปลูกก็เอามาจำหน่าย รวมถึงเราลงทุนเครื่องสีข้าวในครัวเรือน ก็จับเอาแนวทางนี้มา เท่าที่สังเกตตั้งแต่ช่วงเดือนกค. เป็นต้นมาคือ คนเริ่มน้อย ตอนแรกก็นึกว่าเพราะฝนตกรึป่าว แต่ฝนไม่ตกคนก็เริ่มน้อยอยู่ดี บางวันขายได้แค่ 2 โต๊ะ ก็หนักหนาเหมือนกันค่ะ พอสอบถามเพื่อนๆ ที่ทำร้านอาหารในเมือง หลายคนต้องปรับตัวกันเยอะมาก เช่น ร้านติ่มซำ ตอนเช้าขายติ่มซำ ตอนเย็นมาขายข้าวต้ม บางร้านก็ลดสาขาลง เพราะคนไม่มี ลูกค้าหมุนเวียนน้อยลง เหมือนคนไม่ใช้เงินกันอ่ะค่ะ ทุกคนรัดกุมกันมากขึ้น
และสุดท้าย เพื่อนๆ เราที่ทำงานออฟฟิสกันในกรุงเทพ ก็พยายามรักษาตำแหน่งกันไว้อย่างเหนียวแน่นที่สุด กลัวโดน lay off บ้าง ต้นทุนค่าครองชีพก็สูงขึ้น มีบ่นๆ กันค่ะ
ก็เลยอยากชวนทุกคนมาคุยๆ กัน ว่าต่อไปหลังจากนี้ ทุกคนคิดว่าเศรษฐกิจน่าจะไปในทิศทางไหนคะ ปีหน้าจะดุเดือดกว่านี้รึป่าว เราต้องเตรียมการกันยังไงไว้บ้าง มาแลกเปลี่ยนความคิดกันค่ะ
ปล. เราเชื่อว่าธุรกิจหลายคนปรับตัวกันแล้วนะ จากไม่ online ก็ทำกัน ใช้ grab ใช้ panda food ทำทุกสิ่งอันที่มันจะทำให้ธุรกิจไปต่อได้ รวมถึงธุรกิจอื่นๆ ด้วย ประเด็นนี้ขอปัดตกไปนะคะ ขอบคุณค่ะ