เคยมีคนวิจารณ์พฤติกรรมการเชียร์บอลนอกของคนไทยมาตั้งแต่สมัยผมยังเรียนมัธยมนะครับ แล้วก็เป็นเรื่องที่ผมคิดมาตั้งแต่ตอนนั้นว่าคนไทยสมัยนี้เชียร์บอลนอกกันแบบเอาเป็นเอาตายมากกว่าเดิม ทั้งๆ ที่ทีมก็ไม่ได้อยู่ในประเทศไทย ตัวเองก็ไม่ได้รู้จักหรือสนิทกับคนในทีม บอลแพ้ชนะแทบจะมีผลกับชีวิตประจำวันกันทั้งนั้น
เขาให้ความเห็นว่าเป็นเพราะพัฒนาการของเทคโนโลยีกับความรวดเร็วของข่าวสารนี่แหละที่ทำให้คนมีอารมณ์ร่วมในการเชียร์มากขึ้น สมัยที่ยังไม่มีการถ่ายทอดสดบอลนอกในประเทศไทยก็ไม่มีอารมณ์ร่วมเพราะกว่าจะรู้ผลการแข่งขันก็จบเกมไปแล้ว พอเริ่มมีการถ่ายทอดสดก็เริ่มมีล้อกันบ้างแต่ไม่เยอะมาก จนมาถึงยุคปัจจุบันที่มีโซเชียลให้เป็นพื้นที่ในการแสดงออกแบบไม่ต้องเห็นหน้ากันจริงๆ ตั้งแต่สมัยเว็บบอร์ดไปจนถึงโซเชียลมีเดียที่แพร่หลายกันอยู่ในทุกวันนี้ การแสดงออกของแฟนบอลก็เริ่มรุนแรงขึ้น แล้วส่วนใหญ่ก็ใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผลด้วย ภาษาที่ใช้ก็ไม่ใช่การแซวกันธรรมดา แต่เป็นการถากถางกันแบบเอาเป็นเอาตาย จนอาจจะทำให้เกิดการทะเลาะวิวาทขึ้นในโลกออนไลน์ได้
ผมเล่นเฟสมาตั้งแต่ ม.2-ม.3 ถึงตอนนี้ก็เกือบ 10 ปีแล้ว ตอนผมหัดเล่นเฟสใหม่ๆ ไม่ค่อยมีปัญหาอะไรกับคนนอก เต็มที่ก็แค่ล้อกันในกลุ่มเพื่อนที่รู้จักหรือสนิทกัน เพียงแต่ว่าสมัยนั้นผมโดนล้อบ่อยเพราะมีปัญหาเรื่องการควบคุมอารมณ์ คนอื่นรู้ว่าผมโดนล้อแล้วโกรธง่ายเลยล้อผมกันเยอะ จนบางทีผมทนไม่ไหวมีเรื่องกับเพื่อนที่มาล้อผมเหมือนกัน แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรมาก พอจบเกมก็กลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม แล้วตอนนี้ปัญหาเรื่องการควบคุมอารมณ์ผมก็ดีขึ้นแล้วด้วย แต่ถ้าไปมีเรื่องแบบนี้กับคนที่ไม่รู้จัก ผมคิดว่าคงไม่จบง่ายๆ ตอนนั้นผมเลยไม่ค่อยไปยุ่งกับพวกเพจบอลที่ไม่ได้มีแต่คนที่รู้จักกันเท่าไหร่ ตามแค่เพจหลักของทีมที่เราเชียร์ก็พอแล้ว แต่พอผมประมาณ ม.5-ม.6 เพจบอลในประเทศไทยเริ่มถือกำเนิดขึ้นมาหลายเพจจนผมอดไม่ไหวต้องเข้าไป like แล้วก็แสดงความคิดเห็นในเพจพวกนั้น ผมจำได้ว่าสมัยนั้นผมคึกคะนองอยากได้ top comment แต่พอผมเข้ามหาลัยแล้วก็เห็นหลายๆ โพสต์ในหลายเพจเริ่มเปลี่ยนไปในทางที่รุนแรงขึ้น เริ่มมีการใช้คำดูถูกเหยียดหยามกัน บ้างก็ด่าไปถึงพ่อแม่ของอีกฝ่าย จนผมเริ่มเอือมแล้วก็ไม่ค่อยอยากเข้าไปยุ่งกับเพจพวกนั้นอีก ถ้าอยากโพสต์เรื่องบอลผมก็จะโพสต์แต่ในเฟสตัวเอง หรือไม่ก็โพสต์ในกลุ่มที่มีแต่คนที่เชียร์ทีมเดียวกัน
