มาต่อกันที่อาหารสัญชาติใหม่ที่เราก็ไม่เคยกินมาก่อน เพิ่งจะรู้ก้ตอนไปกินนี่ละว่าอ้าวบ้านเรามีอาหารแบบนี้ด้วยหรอ 55 ไปดูกันเลยจ้า
ฝากกดไลค์ กดแชร เป็นกำลังใจให้เราด้วยนะคะ
แฟนเพจ FB: ตามล่า Fine Dining
รวบรวมร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์หลายร้อยแห่งทั่วโลก รวมถึงร้านอาหาร “ทุกร้าน” ในมิชลินไกด์ฉบับกรุงเทพฯ ไปล่าของกินด้วยกันค่ะ
🇵🇹 Il Fumo - อิล ฟูโม
🍽 The Plate - มิชลิน เพลท
🦑 ร้านอาหารโปรตุเกสร่วมสมัยชื่อดังย่านพระรามสี่ ควบคุมงานโดยเชฟ Nelson Amorim ชาวโปรตุเกส ผู้ซึ่งเคยร่วมงานกับร้านอาหารอิตาลีสาขามาเก๊าระดับ 1 ดาวมิชลินของเชฟ Umberto Bombana เจ้าของร้านอาหารอิตาลีระดับ 3 ดาวมิชลินอย่าง 8½ Otto e Mezzo Bombana ในฮ่องกง สำหรับ อิล ฟูโม่ เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2015 แรกเริ่มเดิมทีทางร้านเน้นเสิร์ฟอาหารสไตล์ Italian Grill ก่อนที่ต่อมาจะเปลี่ยนมาโฟกัสทางด้านอาหารโปรตุเกสร่วมสมัยในปัจจุบัน
👨🏻🍳 ตัวร้านอาหารเป็นบ้านเดี่ยวที่ได้จากการรีโนเวทบ้านหลังเก่าที่สร้างโดยรัชทายาทของในหลวงรัชกาลสี่ในช่วงต้นศตวรรษที่ยี่สิบให้เป็นร้านอาหาร Fine Dining สุดหรู ภายนอกทาด้วยสีขาว เรียบหรู ดูสะอาดตา ภายในได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากบ้านตากอากาศสุดหรูในประเทศอิตาลี เดินเข้าไปภายในจะพบกับโซนเคาเตอร์บาร์พร้อมเครื่องดื่มแอลกอฮอร์จำหน่าย ในโซนนี้จะเน้นการตกแต่งโดยใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้เป็นหลัก รวมไปถึงการเลือกใช้นาฬิกายุโรปโบราณ และรูปภาพขาวดำแขวนบนผนังเพื่อให้เข้ากันกับบรรยากาศของร้านอีกด้วย ถัดมาเป็นส่วนของห้องทานข้าวที่ตกแต่งแบบเรียบง่าย ไม่มีของประดับตกแต่งมากมาย ครัวที่นี่เป็นแบบ Semi-open กึ่งเปิดสามารถมองผ่านกระจกใสบานใหญ่เข้าไปเห็นเชฟและทีมงานทำอาหารให้เราทานได้ ส่วนสุดท้ายคือส่วนของเทอเรสด้านนอกสำหรับคนที่ต้องการทานอาหารในบรรยากาศริมสวนสุดชิลล์
🌶 เนื่องจากเชฟเนลสันเกิดและโตมาจากแถบ Douro Valley ประเทศโปรตุเกส อาหารที่นี่จึงนำเสนอออกมาเป็นอาหารแนวโปรตุเกสร่วมสมัย มีความเป็นเอกลักษณ์ และหาทานได้ยากในประเทศไทย อาหารโปรตุเกสแม้จะได้รับความนิยมเป็นรองเมื่อเทียบกับอาหารเมดิเตอเรเนียนในประเทศข้างเคียงอย่างสเปนและอิตาลี แต่หากย้อนไปดูบันทึกทางประวัติศาสตร์จะพบว่าอาหารโปรตุเกสมีอิทธิพลต่อวงการอาหารโลกเป็นอย่างมาก เชฟเนลสันเล่าว่า หากไม่มีอาหารโปรตุเกส ก็อาจจะไม่มีเทมปุระในอาหารญี่ปุ่น ไม่มีวินดาลูในอาหารอินเดีย ไม่มีพริกในอาหารไทย และชาก็อาจไม่เป็นที่นิยมในอังกฤษเหมือนในปัจจุบัน
