เรื่องสั้น อ้างว้าง โดย ส.ชยปาน

กระทู้สนทนา
เรื่องสั้น อ้างว้าง
โดย ส.ชยปาน

ภายในกระท่อมที่มุงด้วยสังกะสีอันผุเก่า และไม้ฝาหลายขนาดที่ถูกตีแปะไว้พอหยาบๆ กลางสวนไผ่ที่ห่างจากหมู่บ้านไปไม่ไกลนัก

“ทรมานเหลือเกิน...” เสียงพึมพำสั่นเครือในห้วงความคิด ขณะที่ร่างกายอันผ่ายผอมดูเหมือนมีแต่หนังหุ้มกระดูก ไม่ใส่เสื้อกำลังนอนแน่นิ่งไม่เคลื่อนไหว อยู่บนที่นอนสีดำคล้ำอันซอมซ่อและดูสกปรกนั้น

ตาสุขกับยายสา ทั้งคู่เปรียบเสมือนลมหายใจของกันและกัน ทั้งสองมาจากอีสานได้มาอาศัยอยู่ที่นี่ห้าปีแล้ว ลูกชายคนเดียวที่มีก็หนีออกจากบ้านไป ไม่เคยหวนกลับมาดูแลพ่อกับแม่เลยแม้แต่ครั้งเดียวตั้งแต่สองปีก่อน ได้ยินข่าวว่าไปลงเรือกับเพื่อน แล้วก็หายเงียบไปนับตั้งแต่นั้น

ตาสุขยังคงนอนแน่นิ่งไม่เคลื่อนไหว มีเพียงหน้าท้องอันแบนราบขยับขึ้นลงอย่างแผ่วเบาเท่านั้นและไม่สามารถลุกไปไหนมาสองวันแล้ว แกเป็นโรคอัมพาตมาหลายปี แข้งขาหมดเรี่ยวแรง แม้จะลุกนั่งยังไม่ไหว ต้องให้ยายสาผู้เป็นภรรยาเฝ้าคอยพยุงช่วยเหลือ

“ตา...อยู่นี่นะ เดี๋ยวฉันจะไปหาน้ำมาให้กิน” ยายสาจับมืออันเหี่ยวย่นของผู้เป็นสามีเขย่าเบา ๆ แล้วมองออกไปสู่หมู่บ้านที่อยู่ไกลอีกฟากทุ่งนาอันแล้งร้อน เพราะฝนไม่ตกบ่อน้ำจึงแห้งขอด น้ำในตุ่มก็หมดเกลี้ยง แกจึงจำเป็นต้องเข้าไปในหมู่บ้านในยามใกล้ค่ำของวันที่ร้อนอบอ้าวนั้น ตาสาได้แต่กลอกตาไปมาช้า ๆ เป็นสัญญาณรับรู้ ในใจนั้นเล่าก็นึกหวั่น กลัวงูยามค่ำคืนยิ่งนัก

เวลาเที่ยงวันเช่นนี้ช่างร้อนอบอ้าวเสียจริง เหมือนกับว่าดวงอาทิตย์ทั้งดวงลอยลงมาอยู่บนหัวก็ปานนั้น เนื้อตัวขยับไม่ได้ แผ่นหลังก็เริ่มเป็นแผล เหงื่อซึมยิ่งทำให้เจ็บแปลบเกินจะทนไหว แมลงวันหลายตัวเริ่มบินว่อนวนไปมารอบ ๆ ตัว

“ทรมานเหลือเกิน...” เสียงแผ่วเบาดังขึ้นในห้วงคิดนับไม่ได้ว่ากี่ครั้งแล้ว หน้าท้องยุบลงเป็นหลุมลึกเพราะไม่ได้กินข้าวมาหลายวัน ดวงตาสีขาวหม่นที่ลึกกลวงโบ๋เหมือนมีค้อนตอกเข้าไปกลอกไปมาช้า ๆ สองวันแล้วที่ยายสาได้หายไปไม่หวนกลับคืนมาหาแก ความคิดมากมายผุดพรายขึ้นมาตอกย้ำความรู้สึก แกคงจะโดนทิ้งอีกครั้งเป็นแน่ เหมือนกับลูกชายเมื่อหลายปีก่อน ความเจ็บช้ำในคราวนั้นมันยังไม่เคยจางหาย และยังวนเวียนอยู่ในใจตลอดมา แม้ในยามหลับก็ตาม ภาพเก่า ๆ เมื่อครั้งยังมีความสุขตามอัตภาพของครอบครัวเล็ก ๆ ครอบครัวหนึ่งเริ่มฉายขึ้นมาให้เห็นชัดเจน แต่แล้วมันก็จบลงในวันนี้ที่มืดสลัวจนได้ แกโดนภรรยาผู้เป็นที่รักยิ่งซึ่งเป็นคนสุดท้ายที่จะฝากชีวิตและดูแลกันจวบจนลมหายใจเฮือกสุดท้าย ได้ทิ้งให้แกนอนอยู่คนเดียว ไร้เพื่อน ไร้ญาติ มีแต่หมู่แมลงวัน และฝูงยุงที่บินวนส่งเสียงร้องก้องในหูผสมกับเสียงกอไผ่สีกันดังออดแอดอยู่แค่นั้น มิหนำซ้ำความร้อนจากดวงอาทิตย์ก็เหมือนจะตอกย้ำกระหน่ำลงมาอีก บางครั้งแกคิดอยากจะให้ดวงอาทิตย์ที่ร้อนแรงนั้นแผดเผาลงมาให้ร่างกายที่สร้างแต่ปัญหาให้กับคนอื่น และไร้ประโยชน์นี้ ให้มันมอดไหม้หายไปจากโลกนี้เสียที

คืนนี้แกคงจะต้องนอนคนเดียวอีกแล้ว ลมหายใจเริ่มรวยรินลง นัยน์ตาเหม่อลอย ความหิวกระหายถั่งโถมเข้ามากระหน่ำซ้ำอีกหลายครั้งจนรู้สึกเจ็บแปลบไปทั้งลำไส้ น้ำตาแห่งความอ้างว้างเหมือนถูกทอดทิ้งอย่างไร้ค่า เริ่มไหลออกมาเป็นหยดเล็ก ๆ อยู่ในเบ้าตาอันมืดดำ หารู้ไม่ว่า ยังมีอีกร่างหนึ่งซึ่งนอนขดอยู่ปลายเท้าของแก ยายสานั่นเอง ข้อเท้าขวาที่บวมเป่งมีคราบเลือดแห้งเกรอะกรังเหมือนเป็นรอยเขี้ยวงู ดวงตาของยายเบิกกว้าง จ้องไปทางผู้เป็นสามี ในมือกำขันน้ำที่เหลืออยู่ค่อนขันมีมดสีดำไต่อยู่รอบ ๆ เอาไว้แน่น.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่