บางทีผมก็รู้สึกว่ามันเริ่มเหมือนการเมืองแล้วนะ คือบางคนก็โดนปลูกฝังให้เกลียดทีมฝ่ายตรงข้ามโดยที่ไม่รู้ที่มาที่ไปว่าทำไมเขาถึงเกลียดกัน ถ้าเห็นว่าเป็นฝ่ายตรงข้ามก็จะต้องด่าไว้ก่อนตลอด เมื่อก่อนเขาก็ว่ามันเป็นสีสันของการเชียร์บอล แต่ผมรู้สึกว่ามาถึงขั้นนี่แล้วมันเกินขอบเขตไปแล้วล่ะ จนผมเริ่มรู้สึกว่าตัวเองเกิดมาช้าไป อยากจะเกิดมาให้ทันได้เชียร์บอลในสมัยที่โซเชียลยังไม่แพร่หลาย อารมณ์ร่วมของคนดูบอลยังไม่มากเท่าตอนนี้
บางคนอาจจะคิดว่ามันทำให้การเชียร์บอลสนุกขึ้น แต่ก็อยากให้คิดถึงความรู้สึกของคนที่โดนล้อบ้างนะครับว่าเขาจะสนุกด้วยรึเปล่า อย่างตัวผมเองก็เคยโดนล้อจนทนไม่ไหวมาแล้ว พอมาเจอในโซเชียลก็เลยไม่อยากยุ่งด้วยเท่าไหร่ เพราะไม่อยากมีปัญหากับคนที่ไม่รู้จักกัน เขาอาจจะไม่เข้าใจเราเหมือนคนใกล้ตัวก็ได้ เดี๋ยวนี้ผมไม่ไปล้อเรื่องบอลในเพจพวกนั้นแล้ว ล้อกันแต่กับเพื่อนที่รู้จักหรือสนิทกันจริงๆ เท่านั้น เพราะผมลองประเมินดูแล้วคิดว่าได้ไม่คุ้มเสีย รู้ดีว่าโพสต์ในเพจสาธารณะแล้วจะเกิดอะไรขึ้น
ทุกวันนี้ความสนใจเรื่องฟุตบอลผมยังมีอยู่ ไม่ได้ลดลงจากเดิมแถมยังเพิ่มบอลไทยเข้ามาด้วย ทั้งไทยลีกทั้งทีมชาติเลย ต้องไปดูทีมชาติที่สนามให้ได้ทุกนัดด้วย ไหนจะตามเชียร์นักบอลไทยในเจลีกอีก แต่ด้วยภาระหน้าที่ในการเรียนบวกกับชอบไปเที่ยวแล้วกลับบ้านค่ำทำให้ไม่ค่อยได้ดูบ่อยเท่าสมัยเด็กๆ เพื่อนผมที่เคยล้อกันตอนนี้ก็มีงานทำกันแล้วเลยไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่ เวลาคุยเรื่องบอลก็ยังล้อกันบ้าง แต่เดี๋ยวนี้ผมไม่ซีเรียสแล้วครับ คิดว่าเพื่อนแซวเล่นๆ ขำๆ ตลอด ถ้าเป็นคนที่ไม่ได้รู้จักหรือสนิทกันแล้วมาแซวถึงจะโกรธ ไม่เคยไปล้อไปแซวใครในพื้นที่ส่วนตัวเขาก่อนนอกจากโพสต์ในพื้นที่ของตัวเอง เลยไม่ค่อยมีปัญหากับใครเพราะเรื่องบอลมากเท่าสมัยก่อน
ก็เท่านี้แหละครับ อยากให้เข้าใจความรู้สึกของคนที่โดนล้อเรื่องบอลมากๆ สักหน่อย ถ้าเป็นเพื่อนที่รู้จักหรือสนิทกันอาจจะไม่เท่าไหร่ คิดว่าแซวกันเล่นๆ แต่ถ้าเป็นคนที่ไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว แรกๆ อาจจะยังพอรับได้ แต่พอโดนเข้าไปหนักหน่อยผมไม่รู้นะว่าจะยังสนุกอยู่รึเปล่า ที่ผมเข้าใจเพราะผมผ่านจุดที่เคยโดนล้อหนักสุดมาแล้วครับ