🙂 สำหรับรสชาติอาหารของที่นี่ ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี อาจจะไม่ถึงกับว้าว เเต่ทุกจานรสชาติดี ไม่มีจานไหนด้อย เหมาะสมกับการเป็นร้านอาหารระดับ L'Assiette Michelin หรือ Michelin Plate ราคาที่ร้านตั้งไว้ปกติค่อนข้างสูง เพราะทางร้านมีการนำเข้าวัตถุดิบคุณภาพสูงจากยุโรป แต่วันนี้เป็นโอกาสอันดีที่ทาง BK Top Tables ได้จัดเทศการ Champions Restaurant Week ขึ้น ทำให้ทางร้านจัดเซ็ทเมนูพิเศษโดยอ้างอิงจากเมนูที่มีอยู่เดิมในร้านจำนวน 7 คอร์ส ในราคาเพียง 1900++ ต่อคน (หรือราคาสุทธิ 4,472.60 บาท สำหรับสองคน ไม่รวมเครื่องดื่ม)
📄 Il Fumo 7-Course Tasting Menu
Chef Amorim's Portuguese Snacks
Homemade Bolo do Caco bread served with whipped butter
'Meia Desfeita'
Cod fish / Blood orange emulsion / Chickpeas / Olive oil ice cream
Octopus & Pistachio
Charcoal-grilled octopus / Bronte pistachio purée / Basil oil
'Frango de Piri-Piri' & Plankton
Piri-Piri chicken / Plankton marino
OR
Red Snapper & 'Xerem'
Wild red snapper/ Shellfish 'Xerem' / Mazara del Vallo red prawn
'Arroz Doce'
Lemon / Honey / Kampot black pepper
Portuguese Black Forest
Guanaja dark chocolate 70% / Ginja d'Óbidos / Amarena cherry sorbet
Petit Fours
✌️ อาหารรสชาติดี เหมาะสมกับร้านอาหารระดับมิชลิน เพลท ราคาของเซ็ทเมนูที่เราทานกันต่ำกว่าราคาที่ทางร้านขายปกติ ถือว่าเหมาะสม เหมาะกับคนที่แสวงหาอาหารสชาติแปลกใหม่ ไม่ซ้ำกับร้านอื่นๆในกรุงเทพฯ
รสชาติ : 10/20
ราคา : 10/20
ความคุ้มค่า : 10/20
บรรยากาศ : 14/20
บริการ : 16/20
ความประทับใจโดยรวม : 12/20


- Chef Amorim's Portuguese Snacks
Sardine Tartlette
อันนี้คือกระทงทองแป้งบาง ทอดมาจนกรอบ มีปลาซาดีนอยู่ด้านใน มีมะเขือเทศเชอรี่และดอกไม้ไฮโดรคาร์บอนิคทานได้ ทอปด้วย snail cavair ให้รสชาติเค็มๆมัน (11/20)

- Chef Amorim's Portuguese Snacks
Crispy chorizo
Chorizo คือไส้กรอกหมู มีถิ่นกำเนิดมากจากแถบประเทศสเปนและโปรตุเกส มีประวัติยาวนานไปถึงสมัยยุคโรมัน โดยทางร้านนำเข้าไส้กรอกมา ห่อด้วยแป้ง ทอดจนมีสีเหลือง กรอบ ข้างในมีหมูเนื้อเนียนนุ่ม อร่อยใช้ได้ (12/20)

- Chef Amorim's Portuguese Snacks
Squid ink tomato flower
อันถัดมาคือแป้งกรอบที่มีส่วนผสมของหมึกดำของปลาหมึก ด้านบนทอปด้วยเจลทำจากมะเขือเทศให้รสเปรี้ยวปนกับอุมามิ (11/20)

