[แปล] บังชิฮยอก:ดนตรี แฟนคลับ และการลงทุนครั้งใหม่ของบิ๊กฮิต

แปลจาก Big Hit Chief Bang Si-Hyuk, Mastermind Behind BTS, Talks Music, Fans and New Ventures โดย Kristine Kwak เปยแพร่เมื่อ September 4, 2019 ทาง https://variety.com/2019/biz/news/bts-big-hit-bang-si-hyuk-talks-music-fans-1203322755


บังชีฮยอกเป็นที่รู้จักในหมู่แฟนคลับในฐานะของผู้อยู่เบื้องหลังการปลุกปั้นซูเปอร์สตาร์เคป๊อป BTS แต่นอกจากนี้เขายังเป็นบุคลากรมากประสบการณ์ของแวดวงอุตสาหกรรมดนตรีที่ผ่านมาแล้วทั้งงานในฐานะโปรดิวเซอร์ ผู้บริหารค่ายเพลง และนักลงทุน ในฐานะ CEO ของ Big Hit Entertainment ความสำเร็จของเขายังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในระดับโลก บริษัท BH เองก็กำลังขยายธุรกิจเข้าสู่ธุรกิจ e-commerce ธุรกิจเกมและเทคโนโลยี เพื่อสร้างระบบนิเวศธุรกิจ(eco-system*)ที่เป็นเนื้อเดียวกันเพื่อผู้บริโภค และเมื่อเช้าที่ผ่านมา Source Music ค่ายเพลงในสังกัดของ BH ก็เพิ่งประกาศจัด Global Audition เพื่อเฟ้นหาสมาชิกของวงเกิร์ลกรุ๊ปหน้าใหม่ของค่าย

เมื่อบังชีฮยอกแวะมาที่ลอสแอนเจลิส Variety ได้นัดสัมภาษณ์เขาถึงเรื่องความสำคัญของการใช้เรื่องเล่าเป็นสื่อกลางเพื่อสื่อสารกับผู้บริโภค(storytelling**), แนวคิดที่อยู่เบื้องหลัง Weverse แพลตฟอร์มตัวใหม่ที่เพิ่งให้บริการ และ Weply แอพลิเคชั่นขายสินค้าออนไลน์ รวมไปถึงความแตกต่างระหว่าง BTS และ TXT




คุณคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าของบริษัทแบบไหน? คุณมีปรัชญาในการบริหารงานอย่างไร?

ผมไม่คิดว่าตัวเองเป็นนักธุรกิจที่ยอดเยี่ยม แต่ผมเป็นเหมือนผู้นำที่ดีมากกว่า มันมีคุณสมบัติบางประการที่ผู้บริหารควรมี ไม่ว่าจะเรื่องแรงขับดันหรือพวกคุณลักษณะเชิงรุกอะไรพวกนั้น แต่สำหรับผมที่มีพื้นฐานมาจากการเป็นศิลปิน และไม่ได้เป็นพวกที่มุ่งเน้นผลการดำเนินงานหรือผลลัพธ์ คำถามที่ผมมักใช้บ่อยๆในการทำงาน คือ "พวกเราทำสิ่งที่กำลังทำอยู่นี้ทำไม?" และ "พวกเรากำลังทำอะไรอยู่?" ซึ่งผมว่ามันก็สะท้อนอยู่ในพันธกิจของบริษัทเราที่บอกว่า "Music and artist for healing"



Big Hit เพิ่งจัดงานแถลงเกี่ยวกับทิศทางธุรกิจของบริษัทไปเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน คุณคิดว่าการแถลงนี้สำคัญอย่างไร?

มันกลายมาเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องอธิบายถึงค่านิยมขององค์กรเราหลังมีความเข้าใจผิดเกิดขึ้นในตลาดการลงทุน มีคนคาดเดาไปต่างๆเกี่ยวกับการเข้าสู่ธุรกิจเกมของเรา มีความเข้าใจผิดว่าบริษัทของเรากำลังขยายธุรกิจออกไปอย่างควบคุมไม่อยู่ ดังนั้นพวกเราจึงต้องการที่จะอธิบายและปัดเป่าข้อกังวลเหล่านี้ออกไป นอกจากนั้นเรายังอยากที่จะนำเสนอว่าสิ่งที่พวกเรากำลังทำอยู่และสิ่งที่พวกเราทำเสร็จไปแล้วในช่วงทุกๆครึ่งปีมีอะไรบ้าง เพื่อสร้างฐานความน่าเชื่อถือในตลาดทุนให้กับบริษัท



คุณมีการจัดการเรื่องการเติบโตของบริษัทที่เกิดจากการเข้าซื้อกิจการในอุตสาหกรรมดนตรี, เกม, และเทคโนโลยีอย่างไร?

