โรงฟักไข่โบราณของอียิปต์

1.

.
.

บรรดาไก่ที่เลี้ยงกันในฟาร์มนั้น
ส่วนใหญ่แทบไม่เคยผ่าน
การฟักไข่จากแม่ไก่ของพวกมันเลย
แต่พวกมันจะถูกฟักไข่โดยใช้ความร้อนเทียม
เตาอบไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่เรียกว่า ตู้ฟักไข่
ที่มีตั้งแต่หลักสิบฟองถึงพันฟอง
ทำหน้าที่ฟักไข่ได้ในเวลาเดียวกัน
ตู้ฟักไข่เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ทันสมัย
แต่กว่าจะได้ตู้ฟักไข่นั้น
ต้องผ่านประสบการณ์
การเรียนรู้มายาวนานหลายพันปี

ชาวอียิปต์โบราณเป็นชาติแรกที่สร้างโรงฟักไข่
ทำให้บรรดาชาวต่างชาติต่างพากันหลงใหล
และแทบจะไม่เชื่อเลย
เพราะไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน
นักเดินทางหลายคนยอมรับ
วิธีการที่แปลกประหลาดในเรื่องนี้
ในการที่ชาวอียิปต์เพาะเลี้ยงลูกไก่
จากโรงฟักไข่ไม่ใช่จากแม่ไก่
แต่เพราะบรรดานักเดินทาง
ไม่ค่อยจะรู้ลึกถึงรายละเอียด
เกี่ยวกับการทำงานภายในของโรงฟักไข่
เพราะส่วนหนึ่งมาจากชาวอียิปต์เองมักจะบอกไม่หมด
ทำให้บรรดานักเดินทางต่างพากันคาดการณ์
และมักจะเข้าใจผิดในเรื่องนี้

นักเขียนคนหนึ่งอ้างว่า
ไข่นั้นถูกฟักโดยมีคนเข้าไปนั่งฟัก

Friar Simon Fitzsimons
ผู้เดินทางไปยังอียิปต์ในช่วงศตวรรษที่ 14
เขียนด้วยความไม่เชื่อว่า
ลูกไก่ฟักออกจากกองไฟ
โดยไม่มีพ่อไก่กับแม่ไก่
ไข่จะฟักเป็นตัวได้อย่างไร
แต่ท่านไม่รู้ว่า
ไข่ไก่ผ่านการผสมพันธุ์มาก่อนแล้ว
ก่อนที่จะนำไข่ไก่ไปวางไว้ในโรงฟักไข่ประจำบ้าน

แม้แต่ Aristotle
ก็เขียนเกี่ยวกับโรงฟักไข่
โดยบอกว่า ลูกไก่ถูกฟักออกมา
โดยการฝังไข่ไว้ในกองมูลสัตว์
(Aristotle เป็นอาจารย์ของ Alexandre The Great 
ได้ติดตามไปในการรบหลายครั้ง
รวมทั้งการไปยึดอียิปต์ด้วย)

หนังสือท่องเที่ยวเล่มแรก
ที่มีคำอธิบายที่แท้จริง
เกี่ยวกับโรงฟักไข่ของอียิปต์คือ
The Travels of Sir John Mandeville
ตีพิมพ์เมื่อปี 1356  ได้เขียนว่า
ตามบ้านทั่วไปในเมืองนั้น
เต็มไปด้วยเตาเผาขนาดเล็ก
และหลังจากนั้น บรรดาผู้หญิงในเมืองต่างนำ
พวกไข่ไก่ ไข่ห่าน ไข่เป็ด เข้าไปในเตาเผาเหล่านั้น
และคนที่ดูแลบ้านหลังนั้น(เตาฟักไข่)
จะทำความร้อน/ฟักไข่จากการเผามูลม้า
โดยไม่ต้องใช้แม่ไก่ แม่ห่าน แม่เป็ด
ทำการฟักไข่แต่อย่างใด
และเมื่อสิ้นสุดสามสัปดาห์หรือราวหนึ่งเดือน
พวกเธอก็จะกลับมาอีกครั้ง
และเพื่อพาพวกไก่ พวกเป็ด พวกห่าน
บรรดาสัตว์เลี้ยงของพวกเธอ
ที่ฟักตัวออกจากไข่แล้ว
เพื่อนำไปขาย/เลี้ยงต่อภายในครอบครัวของพวกตน
ทำให้บ้านเรือนในชนบทเหล่านี้
เต็มไปด้วยลูกไก่ ลูกห่าน ลูกเป็ด
.
.
.
2.

