ขอออกตัวก่อนว่า วันนี้ไม่ได้ต้องการอะไรจากทางบริษัทตัวแทนนะคะ ดิฉันเพียงแค่ต้องการมารีวิวประสบการณ์การใช้บริการตัวแทนขายประกันภัยรถยนต์บริษัท ทคอ.
ในกรณีของดิฉัน ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรค่ะ แต่มันมีจุดสังเกตที่อยากให้ผู้บริโภคอย่างเราระมัดระวังไว้เวลาจะเลือกซื้อประกันภัยรถยนต์ทางโทรศัพท์ค่ะ มาเริ่มกัน...
ปกติดิฉันจะทำประกันรถยนต์ชั้น 1 เสมอ หลายปีผ่านไปดิฉันก็ยังคงซื้อประกันรถยนต์ชั้น 1 ดิฉันเริ่มใช้บริการตัวแทนรายนี้ในช่วงปีที่ 2 ของการมีรถยนต์เลยก็ว่าได้ เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่โทรเข้ามาติดต่อ (ไม่แน่ใจว่าได้ข้อมูลจากไหน) ดิฉันก็ตัดสินใจซื้อประกันผ่านทางโทรศัพท์ และได้รับบริการโดยไม่มีปัญหา
จนกระทั่งเริ่มเข้าปีที่ 3 ประมาณเดือนเมษายน ก็มีพนักงานโทรเข้ามาติดต่อเช่นเคยให้ต่อประกัน ดิฉันแจ้งเค้าไปว่าต้องการเปรียบเทียบเบี้ยประกันกับบริษัทประกันเจ้าอื่นๆ เพราะรถเราเริ่มเสื่อมสภาพ ทุนประกันเริ่มลดลง และต้องการดูราคาและบริการจากเจ้าอื่นๆ เพิ่มเติม แต่พนักงานไม่เคยให้รายละเอียดใดๆ ตามที่ดิฉันขอเลย เวลาผ่านไป ในเดือน มิถุนายน พนักงานกลับมาถามอีกว่า จะต่อประกันมั้ย (คำถามเก่ายังไม่ได้รับคำตอบ) ดิฉันก็ตอบรับว่าขอต่อประกันไปในช่วงเดือนมิถุนายนนั้น โดยหลังแจ้ง พนักงานคนเดิมก็โทรเข้ามายืนยันข้อมูล ตัดบัตรเครดิต แจ้งว่าใช้รหัสตัวแทนขายประกันของอีกคนหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่ตัวเค้า เรารับฟังและทำตามกระบวนการ ดิฉันได้ถามย้ำว่าดิฉันต้องการส่วนลดค่าติดกล้องหน้ารถตามกฎหมายด้วย 5%
เมื่อได้รับใบเสร็จพร้อมรายละเอียด ดิฉันตรวจพบว่าไม่มีส่วนลดกล้องหน้ารถ และแจ้งพนักงานไปตอนที่ได้รับเอกสาร อีกทั้งย้ำว่าบริษัท ท. ตัดเงินบัตรดิฉันไปแล้วแต่ไม่ได้สิทธิ์ตามต้องการ โดยพนักงานคนเดิมโทรกลับและแจ้งว่ารายการลดจะปรากฎในกรมธรรม์ ให้รอกรมธรรม์ก่อน (ประกันดิฉันจะหมดช่วง กรกฎาคม ของทุกปี)
เมื่อได้กรมธรรม์ในเดือนกรกฎาคม ก็ยังไม่พบส่วนลดใดๆ จึงแจ้งไปที่บริษัท ท. พร้อมแจ้งไปในไลน์ด้วยถึงข้อกังวลของเรา พนักงานคนเดิมรับเรื่องและแจ้งจะโทรกลับ แต่ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ยังไม่เคยติดต่อมาเลย