ด้วยความสำเร็จที่น่าทึ่งของ BTS เราได้สร้างองค์ความรู้และปรับแต่งกระบวนการ(การบริหารจัดการศิลปินและค่ายเพลง)ที่ทำให้เราเป็นผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมดนตรี สำหรับไอทีผมบอกได้เลยว่าบุคลากรที่เรามีอยู่ในมือจำนวนหนึ่งนั้นเป็นบุคลากรที่โดดเด่นในแวดวงไอทีจองเกาหลี ในส่วนของเกม ถ้าเป็นเกมสเกลใหญ่เรายังคงจำเป็นที่จะต้องทำงานร่วมกับผู้พัฒนาเกมรายใหญ่อย่าง NetMable แต่สำหรับเกมที่มีสเกลเล็กลงมา เราก็อยากเข้าไปเป็นผู้สร้าเอง เพื่อที่เราจะได้สามารถผนวกมันเข้าไว้ในระระบบนิเวศทางธุรกิจของเราเอง



ในการแถลงทิศทางบริษัทที่ผ่านมา คุณเน้นย้ำถึงความสำคัญของ brand IP(Intellectual Property ทรัพย์สินทางปัญญา)และ Storytelling ทำไมคุณถึงลงทุนกับสองสิ่งนี้?

เรื่อง Storytelling นี่ค่อนข้างที่จะซับซ้อนในบริบทของเคป๊อป หรือถ้าให้พูดอย่างเจาะจงก็คือกับตัว BTS เอง ในตอนแรกพวกเราไม่ได้วางแผนใหญ่โตชนิดที่ต้องทำให้ได้เอาไว้ พวกเราแค่ต้องการถ่ายทอดสารไปสู่ผู้ฟังผ่านทาง BTS ก็เท่านั้น ซึ่งการทำ Storytelling เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่เราจะใช้ (หลังจากใช้วิธีสื่อสารแบบ storytelling)เราได้รับเสียงตอบรับมากเกินกว่าที่เราคาดการณ์ไว้ ในหมู่แฟนคลับเองก็มีบางคนที่ไม่ชอบกลวิธีแบบนี้และไม่ชอบการขยายของจักรวาลที่เราสร้างจึ้น แต่มันก็ยังมีคนอีกจำนวนมากที่สนุกไปกับการเล่าเรื่องแบบนี้ ซึ่งเราก็ไม่สามารถละทิ้งโอกาสในการขยายธุรกิจนี้ไปได้

โดยส่วนตัวแล้วผมเป็นคนที่ชอบการสร้างเรื่องเล่าและขยายมันให้ใหญ่ขึ้นจนกลายเป็นจักรวาลนะ แฟนๆอาจจะคิดว่าจักรวาลที่สร้างขึ้นนี้สร้างขึ้นแค่เพราะผมรู้สึกสนุก แต่ไม่ใช่แค่นั้น นี่ไม่ใช่แค่งานอดิเรกของผม แต่เรามองเห็นโอกาสทางธุรกิจจากกลวิธีการสื่อสารแบบ storytelling นี้ด้วย



คุณทำยังไงถึงก้าวทันเทรนด์ใหม่ๆของวัฒนธรรมป๊อป และสามารถนำมันมาสร้างเป็นผลงานที่สื่อสารกับบรรดาแฟนๆ ที่ส่วนมากเป็นเด็กสาววัยรุ่นได้?

แฟนคลับเคป๊อปนี่เป็นกลุ่มแฟนคลับที่เสียงดังมากนะครับ พวกเขาจะทำทุกทางเพื่อให้เรารับรู้ถึงความคิดเห็นและความต้องการของพวกเขาถึงแม้พวกเราจะไม่ได้คอยจับจ้องอยู่ก็ตาม เราคงทำงานของเราแบบนี้ไม่ได้ถ้าไม่ได้รับฟังพวกเขาครับ



หลายประเทศก็มีอุตสาหกรรมดนตรีของตัวเอง แล้วทำไมเคป๊อปถึงเป็นที่ดึงดูดในวงกว้าง?

หนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของเคป๊อปคือแนวคิดที่ว่าด้วย "ผลิตผลแบบเบ็ดเสร็จ" โดยทั่วไปคนมักจะมองว่าศิลปินนักดนตรีเพียงแค่ทำเพลงดีๆ ออกมาก็เพียงพอแล้ว แต่ในโลกของเคป๊อปนอกจากเรื่องของเพลงแล้วตัวศิลปินเองต้องมีบุคลิกที่น่าดึงดูดใจและต้องมีการแสดงที่เยี่ยมยอด องค์ประกอบเหล่านี้เมื่อรวมเข้าด้วยกันก็กลายเป็นลักษณะที่น่าดึงดูดใจอย่างเป็นสากล



Weverse นั้นแตกต่างจาก Twitter และ V App อย่างไร? คุณมีวิสัยทัศน์ระยะยาวสำหรับ Weverse อย่างไรบ้าง?