.
.

ในปี 1750
René Antoine Ferchault de Réaumur
นักธรรมชาติวิทยา/นักวิทยาศาสตร์ชาวฝรั่งเศส
ท่านอธิบายโรงฟักไข่ได้อย่างถูกต้องเป็นครั้งแรก
หลังจากที่ท่านได้เดินทางไปอียิปต์
และเยี่ยมชมโรงฟักไข่หลายแห่งมาก

โดยทั่วไปแล้ว
โรงฟักไข่อียิปต์จะเป็นโครงสร้างอิฐ
สูงประมาณ 9 ฟุต
และประกอบด้วยทางเดินยาวกลาง
ที่เดินผ่านห้องทั้งสองข้าง
ที่ก่อสร้างเป็น 2 ชั้นซ้อนกัน
แต่ละชั้นมีขนาดเท่ากัน
และมีช่องเปิดขนาดใหญ่
พอให้คนคลานเข้าไปข้างในได้
บรรดาไข่จะวางอยู่บนชั้นล่าง
จัดเรียงบนกองผ้าลินินหรือกองฟาง
ห้องด้านบน(ชั้นสอง)
ใช้สำหรับจุดไฟโดยใช้มูลวัว/อูฐผสมกับฟาง
วิธีการนี้ช่วยให้ไฟเผาไหม้ช้าลง
และควบคุมความร้อนได้ง่ายขึ้น

ไฟจะถูกจุดให้ลุกไหม้เพียงวันละ 2 ครั้ง
โดยขึ้นกับสภาพอากาศ
และบรรดาไข่จะถูกหมุนอย่างเพียงพอ
เพื่อให้พวกไข่ได้รับความอบอุ่น
ทุกด้านเสมอกันหลังจากดับไฟ
การหมุนไข่จะทำอย่างต่อเนื่อง
อีกประมาณ 2 สัปดาห์
เมื่อผ่านมาถึงระยะเวลานี้แล้ว
อวัยวะของตัวอ่อนค่อนข้างจะสมบูรณ์
และตัวอ่อนนั้นก็เริ่มก่อรูปก่อร่าง
เพื่อเตรียมฟักออกมาเป็นลูกไก่ ลูกห่าน ลูกเป็ด

ความร้อนภายในเตาฟักไข่
ยังมีการจุดไฟอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งจะต้องใช้เวลาอีกราวหนึ่งสัปดาห์
ที่ทำให้ในที่สุดบรรดาไข่
จะฟักตัวออกมาในวันที่ 21

(เกษตรกรบางคนบอกถ้าไม่หมุนไข่ไก่
ลูกไก่อาจจะตาย/ฟักออกมามักพิการ

ส่วนเทคนิคการต้มไข่ไก่/นกกระทา
ให้ไข่แดงอยู่ตรงกลางไข่ขาว
ต้องใช้วิธีกวนไข่ตอนต้มให้หมุนไปรอบ ๆ
พอไข่สุก ไข่แดงจะอยู่ตรงกลางพอดี)
.
.

เมื่อ  René Antoine Ferchault de Réaumur กลับไปที่ฝรั่งเศส
ท่านก็พยายามสร้างโรงฟักไข่
โดยเลียนแบบวิธีการของอียิปต์
แต่สภาพอากาศในยุโรปนั้นหนาวเย็นกว่า
จึงไม่ประสบความสำเร็จเช่นเดียวกับ
เกษตรกรเลี้ยงสัตว์ปีกชาวอียิปต์

