ตามหัวข้อกระทู้นี้เลยค่ะ คือเราเรียนด้านดนตรี และอยู่หอกับครูอาจารย์ท่านหนึ่ง ซึ่งพ่อแม่ฝากเอาไว้ค่ะ เราไม่อยากเรียนดนตรีแต่เราโดนพ่อแม่บังคับค่ะ บวกกับปัจจัยหลาย ๆ อย่างด้วย เราเลยอดทนยอมเรียน ถือว่าเพื่อฝันของที่บ้าน โดยเฉพาะแม่เราอยากให้เราบรรจุข้าราชการมาก เพราะมันเบิกค่าใช้จ่าย ได้โอกาสหลาย ๆ อย่างตามที่ทุก ๆ คนทราบกันนะคะ
ทีงี้ประเด็นของเราคือ เราต้องฝืนเรียนต่อ ถามว่าเรียนได้ไหม เรียนรอดไหม ตอนนี้เรียนรอดค่ะ แต่พออนาคตเราก็ไม่แน่ใจว่าเราจะเรียนรอดอยู่หรือเปล่า เราพยายาฝืนเรียน อดทนเรียน เกิดมาเราต้องเรียนตามที่แม่หวังไว้ วางทางไว้ จนเราได้มาทราบว่าพ่อแม่เรานั้นป่วย อนาคตอยู่กับเราได้ไม่นานแน่นอน ยิ่งเราได้รู้เรื่องป่วยเข้า เราก็เครียดมากเลยค่ะ กลายเป็นเสาหลักของบ้านไปแล้ว แถมคำขอของที่บ้านได้บอกว่า หากเป็นอะไรไปอย่าได้ยื้อนะ ให้ปล่อยไปเลย มันทำให้เราต้องฝืนเรียนมากกว่าเดิมเลยค่ะ เรียนตามที่พ่อแม่ต้องการจนวินาทีสุดท้าย อย่างน้อยก็อยากให้ท่านภูมิใจ ลูกคนนี้ได้เป็นไปตามฝันที่ท่านหวังไว้นะ แต่ใจจริง ๆ คือเราฝืน เราอดทนเรียนในสิ่งที่เราไม่อยากเรียน ยิ่งเรียนก็ยิ่งไม่ใช่ เรียนแล้วมันไม่ได้มีความสุข เรียนแล้วมันไม่ได้ทำให้เรารู้สึกอยากหรือกระตือรือร้นอะไรเลย ถ้าให้ย้ายสายก็มีปัญหากับที่บ้านอีก ไหนจะเรื่องการเงินอีก
แล้ววันนี้คือแม่มาหาอ.ที่เราอยู่หอด้วยนะคะ ปกติเราจะมีเรียนวันเสาร์ คือแม่เราคุยว่าอยากให้ลูกได้เงินทุนมากกว่านี้ต้องทำอย่างไรอะไรประมาณนั้นน่ะค่ะ กลายเป็นว่า เราจะโดนอ.ผลักให้เรียนด้านนี้ไปสูง ๆ กว่านี้แทน เราอยากออกจากสายนี้มาก เรากะว่าเรียนแค่ป.ตรีพอ แต่ว่ากลายเป็นโดนวางแผนอนาคตไว้เรียบร้อยแล้ว เราไม่มีทางเป็นของตัวเองเลยค่ะ เราเคยคุยเรื่องนี้กับแม่แล้วว่าขอทำอย่าวนึงที่หนูต้องการได้มั้ย คือย้ายออกไปหอที่ต้องอยู่กับเพื่อน หารกันจ่าย และจะออกไปหางานพาทไทม์ทำด้วย เพราะว่าที่บ้านเราฐานะจนมากค่ะ แต่แม่ก็แบบ อยู่กับอ.