ครูที่โรงเรียนมีปัญหากับลูกทำยังไงดี

ขอเล่าต้นต่อนิดหนึ่ง
ฉันเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ที่ทีความคิดว่าในเมื่อผู้ชายดีๆหายาก และฉันก็ไม่ได้อยากอยูคนเดียวตอนแก่
ฉันเลยรับเด็กบุญธรรมมาเลี้ยงเป็นลูก ฉันคุยเรื่องนี้กับพ่อแม่ ซึ่งท่านรับได้
ฉันมีกิจการของตัวเอง ฉันรับเด็กมาเลี้ยงจากพ่อแม่วัยรุ่นของเค้าที่ไม่ต้องการเด็กแล้ว
ตอนเอามาเด็กโดนทำร้ายร่างกายมา เด็ก 7 เดือน ยังนอนนิ่งๆ ไม่ขยับตัว นั้งดีๆน้ำลายย้อยข้างปาก
ฉันกับครอบครัวต้องหาของมาบำรุง ไม่ว่าอะไรที่เค้าว่าดี ที่บ้านจะพยายามซื้อมาให้เค้ากิน
น้องเค้าดีขึ้น เริ่มทีพัฒนาการตามวัย ตามที่คู่มือเล่มชมพูชี้แจ้งไว้ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้เร็วตามเด็กทั่วไปก็ตาม

ทุกอย่างดูโอเค จนกระทั่งน้องเข้าเริ่มเข้าโรงเรียน ตอนเตรียมอนุบาล
ฉันรู้ว่าลูกของฉันไม่เหมือนคนอื่นเพราะเค้าต้องได้รับการใส่ใจที่มากกว่าคนอื่น เพราะเค้ามีพัฒนาการที่ซ้ากว่า
ฉันเลยยอมเสียเงินแพงๆ ให้เค้าได้เรียนในโรงเรียนที่ใครๆก็บอกว่าดี ถึงค่าเทอมจะแพงว่าที่อื่นฉันก็ยอม
เพราะฉันอยากให้ลูกได้รับการสนใจจากครูที่สอน อย่างเหมาะสม

ทุกอย่างมันน่าจะดีนะ โรงเรียนดี ครูที่มีประสบการณ์  ที่บ้านคอยส่งเสริม มันไม่น่าจะมีปัญหาสิ?

แต่ปํญหามันกลับมี แถมใหญ่ด้วย ปีที่ฉันพาลูกเข้าเรียนในโรงเรียนปีแรก
ทางโรงเรียนก็เริ่มโครงการขยายขนาดโรงเรียนด้วย จากโรงเรียนสำหรับเด็กอนุบาล กลายเป็นโรงเรียนสำหรับเด็กประถมด้วย
ทางโรงเรียนเริ่มเปิดรับครูแบบ พนักงานชั่วคราว ซึ่งตอนนั้นในความคิดของฉันก็คิดว่า อืมดีนะ ลูกฉันจะได้มีครูดูแลเพิ่มอย่างทั่วถึง
ในห้องอนุบาล มีครูประจำการ 2 คนกับเด็ก ประมาณ 30 คน หารกันแล้วก็ตกครู 1 คนกับเด็ก 15 คน มันก็ดีนะ มันต้องดีสิ
 ผลคือ ฉันส่งลูกเรียนมา 3 ปีกับชั้นอนุบาล ลูกฉันยังเขียนหนังสือไม่ได้ ไม่รู้จักตัวอักษร โอเคไม่ไเป็นไร เดี่ยวมันก็ต้องดีขึ้นสิ ใช้มัย?

ผลคือลูกฉัน ขึ้น ป.1 มาด้วยอารมณ์แบบเด็กที่ไม่รู้อะไรเลย เค้าเขียนหนังสือไม่ได้ อ่านไม่ออก
ฉันที่จากก่อนหน้าเคยคิดว่า อืมลูกคนอืนเค้าคงจะแนวเดี่ยวกันเริ่มคิดว่าไม่ใช้ละ
ฉันเริ่มแอบขึ้นไปดูลูกตอนที่เค้าเรียน (ถึงแม้ว่าครูเขาจะไม่ค่อยชอบก็ตาม)
ฉันเริ่มขึ้นไปแล้วเห็นว่า ครูที่รับผิดชอบประจำชั้น ไม่ได้ตั้งใจสอนลูกเหมือนที่ฉันคิด 