จนเวลาผ่านมาจนถึงเดือนกันยายน ดิฉันสามารถตามเรื่องต่อได้ จึงโทรกลับไปถามว่าเรื่องเป็นมาอย่างไร เริ่มรู้สึกหงุดหงิดที่ต้องตามเรื่องเองทุกครั้ง คอลเซ็นเตอร์แจ้งว่าจะให้คนดูแลโทรกลับ ดิฉันเริ่มเกิดความคิดว่ากรมธรรม์ที่ได้อาจไม่ใช่ของจริง จึงโทรไปหาบริษัทประกันโดยตรงและสอบถามว่าเบี้ยที่ชำระนี้รวมค่าส่วนลดกล้องติดรถยนต์หรือไม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตอบว่า “ไม่รวม” เนื่องจากไม่มีการส่งหลักฐานการติดกล้องหน้ารถเข้ามา ถึงตอนนี้ ดิฉันเข้าใจแล้วว่าดิฉันไม่ได้สิทธิ์เท่าที่ควรได้เพราะบริษัท ท. ไม่มีความรู้ความชำนาญใดๆ ต้องการแค่ขายประกันให้ลูกค้าและหลอกให้รอคอยมาตลอด
ดิฉันโทรกลับไปที่บริษัท ท. โดยไม่รอให้คนดูแลของบริษัท ท. โทรกลับ (รวมถึง บริษัท ท. ยังไม่โทรกลับ) และแจ้งไปว่าขอเปลี่ยนคนดูแล คนติดต่อเพราะติดต่อกับพนักงานคนเดิมนี้มาหลายเดือนจนทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ แต่ดิฉันกลับโดนต่อสายไปยังพนักงานคนเดิม และเค้าพยายามขอแก้ไข ถามอีกว่าดิฉันเคยขอส่วนลดนี้มาก่อนหรือไม่ ซึ่งตลอดเวลาที่ทำประกันผ่านบริษัท ท. มามีส่วนลดนี้ตลอด เค้าควรมีฐานข้อมูล พนักงานจึงแก้ต่างจะให้บริษัท ท. เข้าไปถ่ายกล้องหน้ารถและดำเนินการขอคืนเงิน ดิฉันได้แต่ถามกลับว่า แล้วเรื่องนี้ต้องใช้เวลาไปอีกนานแค่ไหน ซึ่งไม่มีใครให้คำตอบได้ ดิฉันก็ยืนยันขอคุยกับคนดูแลคนอื่น พนักงานเลยบอกให้รอหัวหน้า แล้ววางสาย
จากนั้นผ่านไปเกือบชั่วโมง ก็ยังไม่ได้รับการติดต่อ ดิฉันจึงไปร้องเรียนหน้าเว็บไซต์บริษัท ท.
วันรุ่งขึ้นหัวหน้าพนักงานโทรมาหาและกล่าวขอโทษพร้อมขอให้เข้ามาถ่ายรูปกล้องติดหน้ารถ ดิฉันปฏิเสธและขอให้บริษัทอย่าติดต่อหรือโทรเข้ามาต่อประกันหรือใดๆ อีก เพราะจะเป็นปีสุดท้ายที่จะใช้บริการ และจะไม่แนะนำใครอีก
คือด้วยจำนวนเงินมันไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่มันเป็นสิทธิ์ตามกฎหมายที่ลูกค้าควรได้รับ แถมเราแจ้งและทวงถามทุกครั้ง ซึ่งพนักงานนอกจากไม่ติดตาม ไม่โทรกลับ ไม่ให้รายละเอียด ยังหลอกลวงลูกค้าต่อเรื่อยๆ อีกด้วย
ที่มาเขียนวันนี้ไม่ได้ต้องการเจาะจงให้ใครเดือดร้อน แต่วิธีการปฏิบัติงานหรือวิธีการดูแลลูกค้าแบบนี้ควรปรับปรุงที่สุด ทำให้เกิดคำถามมากมายตั้งแต่
1. เราสามารถใช้รหัสตัวแทนขายประกันของบุคคลอื่นได้ด้วยหรือไม่? (ส่วนตัวแล้ว คิดว่าเนื่องด้วยบริษัท ท. เป็นบริษัทตัวแทน ย่อมรู้กฎหมายว่าอาจทำได้จึงเทรนพนักงานในแนวทางนี้ แต่ในทางปฏิบัติในฐานะผู้บริโภคย่อมเกิดข้อสงสัยว่าสามารถทำได้หรือไม่)