นี่ล่ะดีแล้ว มีคนดูแล เราอยากได้ชีวิตอิสระบ้าง แค่อย่างเดียวคือขออิสระจากหอได้มั้ย แม่ก็ไม่ให้ค่ะ จนเราได้บอกว่าที่แม่ทำที่หวังว่าอ่ะ แม่ได้คิดบ้างมั้ยว่าหนูต้องการหรือเปล่า มีความสุขหรือเปล่า แต่สิ่งที่ได้ยินคือ เรียนด้านนี้อนาคตดีนะลูก เรารู้นะคะว่าที่แม่คิดคืออยากให้อนาคตเราดี แต่กลับกัน มันเป็นความทุกข์ของเราเลยค่ะ ไม่ใช่ทางที่ตัวเองชอบ มันเป็นทางที่ทำลายความสุขเรา มันเป็นทางที่ทำลายความต้องการเรา มันเป็นทางที่ทำให้เราร้องไห้เกือบทุกวัน แล้วยิ่งเราเป็นพวกที่ขี้แย เซ้นซิทีฟกับคำพูดของคนง่าย เราเป็นหนักจนเรามีความคิดอยากจะลองหาโอกาสไปพบหมอมากเลยค่ะ แต่ถ้าไปก็ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเข้ามาในชีวิตเราอีก แม้ว่าหลายคนจะบอกว่าเราโรคซึมเศร้าขั้นรุนแรงแม้กระทั่งพี่ที่เรียนหมอก็บอกเรา แต่เราก็ไม่อยากจะคิดว่าตัวเองเป็นโรคซึมเศร้า เพราะถ้ารู้ว่าตัวเองเป็นโรคซึมเศร้า มันทำให้เรารู้สึกท้อกส่าเดิมน่ะค่ะ ทำไมเราต้องมาเป็น หรือเพราะเคยมีอดีตบาดหมางจนเป็นแผลในใจกับเพื่อนหรือเปล่า เราก็ไม่ทราบค่ะ สภาพเราในตอนนี้คือมีเรื่องหลาย ๆ เรื่องให้คิดจนเราแยกหลาย ๆ เรื่องไม่ออกแล้วว่าเรากำลังคิดอะไร ถ้าให้เปรียบเทียบก็เหมือนมีเชือกเส้นนึงมีปมมัดอยู่ แล้วก็มีปมผูกกันเยอะ ๆๆๆ เข้าจนมันแก้ปมเขือกนั่นไม่ออกและแยกปมเชือกนั่นไม่ออกแล้วน่ะค่ะ
โดนที่บ้านวางอนาคตให้ทั้ง ๆ ที่เราไม่ต้องการเลย ควรทำยังไงดีคะ ?
ทีงี้ประเด็นของเราคือ เราต้องฝืนเรียนต่อ ถามว่าเรียนได้ไหม เรียนรอดไหม ตอนนี้เรียนรอดค่ะ แต่พออนาคตเราก็ไม่แน่ใจว่าเราจะเรียนรอดอยู่หรือเปล่า เราพยายาฝืนเรียน อดทนเรียน เกิดมาเราต้องเรียนตามที่แม่หวังไว้ วางทางไว้ จนเราได้มาทราบว่าพ่อแม่เรานั้นป่วย อนาคตอยู่กับเราได้ไม่นานแน่นอน ยิ่งเราได้รู้เรื่องป่วยเข้า เราก็เครียดมากเลยค่ะ กลายเป็นเสาหลักของบ้านไปแล้ว แถมคำขอของที่บ้านได้บอกว่า หากเป็นอะไรไปอย่าได้ยื้อนะ ให้ปล่อยไปเลย มันทำให้เราต้องฝืนเรียนมากกว่าเดิมเลยค่ะ เรียนตามที่พ่อแม่ต้องการจนวินาทีสุดท้าย อย่างน้อยก็อยากให้ท่านภูมิใจ ลูกคนนี้ได้เป็นไปตามฝันที่ท่านหวังไว้นะ แต่ใจจริง ๆ คือเราฝืน เราอดทนเรียนในสิ่งที่เราไม่อยากเรียน ยิ่งเรียนก็ยิ่งไม่ใช่ เรียนแล้วมันไม่ได้มีความสุข เรียนแล้วมันไม่ได้ทำให้เรารู้สึกอยากหรือกระตือรือร้นอะไรเลย ถ้าให้ย้ายสายก็มีปัญหากับที่บ้านอีก ไหนจะเรื่องการเงินอีก