สังคมที่คนไทยสมัยนี้เชียร์บอลกันแบบเอาเป็นเอาตาย
เขาให้ความเห็นว่าเป็นเพราะพัฒนาการของเทคโนโลยีกับความรวดเร็วของข่าวสารนี่แหละที่ทำให้คนมีอารมณ์ร่วมในการเชียร์มากขึ้น สมัยที่ยังไม่มีการถ่ายทอดสดบอลนอกในประเทศไทยก็ไม่มีอารมณ์ร่วมเพราะกว่าจะรู้ผลการแข่งขันก็จบเกมไปแล้ว พอเริ่มมีการถ่ายทอดสดก็เริ่มมีล้อกันบ้างแต่ไม่เยอะมาก จนมาถึงยุคปัจจุบันที่มีโซเชียลให้เป็นพื้นที่ในการแสดงออกแบบไม่ต้องเห็นหน้ากันจริงๆ ตั้งแต่สมัยเว็บบอร์ดไปจนถึงโซเชียลมีเดียที่แพร่หลายกันอยู่ในทุกวันนี้ การแสดงออกของแฟนบอลก็เริ่มรุนแรงขึ้น แล้วส่วนใหญ่ก็ใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผลด้วย ภาษาที่ใช้ก็ไม่ใช่การแซวกันธรรมดา แต่เป็นการถากถางกันแบบเอาเป็นเอาตาย จนอาจจะทำให้เกิดการทะเลาะวิวาทขึ้นในโลกออนไลน์ได้
ผมเล่นเฟสมาตั้งแต่ ม.2-ม.3 ถึงตอนนี้ก็เกือบ 10 ปีแล้ว ตอนผมหัดเล่นเฟสใหม่ๆ ไม่ค่อยมีปัญหาอะไรกับคนนอก เต็มที่ก็แค่ล้อกันในกลุ่มเพื่อนที่รู้จักหรือสนิทกัน เพียงแต่ว่าสมัยนั้นผมโดนล้อบ่อยเพราะมีปัญหาเรื่องการควบคุมอารมณ์ คนอื่นรู้ว่าผมโดนล้อแล้วโกรธง่ายเลยล้อผมกันเยอะ จนบางทีผมทนไม่ไหวมีเรื่องกับเพื่อนที่มาล้อผมเหมือนกัน แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรมาก พอจบเกมก็กลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม แล้วตอนนี้ปัญหาเรื่องการควบคุมอารมณ์ผมก็ดีขึ้นแล้วด้วย แต่ถ้าไปมีเรื่องแบบนี้กับคนที่ไม่รู้จัก ผมคิดว่าคงไม่จบง่ายๆ ตอนนั้นผมเลยไม่ค่อยไปยุ่งกับพวกเพจบอลที่ไม่ได้มีแต่คนที่รู้จักกันเท่าไหร่ ตามแค่เพจหลักของทีมที่เราเชียร์ก็พอแล้ว แต่พอผมประมาณ ม.5-ม.6 เพจบอลในประเทศไทยเริ่มถือกำเนิดขึ้นมาหลายเพจจนผมอดไม่ไหวต้องเข้าไป like แล้วก็แสดงความคิดเห็นในเพจพวกนั้น ผมจำได้ว่าสมัยนั้นผมคึกคะนองอยากได้ top comment แต่พอผมเข้ามหาลัยแล้วก็เห็นหลายๆ โพสต์ในหลายเพจเริ่มเปลี่ยนไปในทางที่รุนแรงขึ้น เริ่มมีการใช้คำดูถูกเหยียดหยามกัน บ้างก็ด่าไปถึงพ่อแม่ของอีกฝ่าย จนผมเริ่มเอือมแล้วก็ไม่ค่อยอยากเข้าไปยุ่งกับเพจพวกนั้นอีก ถ้าอยากโพสต์เรื่องบอลผมก็จะโพสต์แต่ในเฟสตัวเอง หรือไม่ก็โพสต์ในกลุ่มที่มีแต่คนที่เชียร์ทีมเดียวกัน
