สิ่งใดที่ทำให้เราเป็นหัวก้าวหน้า?

ตั้งแต่ผมเด็กๆ ผมเติบโตมาในครอบครัวหัวอนุรักษ์นิยมสุดๆ ผมจึงยังไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมคนถึงเรียกร้องสิทธิเสรีภาพหรือความยุติธรรมอะไรกันหนักนา

จนพอผมโตขึ้น ได้เรียนรู้สิ่งต่างๆจากสื่อและ มีเดียมากขึ้นผมจึงรู้ว่าโลกนี้มันไม่ได้เป็นอย่างที่ผมคิด และตอนนี้ผมเองจากที่เคยเป็นกลางๆ ไม่ยุ่งไม่สนใจเรื่องการเมือง ผมก็เริ่มหันมาสนใจหลักแนวคิด liberalism มากขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้คนจะเรียกผมว่า "พวกนิยมฝั่งซ้าย" ผมก็ไม่แปลกใจ และผมก็รู้สึกภูมิใจที่ตัวเองมาถึงจุดนี้ 555

ถึงกระนั้นก็มีสิ่งหนึ่งที่ผมสงสัยมานาน คือ สิ่งใดที่ทำให้เราถูกเรียกว่าเป็น "หัวก้าวหน้า" เพราะเอาเข้าจริงสำหรับผม หัวก้าวหน้าคือผู้ที่มองโลกตามความเป็นจริง ไม่หลงเชื่องมงาย ไม่ปิดหูปิดตาปิดกั้น หรือยึดติดแบบพวกหัวอนุรักษ์ พวกเราจึงสามารถมองเห็นปัญหาที่พวกหัวอนุรักษ์มองไม่เห็นหรือทำเป็นมองไม่เห็น และสามารถที่จะพัฒนาแก้ไขมัน เพื่อประเทศชาติที่ยั่งยืนได้

แต่จากประสบการณ์ของผม มันมีบางครั้งที่ผมไปพบเจอกับคนที่เรียกตัวเองว่า "หัวก้าวหน้า" ซึ่งคนเหล่านี้ (หมายถึงแค่กลุ่มคนที่ผมพบเจอที่ผมพูดไว้ในด้านล่าง) ต่างเรียกร้องสิทธิมนุษยธรรมอย่างมาก ตั้งแต่เรียกร้องให้ชาวนาชาวเขายันเรื่องแบ่งแยกดินแดน ต่อสู้และต่อต้านกับฝั่งขวาและความอยุติธรรมอย่างสุดฤทธิ์ และสนับสนุนฝั่งซ้ายของพวกเราอย่างบริสุทธิ์ใจ รวมทั้งเรียกร้องเสรีภาพในทุกๆด้าน

แต่เมื่อผมลองได้ไปคุยกับพวกเขา ผมกลับรู้สึกว่ามันมีหลายๆอย่างที่ทำให้ผมสับสน เช่นคนก่อนที่สนับสนุนสิทธิมนุษยธรรมเต็มที่ สิทธิเสรีภาพทุกรูปแบบ แต่เขากลับบอกว่าศาสนาพุทธ = ศาสนาสลิ่ม เพราะมีสลิ่มนับถือมาก ทั้งๆที่คนเคร่งพุทธหลายคนเขาก็สนับสนุนฝั่งส้มแดง และพอผมอธิบายไป เขาก็บอกว่ามันเป็นไปไม่ได้เพราะศาสนาพุทธเป็นของสลิ่ม เป็นสิ่งที่สลิ่มใช้ละเมิดสิทธิมนุษยชนผู้อื่น สมควรถูกกำจัดให้หมดไป และส้มแดงทุกคนที่เป็นพุทธคือส้มแดงโง่ที่ไม่รู้จักใช้สมอง มีค่าไม่ต่างจากสลิ่ม

อีกคนที่ผมเจอคือคนที่บอกว่าพวกดอกเตอร์หรือหมอในไทยเป็นพวกคนโง่ที่อาศัยเงินพ่อแม่จนยัดเข้าตำแหน่งได้ เป็นพวกโง่ๆที่ตัวเขาเองยังฉลาดกว่าเยอะ พอผมเข้าไปอธิบายว่ามันไม่เป็นจริงอย่างที่เขาคิด เขาก็ออกมาพูดเบี่ยง และยกตัวอย่างเหมารวมว่าทุกคนเป็นคนโง่อย่างที่เขาคิด และพอผมแย้งไปอีก เขาก็เอาหลักสิทธิมนุษยธรรมมาอ้างปกป้องความเชื่อของเขา ว่าพวกดอกเตอร์ในไทยชอบเอาเปรียบคนจน ดังนั้นถ้าผมบอกว่าดอกเตอร์ในไทยไม่ได้โง่หมดแสดงว่าผมสนับสนุนการเอาเปรียบคนจน แล้วเขาก็อ้างหลักสิทธิเสรีภาพอะไรยาวๆก็ไม่รู้แล้วปิดท้ายว่าความคิดของตัวเองถูก ซึ่งผมก็งงเพราะดอกเตอร์หลายคนที่มาจากเด็กชาวบ้านที่ขยันเรียน สู้ชีวิตก็มีตั้งเยอะ และผมก็ไม่ได้พูดสักคำเลยว่าผมสนับสนุนการเอาเปรียบคนจน ผมแค่บอกเขาว่า "อย่าเหมารวม" เฉยๆ แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ฟังและอ้างไปทั่ว