Weverse เป็นแพลทฟอร์มสำหรับการติดต่อสื่อสารโดยตรง แพลตฟอร์มที่มีอยู่แล้วนั้นไม่ได้มีลักษณะของการเป็นผู้ถือครองทรัพย์สินทางปัญญา(IP Holder) และมีตัวระบบที่วางเป้าหมายในการสื่อสารเป็นสาธารณะซึ่งคอนเทนท์ที่เผยแพร่ผ่านแพลตฟอร์มนั้นจะสามารถถูกนำไปต่อยอดได้*** ในฐานะ IP holders เราสังเกตเห็นว่าแพลทฟอร์มที่มีอยู่ก่อนนี้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการบางอย่างของผู้ใช้งานได้ สำหรับการใช้งานในตอนนี้เราอาจจะยังไม่เห็นว่า Weverse นั้นแตกต่างจาก Twitter หรือ V App เท่าไหร่นัก แต่หลังจากนี้ไม่กี่ปีเราจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงจากสิ่งที่มันเป็นอยู่ในตอนนี้



คุณมีวิสัยทัศน์อย่างเดียวกันนี้สำหรับ Weply ด้วยมั้ย? และชื่อแอพลิเคชั่นทั้งสองนี้มีที่มาอย่างไร?

Weply มาจากวลี "We Play" ส่วน Weverse ก็มาจาก "We Universe" สำหรับ Weply พวกเราตั้งใจว่าจะสร้างแพลทฟอร์มสำหรับซื้อขายที่น่าใช้งานมากกว่าการใช้งานเว็บซื้อขายสินค้าทั่วๆไป ส่วน Weverse นั้นพวกเราชอบชื่อนี้เพราะเราสามารถเรียกผู้ใช้งานว่า "Wevers" ได้ และคำมันก็ฟังดูดีด้วย

BTS เป็นหนึ่งในวงเคป๊อปวงแรกๆ ที่มีแฟนๆในต่างประเทศเป็นจำนวนมาก และแฟนเหล่านี้ไม่สามารถใช้งานเน็ตเวิร์คที่เราใช้มาก่อนหน้านี้ได้(เช่น แฟนคาเฟ่) สำหรับลูกค้าที่อยู่นอกเกาหลีเหล่านี้การเข้าถึงสินค้าและบริการของพวกเรานั้นเป็นเรื่องยาก ทั้งทีเมื่อพวกเขาจ่ายเงินเท่าๆกับแฟนในประเทศก็ควรได้รับการ บริการในระดับเดียวกัน



วง BTS เคยผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมาก่อนในช่วงเริ่มแรกของการตั้งวง มีตอนไหนบ้างไหมที่คุณรู้สึกมั่นใจว่ายังไงพวกเขาก็จะประสบความสำเร็จ?

สำหรับผมมันมีอยู่สองช่วงเวลาที่พบคิดว่ามันเป็นช่วงที่ "ว้าว" มากๆ ครั้งแรกเลยคือตอนที่เราปล่อยเพลง Run ในปี 2015 และเพลวนี้ได้รับการตอบรับในทางบวก พวกเราต้องการที่จะยืนยันกระแสตอบรับที่มีเลยแต่งเพลง Fire ขึ้นมา และเมื่อเราปล่อยเพลง Fire ออกไป BTS ก็ได้รับความสนใจจากต่างประเทศ พอมองย้อนกลับไป ตอนนั้นผมอาจจะมั่นใจมากเกินไป แต่ผมบอกกับสมาชิกวงว่าผมคิดว่าพวกเขาจะสามารถทำทัวร์คอนเสิร์ตในสเกลอารีน่ารอบโลกได้ และตอนนั้นผมคาดหวังว่าพวกเขาจะสามารถเป็นศิลปินกลุ่มที่ยิ่งใหญ่กว่า One Direction ในช่วงที่รุ่งเรือง

อีกครั้งหนึ่งคือตอนที่เรากำลังเตรียมทัวร์คอนเสิร์ตในปี 2017 เราใช้เวลาเตรียมทัวร์นั้นนานถึง 18 เดือน ซึ่งนานกว่ามาตรฐานทั่วไปของการเตรียมคอนเสิร์ตเคป๊อป ตอนนั้นเราโชคดีมากที่การแสดงที่อเมริกาใต้นั้นประสบความสำเร็จมาก และกระทั่งสื่อท้องถิ่นของที่นั่นก็ทำข่าวการเดินทางไปถึงของพวกเรา หลังจากนั้นเมื่อ BTS เริ่มทัวร์ในฝั่งอีสท์โคสต์ของอเมริกาผู้คนก็เริ่มให้ความสนใจพวกเขา และเมื่อเราไปถึงฝั่งเวสท์โคสต์แม้แต่ดาราฮอลลิวูดก็พูดกันว่าพวกเขาอยากได้ตั๋วเข้าชมการแสดงของเรา



การทำงานกับ TXT เป็นอย่างไรบ้างเมื่อเปรียบเทียบกับ BTS?