หลังจากการมตะของ
René Antoine Ferchault de Réaumur
ตู้ฟักไข่ก็ถูกพัฒนาขึ้นโดย
Abbé JeanAntoine Nollet
และต่อมาโดยฝีมือของ  Abbé Copineau
ผู้ปรับปรุงการออกแบบของ
René Antoine Ferchault de Réaumur
โดยใช้ตะเกียงแอลกอฮอล์
เพื่อทำความร้อนให้กับไข่
แต่ก็ไม่ได้ผลเหมือนกับ
เกษตรกรเลี้ยงสัตว์ปีกชาวอียิปต์

จนกระทั่งช่วงศตวรรษที่ 19
จึงมีโรงฟักไข่เชิงพาณิชย์แห่งแรกที่เปิดให้บริการ
ในการเพาะไข่ให้ฟักออกมาเป็นตัว
เพื่อจำหน่ายให้กับเกษตรกร
.
3.

.
โรงเพาะฟักแบบอียิปต์ดั้งเดิมใช้ตะเกียงน้ำมัน
เพื่อให้แสงสว่างกับให้ไข่อุ่น 
© Lenny Hogerwerf via Atlas Obscura
.
.

ในอียิปต์  ยังมีโรงฟักไข่หลายร้อยแห่ง
ที่ยังคงใช้วิธีการแบบดั้งเดิม
ที่พัฒนาการมานานหลายพันปีก่อน
แม้ว่าทุกวันนี้ บรรดามูลสัตว์
จะถูกแทนที่ด้วยหลอดไฟ
น้ำมันและเครื่องทำความร้อนไฟฟ้า

แต่เกษตรกรสัตว์ปีกเหล่านี้
ยังคงไม่ใช้อุปกรณ์ที่ทันสมัย
เช่น เทอร์โมมิเตอร์ หรือเทอร์โมสแตท
เพื่อควบคุมอุณหภูมิในโรงฟักไข่
ผู้ฟักไข่ที่ชำนาญและมีทักษะ
ตรวจวัดอุณหภูมิโรงฟักไข่
ด้วยการวางไข่ใบหนึ่งที่สุ่ม
มาบนเปลือกตา(หนังตา)
และใช้การมองเข้าไปภายในโรงพักไข่
เพื่อสัมผัสรับรู้ถึงความร้อนภายในโรงฟักไข่
และหากพบว่าไข่มีความร้อนสูงเกินไป
จะพ่นน้ำเข้าไปข้างในโรงฟักไข่เพื่อลดความร้อน

ส่วนการดูว่าไข่มีการพัฒนาหรือไม่ 
ก็เพียงแค่จับไข่ส่องดูกับ
แหล่งกำเนิดแสง เช่น หลอดไฟ แสงแดด
เปลือกไข่โปร่งแสง พอที่จะแสดงถึง
รูปร่างภายในของไข่ไก่ว่า
พัฒนามาแล้วขนาดไหน
ทักษะเหล่านี้ได้รับการสืบทอด
มาหลายชั่วอายุคนภายในครอบครัว
เทคนิคการประกอบวิชาชีพ
ของเกษตรกรเหล่านี้เป็นความลับ
เป็นเคล็ดวิชาฟักไข่ที่ถ่ายทอดกัน
เฉพาะภายในครอบครัวเท่านั้น

แต่โรงฟักไข่แบบดั้งเดิมของอียิปต์
กำลังจะค่อย ๆ ทะยอยหายไปในไม่ช้านี้
จากการสำรวจในปี 2009 ที่จัดทำโดย
Food and Agricultural Organization of the United Nations
ด้วยการตั้งคำถามเจ้าของโรงฟักไข่(กลุ่มตัวอย่าง)
ถึงความในใจของแต่ละคนว่าจะปรับปรุงวิธีการ
โรงฟักไข่ของตนให้ทันสมัยมากขึ้นกว่าเดิมหรือไม่
เพราะอัตราการฟักไข่ของเครื่องรุ่นใหม่
มีประสิทธิผลมากกว่าโรงฟักไข่แบบเดิม
ที่ใช้ประสบการณ์และทักษะที่ถ่ายทอดสืบต่อกันมา
(เพราะอาจจะเรียนรู้กันมาแบบผิด ๆ ก็ได้
หรือบอกด้วยหลักการวิทยาศาสตร์ไม่ได้ในบางเรื่อง)
.