บางทีผมก็รู้สึกว่ามันเริ่มเหมือนการเมืองแล้วนะ คือบางคนก็โดนปลูกฝังให้เกลียดทีมฝ่ายตรงข้ามโดยที่ไม่รู้ที่มาที่ไปว่าทำไมเขาถึงเกลียดกัน ถ้าเห็นว่าเป็นฝ่ายตรงข้ามก็จะต้องด่าไว้ก่อนตลอด เมื่อก่อนเขาก็ว่ามันเป็นสีสันของการเชียร์บอล แต่ผมรู้สึกว่ามาถึงขั้นนี่แล้วมันเกินขอบเขตไปแล้วล่ะ จนผมเริ่มรู้สึกว่าตัวเองเกิดมาช้าไป อยากจะเกิดมาให้ทันได้เชียร์บอลในสมัยที่โซเชียลยังไม่แพร่หลาย อารมณ์ร่วมของคนดูบอลยังไม่มากเท่าตอนนี้
บางคนอาจจะคิดว่ามันทำให้การเชียร์บอลสนุกขึ้น แต่ก็อยากให้คิดถึงความรู้สึกของคนที่โดนล้อบ้างนะครับว่าเขาจะสนุกด้วยรึเปล่า อย่างตัวผมเองก็เคยโดนล้อจนทนไม่ไหวมาแล้ว พอมาเจอในโซเชียลก็เลยไม่อยากยุ่งด้วยเท่าไหร่ เพราะไม่อยากมีปัญหากับคนที่ไม่รู้จักกัน เขาอาจจะไม่เข้าใจเราเหมือนคนใกล้ตัวก็ได้ เดี๋ยวนี้ผมไม่ไปล้อเรื่องบอลในเพจพวกนั้นแล้ว ล้อกันแต่กับเพื่อนที่รู้จักหรือสนิทกันจริงๆ เท่านั้น เพราะผมลองประเมินดูแล้วคิดว่าได้ไม่คุ้มเสีย รู้ดีว่าโพสต์ในเพจสาธารณะแล้วจะเกิดอะไรขึ้น
ทุกวันนี้ความสนใจเรื่องฟุตบอลผมยังมีอยู่ ไม่ได้ลดลงจากเดิมแถมยังเพิ่มบอลไทยเข้ามาด้วย ทั้งไทยลีกทั้งทีมชาติเลย ต้องไปดูทีมชาติที่สนามให้ได้ทุกนัดด้วย ไหนจะตามเชียร์นักบอลไทยในเจลีกอีก แต่ด้วยภาระหน้าที่ในการเรียนบวกกับชอบไปเที่ยวแล้วกลับบ้านค่ำทำให้ไม่ค่อยได้ดูบ่อยเท่าสมัยเด็กๆ เพื่อนผมที่เคยล้อกันตอนนี้ก็มีงานทำกันแล้วเลยไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่ เวลาคุยเรื่องบอลก็ยังล้อกันบ้าง แต่เดี๋ยวนี้ผมไม่ซีเรียสแล้วครับ คิดว่าเพื่อนแซวเล่นๆ ขำๆ ตลอด ถ้าเป็นคนที่ไม่ได้รู้จักหรือสนิทกันแล้วมาแซวถึงจะโกรธ ไม่เคยไปล้อไปแซวใครในพื้นที่ส่วนตัวเขาก่อนนอกจากโพสต์ในพื้นที่ของตัวเอง เลยไม่ค่อยมีปัญหากับใครเพราะเรื่องบอลมากเท่าสมัยก่อน
ก็เท่านี้แหละครับ อยากให้เข้าใจความรู้สึกของคนที่โดนล้อเรื่องบอลมากๆ สักหน่อย ถ้าเป็นเพื่อนที่รู้จักหรือสนิทกันอาจจะไม่เท่าไหร่ คิดว่าแซวกันเล่นๆ แต่ถ้าเป็นคนที่ไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว แรกๆ อาจจะยังพอรับได้ แต่พอโดนเข้าไปหนักหน่อยผมไม่รู้นะว่าจะยังสนุกอยู่รึเปล่า ที่ผมเข้าใจเพราะผมผ่านจุดที่เคยโดนล้อหนักสุดมาแล้วครับ