ผมว่าความแตกต่างที่เห็นได้ชัดที่สุดระหว่างสองวงนี้คือการที่ BTS เริ่มต้นมาจากศูนย์ คนทั่วไปอาจคิดว่า TXT นั้นโชคดีและคิดว่าเส้นทางของพวกเขา(ที่จะประสบความสำเร็จ)นั้นง่ายดาย แต่ที่จริงแล้ว TXT เองก็กดดันจากความคาดหวังที่ถูกเซ็ทเอาไว้เรียบรอยแล้ว สำหรับวงน้องใหม่ พวกเขาจะมีโอกาสแสดงให้เห็นถึงการเติบโตและเปล่งประกายขึ้นมาในช่วงที่พวกเขายังคงเป็นวงรุกกี้อยู่ แต่สำหรับ TXT แล้วการที่พวกเขาเริ่มต้นจากจุดที่สูงขึ้นมามันก็ทำให้เป็นเรื่องยากที่จะแสดงให้เห็นถึงการเติบโตแบบนั้น
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
*ecosystem คำนี้แต่เดิมมีความหมายถึงระบบนิเวศน์สิ่งแวดล้อมค่ะ แต่ในทางธุรกิจจะหมายถึงรูปแบบธุรกิจที่มีการสร้างผลิตภัณฑ์หรือบริการขึ้นมาบริการผู้บริโภคอย่างครบวงจร

ตัวอย่างที่ชัดเจนคือโมเดลของบริษัทแอปเปิ้ลค่ะ แอปเปิ้ลมีผลิตภัณฑ์ให้เลือกใช้ทั้งคอมพิวเตอร์ส่วนบุครล(ไอแมค, แมคบุ๊ค) อุปกรณ์เคลื่อนที่(ไอโฟน, ไอแพด) อุปกรณ์สำหรับสวมใส่(แอปเปิ้ลวอทช์) ทุกอุปกรณ์สามารถเชื่อมต่อข้อมูลกันผ่านระบบไอคลาวด์ และมีบริการอื่นๆทั้งขาย/สตรีมมิ่งเพลงและหนัง บริการพื้นที่เก็บข้อมูล(ไอคลาวด์) บริการรับ-ส่งอีเมล์ มีร้านค้าซื้อขายแอพพลิเคชันและโปรแกรม มีแอปเปิ้ลเพย์ ฯลฯ เป็นบริการครบวงจรที่จะตอบสนองลูกค้าไม่ให้ต้องไปใช้งานบริการของเจ้าอื่น

ซึ่งบิ๊กฮิตเองก็กำลังสร้างระบบนิเวศน์แบบนี้ขึ้นเหมือนกัน ที่เราเห็นกันแล้วตอนนี้คือ ตัวค่ายที่เป็นผู้ผลิตเพลง, แอพพลิเคชัน weply ที่เป็น e-commerce, แอพพลิเคชัน weverse ที่เป็นบริการแพลตฟอร์มแบบมี exclusive content ขายในแอพ, beORIGIN สำนักพิมพ์ที่ตีพิมพ์ The Note

**storytelling เป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่ไม่ได้ขายผลิตภัณฑ์แค่ตัวผลิตภัณฑ์เอง แต่ใช้เรื่องเล่าเข้ามาช่วยให้ผลิตภัณฑ์นั้นมีความน่าสนใจขึ้น

***ย่อหน้านี้เรายอมรับตรงๆว่าอ่านต้นฉบับแล้วก็ไม่เคลียร์เท่าไหร่ค่ะ แต่ตามความเข้าใจเราเราคิดว่าพ่อบังกำลังสื่อว่าไปใช้แพลตฟอร์มที่มีอยู่แล้วก็เหมือนยืมจมูกเขาหายใจ มันมีข้อจำกัดบางอย่างที่ทำให้เราไม่สามารถดึงเอาข้อมูลออกมาใช้เพื่อต่อยอดได้ตามที่ต้องการ แต่ก็ไม่ชัวร์นะคะอ่านแล้วไม่เก็ทจริงๆ

- - - - - - - - - - - - - - - -

ตรงไหนแปลผิดบอกกันได้นะคะ >____<
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่