- Chef Amorim's Portuguese Snacks
ตอนเสิร์ฟจะเสิร์ฟมาพร้อมกันสามอย่าง โดยเริ่มจาก Crispy chorizo ตามด้วย Sardine tartelette และ Squid ink tomato flower ตามลำดับ

- 'Meia Desfeita'
Cod fish / Blood orange emulsion / Chickpeas / Olive oil ice cream
อันถัดมาคือเมนูขึ้นชื่อของร้านคือ เมีย เดสฟีตาห์ โดยเชฟปลาค้อดมาฉีก ผสมกับเครื่องเทศคือปาปริก้า ทอปด้วยถั่วชิกพีและดอกไม้ทานได้ ตรงกลางคือไอศกรีมทำจากน้ำมันมะกอก ราดด้วยซอสอีมัลชั่นทำจากส้มบลัดออเร้นจ์ (13/20)

- 'Meia Desfeita'
Cod fish / Blood orange emulsion / Chickpeas / Olive oil ice cream
ลูกเล่นของจานนี้คือปลาค้อดที่ปรุงมาแบบกึ่งสุกกึ่งดิบ มีเนื้อเนียนและนุ่มมากๆ ทานกับไอศกรีมน้ำมันมะกอกที่มีรสมันเเต่มีกลิ่นหอมอ่อนๆของ Oilive oil ตัดรสเปรี้ยวด้วยส้มบลัดออเร้นจ์ เข้ากันดีจริงๆ (13/20)

- Octopus & Pistachio
Charcoal-grilled octopus / Bronte pistachio purée / Basil oil
คอร์สถัดมาคือหนวดของปลาหมึกยักษ์นำเข้าจากสเปน โดยเชฟนำไปซูวีในน้ำอุ่นก่อนเป็นระยะเวลาหนึ่งชั่วโมงครึ่ง ต่อมาจึงนำไปย่างกับถ่านไม้เชอรี่จนมีกลิ่นหอม รองด้านล่างด้วยพูเรถั่วพิสตาชิโอจากเมืองบรอน สีเขียวๆด้านข้างคือน้ำมันใบเบซิล จุดกลมๆคือพูเรกะหล่ำดอก (10/20)

- Octopus & Pistachio
Charcoal-grilled octopus / Bronte pistachio purée / Basil oil
เนื้อปลาหมึกนุ่มใช้ได้ มีกลิ่นหอมของถ่านเชอรี่ พูเรถั่วพิสตาชิโอกับกะหล่ำดอกมีรสหวานที่แตกต่างกัน เสริมรสกันได้ดี มีความมันจากน้ำมันใบเบซิล จานนี้เน้นชูวัตถุดิบหลักคือหนวดปลาหมึกย่าง ไม่มีอะไรซับซ้อน รสชาติอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน (10/20)

- 'Frango de Piri-Piri' & Plankton
Piri-Piri chicken / Plankton marino
เนื่อไก่ทำออกมาสุกพอดี เนื้อสัมผัสนุ่ม ด้านล่างเป็นซอสพิริพิริทำจากพริกขี้หนู มีรสเผ็ดนำตามแบบฉบับดั้งเดิม น้ำมันแพลงก์ตอนช่วยเสริมรสเค็มและอุมามิ สำหรับมันฝรั่งมายองเนสเองก็เคี้ยวกรอบ ตัดกับรสเผ็ดได้ดี (10/20)

- 'Frango de Piri-Piri' & Plankton
Piri-Piri chicken / Plankton marino
สำหรับเมนคอร์สจานนี้คือไก่พิริพิริ เมนูขึ้นชื่อของประเทศโปรตุเกสที่มีถิ่นกำเนิดมาจากทวีปแอฟริกาใต้ในแถบประเทศแองโกล่าและโมซัมบิก โดยเชฟเลือกส่วนอกของไก่มาซูวีและนำไปแพนเซียต่อจนสุก ราดด้วยซอสพิริพิริแบบโปรตุเกส เเละน้ำมันแพลงก์ตอน ด้านข้างคือมันฝรั่งขนาดเล็กที่คว้านเนื้อด้านในออก นำไปทอดจนกรอบ ตรงกลางใส่ Mashed potato ผสมมายองเนสลงไปให้ทานคู่กัน (10/20)