2. ใช้ชื่อเล่นในการติดต่อกับลูกค้าเสมอ (ดูไม่เป็นทางการ ไม่น่าเชื่อถือ)
3. ไม่รู้ข้อมูลจริงและหลอกลวงให้รอ โดยไม่ติดตามหรือพยายามอธิบายแถมกล่าวโทษลูกค้า แสดงถึงความน่าเชื่อถือบริษัทและความไม่เป็นมืออาชีพ
4. ไม่มีความพยายามแก้ปัญหาหรือการแก้ปัญหาสร้างภาระให้ลูกค้าต่อเนื่องไปอีก ทั้งที่ลูกค้าก็ยินดีที่จะทำตามกระบวนการตั้งแต่แรก แค่ต้องแจ้งให้ทราบ แสดงความไม่เป็นมืออาชีพอีกเช่นกัน
สรุป ดิฉันยอมรับว่าดิฉันอาจสะเพร่าที่ไม่ทราบกระบวนการนี้มาก่อน แต่ดิฉันก็เป็นฝ่ายติดต่อบริษัท ท. ทุกครั้งเพื่อเรียกร้องสิทธิ์ตามกฎหมาย ดิฉันอยากให้ผู้บริโภคตรวจสอบดีๆ อย่าเพิ่งจ่ายอะไรไปโดยที่เงื่อนไขที่ปรากฎยังไม่ครบถ้วน ไม่เช่นนั้น อาจต้องมาตามปวดหัวกับเรื่องแบบนี้ก็เป็นได้ เข้าใจว่าทุกคนมีเรื่องอื่นๆ ต้องทำอีกเยอะ จึงไม่ควรเสียเวลามาตรงนี้มาก เนื่องจากเรามีตัวแทนแล้ว เราก็ควรได้รับความสะดวกในระดับนึง แต่ถ้าเราได้ตัวแทนแย่ๆ ก็จะเป็นเรื่องแบบนี้ค่ะ
ใครเข้ามาอ่านก็ขอขอบคุณนะคะ หวังว่าจะเป็นประโยชน์บ้างค่ะ
(ปล. ยืมแอคเคาท์มานะคะ)
[CR] รีวิว!! บริษัท ทคอ. ตัวแทนขายประกันภัยรถยนต์ชื่อดัง
ในกรณีของดิฉัน ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรค่ะ แต่มันมีจุดสังเกตที่อยากให้ผู้บริโภคอย่างเราระมัดระวังไว้เวลาจะเลือกซื้อประกันภัยรถยนต์ทางโทรศัพท์ค่ะ มาเริ่มกัน...
ปกติดิฉันจะทำประกันรถยนต์ชั้น 1 เสมอ หลายปีผ่านไปดิฉันก็ยังคงซื้อประกันรถยนต์ชั้น 1 ดิฉันเริ่มใช้บริการตัวแทนรายนี้ในช่วงปีที่ 2 ของการมีรถยนต์เลยก็ว่าได้ เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่โทรเข้ามาติดต่อ (ไม่แน่ใจว่าได้ข้อมูลจากไหน) ดิฉันก็ตัดสินใจซื้อประกันผ่านทางโทรศัพท์ และได้รับบริการโดยไม่มีปัญหา
จนกระทั่งเริ่มเข้าปีที่ 3 ประมาณเดือนเมษายน ก็มีพนักงานโทรเข้ามาติดต่อเช่นเคยให้ต่อประกัน ดิฉันแจ้งเค้าไปว่าต้องการเปรียบเทียบเบี้ยประกันกับบริษัทประกันเจ้าอื่นๆ เพราะรถเราเริ่มเสื่อมสภาพ ทุนประกันเริ่มลดลง และต้องการดูราคาและบริการจากเจ้าอื่นๆ เพิ่มเติม แต่พนักงานไม่เคยให้รายละเอียดใดๆ ตามที่ดิฉันขอเลย เวลาผ่านไป ในเดือน มิถุนายน พนักงานกลับมาถามอีกว่า จะต่อประกันมั้ย (คำถามเก่ายังไม่ได้รับคำตอบ) ดิฉันก็ตอบรับว่าขอต่อประกันไปในช่วงเดือนมิถุนายนนั้น โดยหลังแจ้ง พนักงานคนเดิมก็โทรเข้ามายืนยันข้อมูล ตัดบัตรเครดิต แจ้งว่าใช้รหัสตัวแทนขายประกันของอีกคนหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่ตัวเค้า เรารับฟังและทำตามกระบวนการ ดิฉันได้ถามย้ำว่าดิฉันต้องการส่วนลดค่าติดกล้องหน้ารถตามกฎหมายด้วย 5%