แล้ววันนี้คือแม่มาหาอ.ที่เราอยู่หอด้วยนะคะ ปกติเราจะมีเรียนวันเสาร์ คือแม่เราคุยว่าอยากให้ลูกได้เงินทุนมากกว่านี้ต้องทำอย่างไรอะไรประมาณนั้นน่ะค่ะ กลายเป็นว่า เราจะโดนอ.ผลักให้เรียนด้านนี้ไปสูง ๆ กว่านี้แทน เราอยากออกจากสายนี้มาก เรากะว่าเรียนแค่ป.ตรีพอ แต่ว่ากลายเป็นโดนวางแผนอนาคตไว้เรียบร้อยแล้ว เราไม่มีทางเป็นของตัวเองเลยค่ะ เราเคยคุยเรื่องนี้กับแม่แล้วว่าขอทำอย่าวนึงที่หนูต้องการได้มั้ย คือย้ายออกไปหอที่ต้องอยู่กับเพื่อน หารกันจ่าย และจะออกไปหางานพาทไทม์ทำด้วย เพราะว่าที่บ้านเราฐานะจนมากค่ะ แต่แม่ก็แบบ อยู่กับอ.นี่ล่ะดีแล้ว มีคนดูแล เราอยากได้ชีวิตอิสระบ้าง แค่อย่างเดียวคือขออิสระจากหอได้มั้ย แม่ก็ไม่ให้ค่ะ จนเราได้บอกว่าที่แม่ทำที่หวังว่าอ่ะ แม่ได้คิดบ้างมั้ยว่าหนูต้องการหรือเปล่า มีความสุขหรือเปล่า แต่สิ่งที่ได้ยินคือ เรียนด้านนี้อนาคตดีนะลูก เรารู้นะคะว่าที่แม่คิดคืออยากให้อนาคตเราดี แต่กลับกัน มันเป็นความทุกข์ของเราเลยค่ะ ไม่ใช่ทางที่ตัวเองชอบ มันเป็นทางที่ทำลายความสุขเรา มันเป็นทางที่ทำลายความต้องการเรา มันเป็นทางที่ทำให้เราร้องไห้เกือบทุกวัน แล้วยิ่งเราเป็นพวกที่ขี้แย เซ้นซิทีฟกับคำพูดของคนง่าย เราเป็นหนักจนเรามีความคิดอยากจะลองหาโอกาสไปพบหมอมากเลยค่ะ แต่ถ้าไปก็ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเข้ามาในชีวิตเราอีก แม้ว่าหลายคนจะบอกว่าเราโรคซึมเศร้าขั้นรุนแรงแม้กระทั่งพี่ที่เรียนหมอก็บอกเรา แต่เราก็ไม่อยากจะคิดว่าตัวเองเป็นโรคซึมเศร้า เพราะถ้ารู้ว่าตัวเองเป็นโรคซึมเศร้า มันทำให้เรารู้สึกท้อกส่าเดิมน่ะค่ะ ทำไมเราต้องมาเป็น หรือเพราะเคยมีอดีตบาดหมางจนเป็นแผลในใจกับเพื่อนหรือเปล่า เราก็ไม่ทราบค่ะ สภาพเราในตอนนี้คือมีเรื่องหลาย ๆ เรื่องให้คิดจนเราแยกหลาย ๆ เรื่องไม่ออกแล้วว่าเรากำลังคิดอะไร ถ้าให้เปรียบเทียบก็เหมือนมีเชือกเส้นนึงมีปมมัดอยู่ แล้วก็มีปมผูกกันเยอะ ๆๆๆ เข้าจนมันแก้ปมเขือกนั่นไม่ออกและแยกปมเชือกนั่นไม่ออกแล้วน่ะค่ะ