- Red Snapper & 'Xerem'
Wild red snapper/ Shellfish 'Xerem' / Mazara del Vallo red prawn
คอร์สนี้คือปลาเรดสแนปเปอร์จับจากทะเล โดยเป็นปลาเนื้อขาวจำพวกปลากระพง ด้านข้างคือกุ้งแดง Carabeneros นำเข้าจากเมือง Mazara del Vallo แคว้น Sicily ประเทศอิตาลี ด้านล่างสีเหลืองคือ Polenta หรือธัญพืชที่นำมาบดหยาบๆ เป็นเครื่องเคียงพื้นฐานของอาหารอิตาลี โฟมด้านบนคือซีเร็มทำจากหอยทะเล สีเขียวคือสาหร่ายทะเล และผงสาหร่ายทะเลด้านข้าง

- Red Snapper & 'Xerem'
Wild red snapper/ Shellfish 'Xerem' / Mazara del Vallo red prawn
เนื้อปลาทำออกมานุ่มดี กุ้งแดงเนื้อหวานฉ่ำ อร่อยมาก มีรสอุมามิและรสเค็มจากสาหร่ายทะเล ตัวโปเลนต้าก็ทำออกมาได้ดี มีหลากหลายองค์ประกอบในจานเดียว (10/20)

- 'Arroz Doce'
Lemon / Honey / Kampot black pepper
สำหรับของหวานจานแรกคือ Arroz Doce ในภาษาโปรตุเกส หรือ Rice Pudding ในภาษาอังกฤษ โดยเชฟนำข้าวโปรตุเกสไปหุงกับครีมมะพร้าวจนมีสีขาวครีมทานเเล้วจะมีเนื้อสัมผัสเคี้ยวหยาบของข้าว แต่มีกลิ่นหอมของมะพร้าวไปด้วยกัน ด้านใต้ข้าวเป็นครีมสีเหลืองกลมคือเลมอนคัสตาร์ดรสหวาน เนื้อเนียน หยดเจลน้ำผึ้งเจลเลมอน และพริกไทยดำกำปอตของประเทศกัมพูชาเพื่อตัดรสชาติกัน ด้านบนเป็นไอศกรีมน้ำผึ้งมีรสหวานนำ ด้านข้างสีเขียวคือมิ้นต์บิสกิต ส่วนสีขาวคือคัสตาร์ดน้ำผึ้ง จุดที่เด่นที่สุดของจานนี้นอกจากรสชาติแล้วคือกลิ่นของเลมอนที่ลอยมาแตะจมูกทันทีที่เชฟยกจานนี้มาเสิร์ฟ รสชาติถือว่าทำออกมาได้ดี เเม้ว่าหน้าตาอาหารดูร่วมสมัย แต่ยังคงเอกลักษณ์ของเมนูดั้งเดิมไว้ได้ครบถ้วน (11/20)

- Portuguese Black Forest
Guanaja dark chocolate 70% / Ginja d'Óbidos / Amarena cherry sorbet
คอร์สสุดท้ายคือแบล็คฟอเรสแบบโปรตุเกส มีเค้กเป็นก้อนสี่เหลี่ยมตรงกลาง ด้านบนเป็นมูสทำจากดาร์คช็อกโกแลตกูนายา 70% รองด้านล่างด้วยครัมเบิ้ลขนมปัง ทีเด็ดของจานนี้คือซอเบท์ทำจาก”เหล้าเชอรี่จินจา โดบิดอส” ผสมกับ “อมารินาเชอรี่” เป็นเชอรี่ที่มีรสชาติหวานปนขมเป็นเอกลักษณ์ เจริญเติบโตได้เฉพาะในเมืองโมดีน่าและโบโลญญา ประเทศอิตาลี เพียงสองเมืองเท่านั้นในโลก ด้านบนเป็นแผ่นไวท์ช็อกโกแลตรูปผีเสื้อแสนสวย และด้านหลังเป็นเป็นช็อกโกแลตโค้งไปมา
ตัวซอเบท์เหล้าเชอรี่มีรสเปรี้ยวและหวานนำมาก่อน มีรสขมเป็นอาฟเตอร์เทส ทานตัดกับแผ่นไวท์ช็อกโกแลตและเค้กช็อกโกแลตรสหวานได้ดี มีหลากหลายองค์ประกอบมากในหนึ่งจาน มีรสชาติดีกว่ามาตรฐาน ถือว่าทำออกมาได้ดีเลยทีเดียว (13/20)
ตามกันต่อในคอมเม้นนะคะ
