เรามีโครงงานอยู่ชิ้นหนึ่งที่ต้องทำเป็นกลุ่ม ในวันที่เราจะพรีเซนต์งานดันเกิดพังขึ้นมาก็เลยซ่อมแบบลวกๆไปก่อนเพราะมันจะไม่ทันเเล้ว ทำให้ชิ้นงานของเราออกมาไม่สวยเท่าไหร่นัก ทำให้กลุ่มของเราต้องแก้ เราก็เลยต้องเอางานกลับมาทำ ซึ่งเราทำชิ้นงานเกี่ยวกับการต่อไฟฟ้า ซึ่งเราไม่เก่งนักวันนั้นก่อนพรีเซนต์เพื่อนให้เราเอากลับมา และให้เราดูแลไม่ตั้งใจอยากคิดร้ายกับเพื่อน แต่ในความรู้สึกของเราตอนนั่นเหมือนเพื่อนในกลุ่มจะผลักงานมาให้เรา แต่เราก็ไม่อยากทะเลาะอะไรกับเพื่อนเลยเอากลับมาทุกครั้ง จนครั้งนี้ที่งานต้องแก้เพื่อนที่พอจะทำได้กลับไปม่เอางานไปทำ แต่กลับเหลืองานไว้ให้เราทำ และให้เราเก็บกวาด เราที่ไหนๆก็ทำมาตั้งนานเเล้ว จะทำอีกหน่อยจะเป็นไรไป เมื่อคิดเช่นนั้นเราจึงนำกลับมาทำ ซึ่งด้วยความที่เราต่อไม่เก่งเราเลยขอให้ผู้ปกครองเราช่วยทำ แต่ในขณะที่แก้ เหมือนผู้ปกครองเราจะทำผิดพลาดสักอย่างมันเลยพังหมดเลย ตอนนั้นเราเกือบจะร้องไห้ ผู้ปกครองบอกเราว่าจะแก้ให้ เราก็เชื่อแต่เราก็เครียดด้วยว่ามันจะทำทันไหม เพราะอีกไม่กี่วันเราต้องพรีเซนต์แล้ว ผู้ปกครองของเราก็บอกว่าทำได้ทันแน่นอน เราเห็นเขาแก้ให้เราหลาบรอบมาก หมดเงินไปเยอะแต่มันก็ยังไม่สำเร็จ เพื่อนในกลุ่มถามเราบ่อยๆว่าเสร็จรึยังเราก็ได้แต่ตอบว่ายังไม่เสร็จ เพื่อนก็บอกให้รีบทำให้เสร็จ เพราะโครงงงานนี้มีผลต่อคะแนนทั้งกลุ่ม จนถึงวันที่ต้องพรีเซนต์งานที่เราขอให้ผู้ปกครองแก้ให้ก็ยังไม่สำเร็จ ตอนนี้เราเครียดมาก ผู้ปกครองเราก็เลยบอกว่าให้เอาไปทำกับเพื่อนต่อให้เสร็จ แต่อุปกรณ์ของเราที่ใช้ทำเริ่มใช้ได้ไม่ดีเเล้ว และกลุ่มเรามีแต่คนที่ฝากความหวังไว้กับเราเหมือนเราแบกภาระไว้บนบ่า มันทำให้เราเครียด เริ่มโทษตนเองและมีความคิดอยากตาย ในความคิดของเราตอนนั่นเราคิดว่าแค่เรื่องโครงงานแค่นี้ยังแก้ไม่ได้นับประสาอะไรกับการใช้ชีวิตในอนาคต ตอนนี้เราเครียดมากๆเรื่องนี่เราขี้ขลาดมาก เราไม่อยากฟังคำติเตียนผิดหวังจากเพื่อน หรือสายตาหมดหวังจากเพื่อน เพราะเราทำนิสัยที่อยู่ในพื้นที่เซฟโซนจนชิน(อยู่แบบไม่สร้างปัญหา ไมาสร้างภาระให้กับตน) เราคิดว่าเราทนไม่ได้ที่ต้องถูกมองด้วยสายตาแบบนั้น ตอนนี้เราดูเป็นคนที่คิดแต่ด้านลบมาก เพราะว่ามันเครียด แต่ว่าคนไร้ค่าอย่างเราในตอนนี้คงคิดด้านบวกไม่ออกเเล้วล่ะคะ55555 เครียดดีจัง......
เครียดเรื่องเรียน