เรียบเรียง/ที่มา

https://bit.ly/2m674Qj
.

.4.

.
© Lenny Hogerwerf via Atlas Obscura
.
.
5.

.
.

6.

.
ภาพ 7-11  © : ตู้ฟักไข่ ตราไก่ไทย
.
.

7.

.
.

8.

.
.

9.

.
.

10.

.
.

11.

.
.

12.

.
.

13.

.
.
.


เรื่องเล่าไร้สาระ


ไข่ไก่ที่ไม่ฟักออกเป็นตัว
แถวบ้านผมเรียก ไข่ตายโคม
มีบางคนนิยมเอามาต้มกินเป็นอาหาร
ผมขอสารภาพว่า แม้จะเคยเห็น
แต่ผมก็ไม่กล้าดูไม่กล้ากินแต่อย่างใด

ส่วนบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีโรงฟักไก่ไข่
แถวบ้านพรุ-บ้านทุ่งหาดใหญ่
จะขายไข่ตายโคม/ลูกไก่ตัวผู้
โดยนักตรวจ เพศลูกเจี๊ยบ มืออาชีพ
จะจับคัดแยกลูกไก่ตัวผู้ออกมารวมกัน
ส่งให้คนงานจับรวมใส่ถุงดำ
ปิดปากถุงให้ขาดอากาศหายใจ
แล้วนำขยะโรงงานไปแปลง
เป็นเงินแทนการฝังกลบ
โดยขายให้กับคนเลี้ยงจระเข้
/ปลากินเนื้อ/สัตว์อื่น ๆ
นำไปแปรรูปเป็นอาหารสัตว์
ด้วยการบดผสมกับหัวเชื้อ เศษปลา
เศษผักหญ้า อาหารเม็ด ฯลฯ
.
.
.
14.

.
.

ที่อีศานมีการขาย ไข่ฮ้างฮัง
ไข่ด้าน ไข่ข้าว ไข่ที่ฟักไม่เป็นตัว
ต้มแล้วแข็งและเหนียวผิดปรกติ
เป็นอาหารธรรมดาแต่หากินยาก
เป็นทางเลือกสำหรับคนที่ชอบทานไข่
ต้องหามาลองชิมดูชักครั้ง
เนื้อสัมผัสและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์
จะกึบ ๆ นิ่ม ๆ ส่วนรสชาติจะออกเค็มนิด ๆ มัน ๆ
และมีรสหวานจากตัวอ่อนของไก่
ส่วนหน้าตาจะเป็นเหมือนไข่ไก่ทั่วไป
แต่ข้างในจะมีตัวอ่อนของไก่
หรือเป็นรูปร่างไก่อยู่

ไข่ฮ้างฮัง คือ ไข่ที่ฟักไม่สำเร็จ
จนถึงเวลาที่แม่ไก่ต้องเลี้ยงลูกเจี๊ยบ
และต้องทิ้งรังไก่ไป
ตามวิถีชีวิตธรรมชาติของไก่
แม่ไก่จะฟักไข่ประมาณ 21 วัน
และจะทิ้งรังเพื่อเลี้ยงลูก
ไข่ฮ้างฮังแบ่งออกเป็นสองประเภท

1. ไข่ลูก คือไข่มีเชื้อที่เริ่มเจริญเป็นตัวอ่อน
และตายในระยะใดระยะหนึ่ง
ไม่สามารถฟักเป็นตัว
ออกมาจากไข่เป็นลูกเจี๊ยบได้

2. ไข่ข้าว คือไข่ที่ไม่มีเชื้อ
ไม่มีการเจริญเป็นตัวอ่อน
แต่ได้รับการฟักทำให้สภาพ
ของเนื้อไข่เปลี่ยนแปลงไป 
(ความร้อนจากแม่ไก่ฟัก)
ทำให้ไข่ข้าวแตกต่างจากไข่ไก่สดที่ทั่วไป

© : https://bit.ly/2kFnnmV
.
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่