ปล.ฝากติดตามแฟนเพจ FB: ตามล่า Fine Dining
รวบรวมร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์หลายร้อยแห่งทั่วโลก รวมถึงร้านอาหาร “ทุกร้าน” ในมิชลินไกด์ฉบับกรุงเทพฯ ไปล่าของกินด้วยกันค่ะ
[CR] Il Fumo - อิล ฟูโม ร้านอาหารโปรตุเกสร่วมสมัยชื่อดังย่านพระรามสี่ ตามไปล่า by ตามล่า Fine Dining
ฝากกดไลค์ กดแชร เป็นกำลังใจให้เราด้วยนะคะ
แฟนเพจ FB: ตามล่า Fine Dining
รวบรวมร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์หลายร้อยแห่งทั่วโลก รวมถึงร้านอาหาร “ทุกร้าน” ในมิชลินไกด์ฉบับกรุงเทพฯ ไปล่าของกินด้วยกันค่ะ
🇵🇹 Il Fumo - อิล ฟูโม
🍽 The Plate - มิชลิน เพลท
🦑 ร้านอาหารโปรตุเกสร่วมสมัยชื่อดังย่านพระรามสี่ ควบคุมงานโดยเชฟ Nelson Amorim ชาวโปรตุเกส ผู้ซึ่งเคยร่วมงานกับร้านอาหารอิตาลีสาขามาเก๊าระดับ 1 ดาวมิชลินของเชฟ Umberto Bombana เจ้าของร้านอาหารอิตาลีระดับ 3 ดาวมิชลินอย่าง 8½ Otto e Mezzo Bombana ในฮ่องกง สำหรับ อิล ฟูโม่ เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2015 แรกเริ่มเดิมทีทางร้านเน้นเสิร์ฟอาหารสไตล์ Italian Grill ก่อนที่ต่อมาจะเปลี่ยนมาโฟกัสทางด้านอาหารโปรตุเกสร่วมสมัยในปัจจุบัน
👨🏻🍳 ตัวร้านอาหารเป็นบ้านเดี่ยวที่ได้จากการรีโนเวทบ้านหลังเก่าที่สร้างโดยรัชทายาทของในหลวงรัชกาลสี่ในช่วงต้นศตวรรษที่ยี่สิบให้เป็นร้านอาหาร Fine Dining สุดหรู ภายนอกทาด้วยสีขาว เรียบหรู ดูสะอาดตา ภายในได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากบ้านตากอากาศสุดหรูในประเทศอิตาลี เดินเข้าไปภายในจะพบกับโซนเคาเตอร์บาร์พร้อมเครื่องดื่มแอลกอฮอร์จำหน่าย ในโซนนี้จะเน้นการตกแต่งโดยใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้เป็นหลัก รวมไปถึงการเลือกใช้นาฬิกายุโรปโบราณ และรูปภาพขาวดำแขวนบนผนังเพื่อให้เข้ากันกับบรรยากาศของร้านอีกด้วย ถัดมาเป็นส่วนของห้องทานข้าวที่ตกแต่งแบบเรียบง่าย ไม่มีของประดับตกแต่งมากมาย ครัวที่นี่เป็นแบบ Semi-open กึ่งเปิดสามารถมองผ่านกระจกใสบานใหญ่เข้าไปเห็นเชฟและทีมงานทำอาหารให้เราทานได้ ส่วนสุดท้ายคือส่วนของเทอเรสด้านนอกสำหรับคนที่ต้องการทานอาหารในบรรยากาศริมสวนสุดชิลล์
🌶 เนื่องจากเชฟเนลสันเกิดและโตมาจากแถบ Douro Valley ประเทศโปรตุเกส อาหารที่นี่จึงนำเสนอออกมาเป็นอาหารแนวโปรตุเกสร่วมสมัย มีความเป็นเอกลักษณ์ และหาทานได้ยากในประเทศไทย อาหารโปรตุเกสแม้จะได้รับความนิยมเป็นรองเมื่อเทียบกับอาหารเมดิเตอเรเนียนในประเทศข้างเคียงอย่างสเปนและอิตาลี แต่หากย้อนไปดูบันทึกทางประวัติศาสตร์จะพบว่าอาหารโปรตุเกสมีอิทธิพลต่อวงการอาหารโลกเป็นอย่างมาก เชฟเนลสันเล่าว่า หากไม่มีอาหารโปรตุเกส ก็อาจจะไม่มีเทมปุระในอาหารญี่ปุ่น ไม่มีวินดาลูในอาหารอินเดีย ไม่มีพริกในอาหารไทย และชาก็อาจไม่เป็นที่นิยมในอังกฤษเหมือนในปัจจุบัน