ผมรู้ว่าคนเรามันไม่เหมือนกัน ไม่ว่าฝั่งไหนก็มีทั้งคนที่ดีหรือแย่หมด และที่ผมพบเจอมาก็อาจเป็นเพียงปลาเน่าไม่กี่ตัวในกระด้ง

แต่ถึงกระนั้นผมก็อดสงสัยไม่ได้ว่า สรุปแล้วสิ่งใดที่ทำให้พวกเราเป็น "หัวก้าวหน้า" มันคือการเรียกร้องสิทธิมนุษยธรรมความเท่าเทียม? หรือคือการออกตัวด่าฝั่งขวาอย่างโจ่งแจ้ง? และกลุ่มคนที่ผมพูดถึงดังกล่าวถูกจัดเป็นหัวก้าวหน้าหรือไม่ ผมเองก็กำลังหาคำตอบอยู่ เพื่อนๆมีความคิดเช่นไรบ้างครับ

ปล.เห็นต่างหรือวิจารณ์ผมได้ ผมไม่ว่าครับเพราะสำหรับผมการวิจารณ์ถือเป็นหนึ่งสิ่งที่ทำให้เราเข้าใจจุดผิดพลาดของตัวเองและพัฒนาขึ้น และผมเองก็อยากเข้าใจมุมมองต่อฝ่ายซ้ายที่ผมสนใจมากขึ้นด้วย
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 8
หัวก้าวหน้าในมุมมองเราคือ ไม่ยึดติดกับกรอบ
สมมุติ มีรถกำลังขับอยู่บนถนนเส้นนึงจำนวนนับร้อยนับพันคัน และมีรถนำขบวนหนึ่งคัน เพื่อมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง
ขับมาสักพัก เจอถนนดินลูกรังเส้นเล็กๆเลี้ยวเข้าไปในซอย

คนที่เป็นอนุรักษ์นิยมจะขับไปต่อ จะช้าจะเร็วยังไงก็ถึงเมืองหลวง ขับตามๆกันไปอย่างมั่นคง เป็นระเบียบ ปลอดภัย ไม่มีนอกกรอบ ไม่เปลี่ยนแปลง
ไม่ว่ากรอบที่ทำๆกันอยู่มันจะมีข้อดีข้อเสียอะไรยังไงบ้าง ไม่สนใจ เชื่อว่าเป็นกรอบที่ขัดเกลามาอย่างยาวนาน จึงดีสุดแล้ว เหมาะสมสุดแล้ว  
อดีตคือดีงาม ปัจจุบันคือต้องปกป้องอดีต

แต่หัวก้าวหน้าจะเลี้ยวเข้าไปในถนนเส้นเล็กๆนั่น ไม่ว่าผลที่ออกมามันจะเป็นทางลัด  ไปเจอขุมทอง ไปเจอแหล่งน้ำมัน ไปเจอมนุษย์ต่างดาว หรือขับรถตกคลองซะงั้น แต่หัวก้าวหน้าก็เลือกจะท้าทาย ต้องการเปลี่ยนแปลง ต้องการสิ่งใหม่ๆ มุมมองใหม่ การเจริญเติบโต
อาจไม่เน้นสงบ ความเป็นระเบียบ ความปลอดภัยมากนัก
รับได้กับความขัดแย้ง การกระทบกระทั่ง การท้าทาย เพราะยังไงสังคมคือกลุ่มก้อนของความวุ่นวายอยู่แล้ว
ปัจจุบันคือต้องแก้ไข  ดีงามคืออนาคต

ส่วนพวกสุดโต่งมันมีทั้งสองฝั่งอยู่แล้ว ไม่ต้องไปสนับสนุนคนเหล่านั้น

นอกเรื่องว่า ฝ่ายนึงเป็นคนดีหมดทุกคนเป็นไปไม่ได้ ฝ่ายนึงเป็นคนเลวหมดทุกคนเป็นไปไม่ได้ มนุษย์มีดีเลวอยู่ในตัว
คนดีไม่ดีมีปะปนกันไปทุกหมู่เหล่า  การผูกขาดความดี เพื่อให้อีกฝ่ายเป็นคนไม่ดี มีแต่จะสร้างความร้าวฉานไม่จบสิ้น (แต่มันดีในแง่ผู่ปกครองที่จะแบ่งแยกแล้วปกครอง)

อีกอย่าง คนไม่ใช่หุ่นยนต์ ความแตกต่างเป็นเรื่องธรรมดา ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ทำอย่างไรให้ทุกคนคิดเหมือนกัน มันทำไม่ได้ ประเด็นคือทำอย่างไรให้ความแตกต่างอยู่ด้วยกันได้  ก็จะวนมาเรื่องทุกคนอยู่บนกติกาเดียวกัน ตัดสินอย่างเป็นธรรม ไม่มีลำเอียง
ถ้าลำเอียงก็ไม่ยุติธรรรม ไม่ยุติธรรมก็ต้องบาดหมางกันเรื่อยไป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่