เมื่อได้รับใบเสร็จพร้อมรายละเอียด ดิฉันตรวจพบว่าไม่มีส่วนลดกล้องหน้ารถ และแจ้งพนักงานไปตอนที่ได้รับเอกสาร อีกทั้งย้ำว่าบริษัท ท. ตัดเงินบัตรดิฉันไปแล้วแต่ไม่ได้สิทธิ์ตามต้องการ โดยพนักงานคนเดิมโทรกลับและแจ้งว่ารายการลดจะปรากฎในกรมธรรม์ ให้รอกรมธรรม์ก่อน (ประกันดิฉันจะหมดช่วง กรกฎาคม ของทุกปี)
เมื่อได้กรมธรรม์ในเดือนกรกฎาคม ก็ยังไม่พบส่วนลดใดๆ จึงแจ้งไปที่บริษัท ท. พร้อมแจ้งไปในไลน์ด้วยถึงข้อกังวลของเรา พนักงานคนเดิมรับเรื่องและแจ้งจะโทรกลับ แต่ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ยังไม่เคยติดต่อมาเลย
จนเวลาผ่านมาจนถึงเดือนกันยายน ดิฉันสามารถตามเรื่องต่อได้ จึงโทรกลับไปถามว่าเรื่องเป็นมาอย่างไร เริ่มรู้สึกหงุดหงิดที่ต้องตามเรื่องเองทุกครั้ง คอลเซ็นเตอร์แจ้งว่าจะให้คนดูแลโทรกลับ ดิฉันเริ่มเกิดความคิดว่ากรมธรรม์ที่ได้อาจไม่ใช่ของจริง จึงโทรไปหาบริษัทประกันโดยตรงและสอบถามว่าเบี้ยที่ชำระนี้รวมค่าส่วนลดกล้องติดรถยนต์หรือไม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตอบว่า “ไม่รวม” เนื่องจากไม่มีการส่งหลักฐานการติดกล้องหน้ารถเข้ามา ถึงตอนนี้ ดิฉันเข้าใจแล้วว่าดิฉันไม่ได้สิทธิ์เท่าที่ควรได้เพราะบริษัท ท. ไม่มีความรู้ความชำนาญใดๆ ต้องการแค่ขายประกันให้ลูกค้าและหลอกให้รอคอยมาตลอด
ดิฉันโทรกลับไปที่บริษัท ท. โดยไม่รอให้คนดูแลของบริษัท ท. โทรกลับ (รวมถึง บริษัท ท. ยังไม่โทรกลับ) และแจ้งไปว่าขอเปลี่ยนคนดูแล คนติดต่อเพราะติดต่อกับพนักงานคนเดิมนี้มาหลายเดือนจนทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ แต่ดิฉันกลับโดนต่อสายไปยังพนักงานคนเดิม และเค้าพยายามขอแก้ไข ถามอีกว่าดิฉันเคยขอส่วนลดนี้มาก่อนหรือไม่ ซึ่งตลอดเวลาที่ทำประกันผ่านบริษัท ท. มามีส่วนลดนี้ตลอด เค้าควรมีฐานข้อมูล พนักงานจึงแก้ต่างจะให้บริษัท ท. เข้าไปถ่ายกล้องหน้ารถและดำเนินการขอคืนเงิน ดิฉันได้แต่ถามกลับว่า แล้วเรื่องนี้ต้องใช้เวลาไปอีกนานแค่ไหน ซึ่งไม่มีใครให้คำตอบได้ ดิฉันก็ยืนยันขอคุยกับคนดูแลคนอื่น พนักงานเลยบอกให้รอหัวหน้า แล้ววางสาย
จากนั้นผ่านไปเกือบชั่วโมง ก็ยังไม่ได้รับการติดต่อ ดิฉันจึงไปร้องเรียนหน้าเว็บไซต์บริษัท ท.