🙂 สำหรับรสชาติอาหารของที่นี่ ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี อาจจะไม่ถึงกับว้าว เเต่ทุกจานรสชาติดี ไม่มีจานไหนด้อย เหมาะสมกับการเป็นร้านอาหารระดับ L'Assiette Michelin หรือ Michelin Plate ราคาที่ร้านตั้งไว้ปกติค่อนข้างสูง เพราะทางร้านมีการนำเข้าวัตถุดิบคุณภาพสูงจากยุโรป แต่วันนี้เป็นโอกาสอันดีที่ทาง BK Top Tables ได้จัดเทศการ Champions Restaurant Week ขึ้น ทำให้ทางร้านจัดเซ็ทเมนูพิเศษโดยอ้างอิงจากเมนูที่มีอยู่เดิมในร้านจำนวน 7 คอร์ส ในราคาเพียง 1900++ ต่อคน (หรือราคาสุทธิ 4,472.60 บาท สำหรับสองคน ไม่รวมเครื่องดื่ม)
📄 Il Fumo 7-Course Tasting Menu
Chef Amorim's Portuguese Snacks
Homemade Bolo do Caco bread served with whipped butter
'Meia Desfeita'
Cod fish / Blood orange emulsion / Chickpeas / Olive oil ice cream
Octopus & Pistachio
Charcoal-grilled octopus / Bronte pistachio purée / Basil oil
'Frango de Piri-Piri' & Plankton
Piri-Piri chicken / Plankton marino
OR
Red Snapper & 'Xerem'
Wild red snapper/ Shellfish 'Xerem' / Mazara del Vallo red prawn
'Arroz Doce'
Lemon / Honey / Kampot black pepper
Portuguese Black Forest
Guanaja dark chocolate 70% / Ginja d'Óbidos / Amarena cherry sorbet
Petit Fours
✌️ อาหารรสชาติดี เหมาะสมกับร้านอาหารระดับมิชลิน เพลท ราคาของเซ็ทเมนูที่เราทานกันต่ำกว่าราคาที่ทางร้านขายปกติ ถือว่าเหมาะสม เหมาะกับคนที่แสวงหาอาหารสชาติแปลกใหม่ ไม่ซ้ำกับร้านอื่นๆในกรุงเทพฯ
รสชาติ : 10/20
ราคา : 10/20
ความคุ้มค่า : 10/20
บรรยากาศ : 14/20
บริการ : 16/20
ความประทับใจโดยรวม : 12/20
Sardine Tartlette
อันนี้คือกระทงทองแป้งบาง ทอดมาจนกรอบ มีปลาซาดีนอยู่ด้านใน มีมะเขือเทศเชอรี่และดอกไม้ไฮโดรคาร์บอนิคทานได้ ทอปด้วย snail cavair ให้รสชาติเค็มๆมัน (11/20)
Crispy chorizo
Chorizo คือไส้กรอกหมู มีถิ่นกำเนิดมากจากแถบประเทศสเปนและโปรตุเกส มีประวัติยาวนานไปถึงสมัยยุคโรมัน โดยทางร้านนำเข้าไส้กรอกมา ห่อด้วยแป้ง ทอดจนมีสีเหลือง กรอบ ข้างในมีหมูเนื้อเนียนนุ่ม อร่อยใช้ได้ (12/20)
Squid ink tomato flower
อันถัดมาคือแป้งกรอบที่มีส่วนผสมของหมึกดำของปลาหมึก ด้านบนทอปด้วยเจลทำจากมะเขือเทศให้รสเปรี้ยวปนกับอุมามิ (11/20)