ฉันแอบขึ้น 5-6 ครั้ง ในระยะเวลาที่ห่างกับพอสมควร
ลูกฉันเด็กป.1 ที่ควรจะเรียนหนังสืออยู่ในห้อง เค้าไม่ได้อยู่ในนั้น เค้าออกมาเดินเล่นรอบโรงเรียน ให้ตายสิแค่เด็กป.1 
คุณทำให้เค้าอยู่ในห้องเรียนไม่ได้หรอ?
พวกคุณเป็นครูกันยังไงเนียก?
แถม 5-6 ครั้งที่ฉันขึ้นไปดูลูกบนห้องเรียน ทำมัยฉันถึงเห็นแต่พวกคุณไม่เล่นโทรศัพย์ ก็นั้งแต่งแต่หน้าละ 
นี้พวกคุณมาสอนใช้มัย แน่นอนประโยคพวกนี้ฉันไม่กล้าพูดต่อหน้าครูพวกนั้นอยู่แล้ว
ฉันกลัวลูกฉันจะไม่สามารถเรียนในโรงเรียนต่อได้ แต่ฉันอยากระบายออกแค่อยากบอกให้ใครรับรู้บ้าง

หลังลูกฉันเรียนไปได้ เกือบจบปีการศึกษา ผอ.โรงเรียนเรียกฉันไปพบ
พวกเขาแจ้งว่าไม่สามารถสอนลูกฉันได้ เขาดื้อเกินไป ลูกฉันมีปัญหา พวกเขาให้ฉันเซ็นต์ใบอนุญาติให้พวกเขาตีลูกฉันได้ 
ฉันพยายามทำใจและยอมรับมัน ฉันเซนต์ใบนั้นไป ฉันคิดวา่าทุกอย่างมันน่าจะดีขึ้น แต่มันก็ยังเป็นแบบเดิม ลูกฉัน ยังคงออกนอกห้อง! 
แล้วปัญหาเดิมๆก็กลับมา ลูกฉันยังคงไม่เรียนหนังสือเหมือนเดิม
*ไม่เรียนในความหมายของฉันคือเขาไม่ยอมเขียนหนังสือ ไม่ทำงานส่ง แต่เค้าสามารถตอบฉันได้ว่า วันนี้เค้าเรียนอะไรบ้างได้

จากที่ต้องจ่ายค่าเทอมแพงๆ อยู่แล้วฉันยังต้องพาลูกไปเรียนพิเศษเพิ่ม
ฉันรู้ว่าการเรียนพิเศษเพิ่มมันเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเด็ก แต่ว่าเค้ายัง เล็กเกินไปมัย 
ฉันอยากให้เค้าได้มีโอกาสเล่นและสนุกตามวัย โรงเรียนเขา เลิกมา 16.30 น. ซึ้งก็ช้าอยู่แล้ว 
แล้วยังต้องพาไปเรียนพิเศษเพิ่มอีก ลูกฉันกว่าจะได้กลับบ้าน ก็ 19.30 น.แล้ว 
จ-ศ ฉันได้อยู่กลับลูก แค่วันละ 4 ชั่วโมง แต่ทุกครั้งที่มีปํญหา พวกครูจะโทษว่า ฉันไม่สนใจลูก
วันเสาร์-อาทิตย์ แทนที่ลูกฉันจะได้เล่นสนุกได้เที่ยว ฉันต้องส่งเขาไปเรียนพิเศษ ครึ่งวันทุกสัปดาห์

ฉันควรทำยังไงดี ฉันอยากให้ลูกได้เรียนแค่ในโรงเรียน ไม่ใช้ว่าต้องมาเรียนเสริมข้างนอก แบบนี้
ฉันอยากให้พวกครูสนใจเด็กมากกว่าตัวเองตามหน้าที่ๆ พวกเขารับผิดชอบมา
พวกครูๆ เขาชอบที่จะพูดว่า เด็ก 28 คนกับครูคนเดียวเขาดูไม่ทัน
แต่ว่าตัวฉัน ในตอนนที่เรียนมา ครูคนเดียวกับเด็ก 45 คนทำมัย ครูของฉันถึงทำได้ละ?
แน่นอนว่าไม่ใช้เด็กทุกคนจะเก่ง แต่ว่าอย่างน้อยเรื่องอ่านออกเขียนได้นี้
ในสมัยที่ฉันเรียน ทุกคนในห้องก็อ่านได้เหมือนกัน เขียนถึงไม่สวยแต่ก็เขียนถูก
แล้วทำมัยครูสมัยนี้ถึงทำไม่ได้กันนะ ฉันไม่เข้าใจ
หรือเพราะพวกเขาสนใจตัวเองมากกว่าเด็ก สนใจโทรศัพย์มากกว่านักเรียน แล้วแบบนี้เด็กๆ จะเติบโตแบบไหนกัน?
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่