วันรุ่งขึ้นหัวหน้าพนักงานโทรมาหาและกล่าวขอโทษพร้อมขอให้เข้ามาถ่ายรูปกล้องติดหน้ารถ ดิฉันปฏิเสธและขอให้บริษัทอย่าติดต่อหรือโทรเข้ามาต่อประกันหรือใดๆ อีก เพราะจะเป็นปีสุดท้ายที่จะใช้บริการ และจะไม่แนะนำใครอีก
คือด้วยจำนวนเงินมันไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่มันเป็นสิทธิ์ตามกฎหมายที่ลูกค้าควรได้รับ แถมเราแจ้งและทวงถามทุกครั้ง ซึ่งพนักงานนอกจากไม่ติดตาม ไม่โทรกลับ ไม่ให้รายละเอียด ยังหลอกลวงลูกค้าต่อเรื่อยๆ อีกด้วย
ที่มาเขียนวันนี้ไม่ได้ต้องการเจาะจงให้ใครเดือดร้อน แต่วิธีการปฏิบัติงานหรือวิธีการดูแลลูกค้าแบบนี้ควรปรับปรุงที่สุด ทำให้เกิดคำถามมากมายตั้งแต่
1. เราสามารถใช้รหัสตัวแทนขายประกันของบุคคลอื่นได้ด้วยหรือไม่? (ส่วนตัวแล้ว คิดว่าเนื่องด้วยบริษัท ท. เป็นบริษัทตัวแทน ย่อมรู้กฎหมายว่าอาจทำได้จึงเทรนพนักงานในแนวทางนี้ แต่ในทางปฏิบัติในฐานะผู้บริโภคย่อมเกิดข้อสงสัยว่าสามารถทำได้หรือไม่)
2. ใช้ชื่อเล่นในการติดต่อกับลูกค้าเสมอ (ดูไม่เป็นทางการ ไม่น่าเชื่อถือ)
3. ไม่รู้ข้อมูลจริงและหลอกลวงให้รอ โดยไม่ติดตามหรือพยายามอธิบายแถมกล่าวโทษลูกค้า แสดงถึงความน่าเชื่อถือบริษัทและความไม่เป็นมืออาชีพ
4. ไม่มีความพยายามแก้ปัญหาหรือการแก้ปัญหาสร้างภาระให้ลูกค้าต่อเนื่องไปอีก ทั้งที่ลูกค้าก็ยินดีที่จะทำตามกระบวนการตั้งแต่แรก แค่ต้องแจ้งให้ทราบ แสดงความไม่เป็นมืออาชีพอีกเช่นกัน
สรุป ดิฉันยอมรับว่าดิฉันอาจสะเพร่าที่ไม่ทราบกระบวนการนี้มาก่อน แต่ดิฉันก็เป็นฝ่ายติดต่อบริษัท ท. ทุกครั้งเพื่อเรียกร้องสิทธิ์ตามกฎหมาย ดิฉันอยากให้ผู้บริโภคตรวจสอบดีๆ อย่าเพิ่งจ่ายอะไรไปโดยที่เงื่อนไขที่ปรากฎยังไม่ครบถ้วน ไม่เช่นนั้น อาจต้องมาตามปวดหัวกับเรื่องแบบนี้ก็เป็นได้ เข้าใจว่าทุกคนมีเรื่องอื่นๆ ต้องทำอีกเยอะ จึงไม่ควรเสียเวลามาตรงนี้มาก เนื่องจากเรามีตัวแทนแล้ว เราก็ควรได้รับความสะดวกในระดับนึง แต่ถ้าเราได้ตัวแทนแย่ๆ ก็จะเป็นเรื่องแบบนี้ค่ะ
ใครเข้ามาอ่านก็ขอขอบคุณนะคะ หวังว่าจะเป็นประโยชน์บ้างค่ะ
(ปล. ยืมแอคเคาท์มานะคะ)
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้