ตอนเสิร์ฟจะเสิร์ฟมาพร้อมกันสามอย่าง โดยเริ่มจาก Crispy chorizo ตามด้วย Sardine tartelette และ Squid ink tomato flower ตามลำดับ
Cod fish / Blood orange emulsion / Chickpeas / Olive oil ice cream
อันถัดมาคือเมนูขึ้นชื่อของร้านคือ เมีย เดสฟีตาห์ โดยเชฟปลาค้อดมาฉีก ผสมกับเครื่องเทศคือปาปริก้า ทอปด้วยถั่วชิกพีและดอกไม้ทานได้ ตรงกลางคือไอศกรีมทำจากน้ำมันมะกอก ราดด้วยซอสอีมัลชั่นทำจากส้มบลัดออเร้นจ์ (13/20)
Cod fish / Blood orange emulsion / Chickpeas / Olive oil ice cream
ลูกเล่นของจานนี้คือปลาค้อดที่ปรุงมาแบบกึ่งสุกกึ่งดิบ มีเนื้อเนียนและนุ่มมากๆ ทานกับไอศกรีมน้ำมันมะกอกที่มีรสมันเเต่มีกลิ่นหอมอ่อนๆของ Oilive oil ตัดรสเปรี้ยวด้วยส้มบลัดออเร้นจ์ เข้ากันดีจริงๆ (13/20)
Charcoal-grilled octopus / Bronte pistachio purée / Basil oil
คอร์สถัดมาคือหนวดของปลาหมึกยักษ์นำเข้าจากสเปน โดยเชฟนำไปซูวีในน้ำอุ่นก่อนเป็นระยะเวลาหนึ่งชั่วโมงครึ่ง ต่อมาจึงนำไปย่างกับถ่านไม้เชอรี่จนมีกลิ่นหอม รองด้านล่างด้วยพูเรถั่วพิสตาชิโอจากเมืองบรอน สีเขียวๆด้านข้างคือน้ำมันใบเบซิล จุดกลมๆคือพูเรกะหล่ำดอก (10/20)
Charcoal-grilled octopus / Bronte pistachio purée / Basil oil
เนื้อปลาหมึกนุ่มใช้ได้ มีกลิ่นหอมของถ่านเชอรี่ พูเรถั่วพิสตาชิโอกับกะหล่ำดอกมีรสหวานที่แตกต่างกัน เสริมรสกันได้ดี มีความมันจากน้ำมันใบเบซิล จานนี้เน้นชูวัตถุดิบหลักคือหนวดปลาหมึกย่าง ไม่มีอะไรซับซ้อน รสชาติอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน (10/20)
Piri-Piri chicken / Plankton marino
เนื่อไก่ทำออกมาสุกพอดี เนื้อสัมผัสนุ่ม ด้านล่างเป็นซอสพิริพิริทำจากพริกขี้หนู มีรสเผ็ดนำตามแบบฉบับดั้งเดิม น้ำมันแพลงก์ตอนช่วยเสริมรสเค็มและอุมามิ สำหรับมันฝรั่งมายองเนสเองก็เคี้ยวกรอบ ตัดกับรสเผ็ดได้ดี (10/20)
Piri-Piri chicken / Plankton marino
สำหรับเมนคอร์สจานนี้คือไก่พิริพิริ เมนูขึ้นชื่อของประเทศโปรตุเกสที่มีถิ่นกำเนิดมาจากทวีปแอฟริกาใต้ในแถบประเทศแองโกล่าและโมซัมบิก โดยเชฟเลือกส่วนอกของไก่มาซูวีและนำไปแพนเซียต่อจนสุก ราดด้วยซอสพิริพิริแบบโปรตุเกส เเละน้ำมันแพลงก์ตอน ด้านข้างคือมันฝรั่งขนาดเล็กที่คว้านเนื้อด้านในออก นำไปทอดจนกรอบ ตรงกลางใส่ Mashed potato ผสมมายองเนสลงไปให้ทานคู่กัน (10/20)
Wild red snapper/ Shellfish 'Xerem' / Mazara del Vallo red prawn
คอร์สนี้คือปลาเรดสแนปเปอร์จับจากทะเล โดยเป็นปลาเนื้อขาวจำพวกปลากระพง ด้านข้างคือกุ้งแดง Carabeneros นำเข้าจากเมือง Mazara del Vallo แคว้น Sicily ประเทศอิตาลี ด้านล่างสีเหลืองคือ Polenta หรือธัญพืชที่นำมาบดหยาบๆ เป็นเครื่องเคียงพื้นฐานของอาหารอิตาลี โฟมด้านบนคือซีเร็มทำจากหอยทะเล สีเขียวคือสาหร่ายทะเล และผงสาหร่ายทะเลด้านข้าง
Wild red snapper/ Shellfish 'Xerem' / Mazara del Vallo red prawn
เนื้อปลาทำออกมานุ่มดี กุ้งแดงเนื้อหวานฉ่ำ อร่อยมาก มีรสอุมามิและรสเค็มจากสาหร่ายทะเล ตัวโปเลนต้าก็ทำออกมาได้ดี มีหลากหลายองค์ประกอบในจานเดียว (10/20)
Lemon / Honey / Kampot black pepper
สำหรับของหวานจานแรกคือ Arroz Doce ในภาษาโปรตุเกส หรือ Rice Pudding ในภาษาอังกฤษ โดยเชฟนำข้าวโปรตุเกสไปหุงกับครีมมะพร้าวจนมีสีขาวครีมทานเเล้วจะมีเนื้อสัมผัสเคี้ยวหยาบของข้าว แต่มีกลิ่นหอมของมะพร้าวไปด้วยกัน ด้านใต้ข้าวเป็นครีมสีเหลืองกลมคือเลมอนคัสตาร์ดรสหวาน เนื้อเนียน หยดเจลน้ำผึ้งเจลเลมอน และพริกไทยดำกำปอตของประเทศกัมพูชาเพื่อตัดรสชาติกัน ด้านบนเป็นไอศกรีมน้ำผึ้งมีรสหวานนำ ด้านข้างสีเขียวคือมิ้นต์บิสกิต ส่วนสีขาวคือคัสตาร์ดน้ำผึ้ง จุดที่เด่นที่สุดของจานนี้นอกจากรสชาติแล้วคือกลิ่นของเลมอนที่ลอยมาแตะจมูกทันทีที่เชฟยกจานนี้มาเสิร์ฟ รสชาติถือว่าทำออกมาได้ดี เเม้ว่าหน้าตาอาหารดูร่วมสมัย แต่ยังคงเอกลักษณ์ของเมนูดั้งเดิมไว้ได้ครบถ้วน (11/20)
Guanaja dark chocolate 70% / Ginja d'Óbidos / Amarena cherry sorbet
คอร์สสุดท้ายคือแบล็คฟอเรสแบบโปรตุเกส มีเค้กเป็นก้อนสี่เหลี่ยมตรงกลาง ด้านบนเป็นมูสทำจากดาร์คช็อกโกแลตกูนายา 70% รองด้านล่างด้วยครัมเบิ้ลขนมปัง ทีเด็ดของจานนี้คือซอเบท์ทำจาก”เหล้าเชอรี่จินจา โดบิดอส” ผสมกับ “อมารินาเชอรี่” เป็นเชอรี่ที่มีรสชาติหวานปนขมเป็นเอกลักษณ์ เจริญเติบโตได้เฉพาะในเมืองโมดีน่าและโบโลญญา ประเทศอิตาลี เพียงสองเมืองเท่านั้นในโลก ด้านบนเป็นแผ่นไวท์ช็อกโกแลตรูปผีเสื้อแสนสวย และด้านหลังเป็นเป็นช็อกโกแลตโค้งไปมา
ตัวซอเบท์เหล้าเชอรี่มีรสเปรี้ยวและหวานนำมาก่อน มีรสขมเป็นอาฟเตอร์เทส ทานตัดกับแผ่นไวท์ช็อกโกแลตและเค้กช็อกโกแลตรสหวานได้ดี มีหลากหลายองค์ประกอบมากในหนึ่งจาน มีรสชาติดีกว่ามาตรฐาน ถือว่าทำออกมาได้ดีเลยทีเดียว (13/20)
ตามกันต่อในคอมเม้นนะคะ
ปล.ฝากติดตามแฟนเพจ FB: ตามล่า Fine Dining
รวบรวมร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์หลายร้อยแห่งทั่วโลก รวมถึงร้านอาหาร “ทุกร้าน” ในมิชลินไกด์ฉบับกรุงเทพฯ ไปล่าของกินด้วยกันค่ะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้