เมื่อได้พิจารณาสื่อนั้น อ่านคำฟังคำของ อาจารย์เฉลิมชัย และ จอห์นวิญญู
ก็เห็นว่าเด็กคนนั้นคิดว่า พระพุทธเจ้าคือฮีโร่เหมือนยอดมนุษย์อุลตร้าแมน
คือ คิดดีและต้องการสื่อความคิดดีนั้นออกมาว่าตัวน้องเขาเห็นพระพุทธเจ้าเป็นยอดมนุษย์
พระมหาไพรวัลย์ท่านก็เหมือนกับชาวพุทธที่ได้ศึกษาพระอภิธรรมเข้าใจก็คิดเหมือนๆกันคือไม่รู้สึกอะไร
แต่ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของเด็ก ว่าสิ่งที่คิดว่าจะได้รับคำชื่นชม กลับถูกประนามดราม่าอย่างถล่มทลาย
อันนี้จึงเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับคนดีคนอื่นๆต่อไป
พระพุทธเจ้า ตรัสรู้ อริยสัจจะ๔ และบอกหนทางให้ไปถึงพระนิพพาน ไม่ได้เป็นผู้กำจัดความชั่วร้ายทั้งปวงบนโลก
ถ้าสื่อว่าพระพุทธเจ้าเป็นผู้บอกหนทางให้ไปถึงพระนิพพาน ก็จะไม่สื่อออกมาแบบนั้น
เพราะความไม่รู้ แต่คิดดี ก็เป็นแบบนี้
-พิจารณาอย่างนี้แล้วจึงวางเฉย
-และเมื่อเด็กออกมากราบขอโทษแล้วด้วยเหตุแห่งความไม่รู้ หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์
-เมื่อท่านผู้มีปัญญาทั้งหลายมีความเห็นว่า เด็กคนนั้นก็เหมือนลูกหลานแท้ๆของพวกท่านทั้งหลายได้ พวกท่านทั้งหลายก็จะหยุดขุ่นข้องหมองใจ และได้อภัยให้หมดจดไปแล้ว
-ความขุ่นข้องหมองใจ(โทมมานัสสะสะหะคะตัง) ที่มีที่มาจาก รูปารมณ์ กระทบ จักขุปสาท เกิดจักขุวิญญาน แล้วปรุงแต่งเป็นโทสะมูลจิต เกิดขึ้น โทสะตามรู้โทสะ ในมโนทวารวิถี แต่ครั้นมีสติกลับมารู้โทสะ จนกระทั่งสติรู้สติ ในมโนทวารวิถีหลังๆ โทสะอารมณ์ที่ตามรู้ในปัจจุบันก็เบาบางลงจนกระทั่งสิ้นหมดจดไปแล้วในมโนทวารวิถีต่อๆมา เมื่อในมโนทวารวิถีในปัจจุบันได้เกิด สติเจตสิก ซึ่งเป็นกุศลเจตสิก ก็นับว่าได้โยนิโสมนสิการแล้ว ปัญญาเจตสิกเกิดแล้ว มโนสัมผัสสชาเวทนา เป็น อุเบกขา ตัณหา อุปทาน ก็ไม่เกิด อุปปัติภวะก็ไม่สร้างรอ
สิ่งที่สื่อว่า พระพุทธเจ้า กำจัดความชั่วร้ายทั้งปวงในโลก
ก็เห็นว่าเด็กคนนั้นคิดว่า พระพุทธเจ้าคือฮีโร่เหมือนยอดมนุษย์อุลตร้าแมน
คือ คิดดีและต้องการสื่อความคิดดีนั้นออกมาว่าตัวน้องเขาเห็นพระพุทธเจ้าเป็นยอดมนุษย์
พระมหาไพรวัลย์ท่านก็เหมือนกับชาวพุทธที่ได้ศึกษาพระอภิธรรมเข้าใจก็คิดเหมือนๆกันคือไม่รู้สึกอะไร
แต่ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของเด็ก ว่าสิ่งที่คิดว่าจะได้รับคำชื่นชม กลับถูกประนามดราม่าอย่างถล่มทลาย
อันนี้จึงเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับคนดีคนอื่นๆต่อไป
พระพุทธเจ้า ตรัสรู้ อริยสัจจะ๔ และบอกหนทางให้ไปถึงพระนิพพาน ไม่ได้เป็นผู้กำจัดความชั่วร้ายทั้งปวงบนโลก
ถ้าสื่อว่าพระพุทธเจ้าเป็นผู้บอกหนทางให้ไปถึงพระนิพพาน ก็จะไม่สื่อออกมาแบบนั้น
เพราะความไม่รู้ แต่คิดดี ก็เป็นแบบนี้
-พิจารณาอย่างนี้แล้วจึงวางเฉย
-และเมื่อเด็กออกมากราบขอโทษแล้วด้วยเหตุแห่งความไม่รู้ หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์
-เมื่อท่านผู้มีปัญญาทั้งหลายมีความเห็นว่า เด็กคนนั้นก็เหมือนลูกหลานแท้ๆของพวกท่านทั้งหลายได้ พวกท่านทั้งหลายก็จะหยุดขุ่นข้องหมองใจ และได้อภัยให้หมดจดไปแล้ว
-ความขุ่นข้องหมองใจ(โทมมานัสสะสะหะคะตัง) ที่มีที่มาจาก รูปารมณ์ กระทบ จักขุปสาท เกิดจักขุวิญญาน แล้วปรุงแต่งเป็นโทสะมูลจิต เกิดขึ้น โทสะตามรู้โทสะ ในมโนทวารวิถี แต่ครั้นมีสติกลับมารู้โทสะ จนกระทั่งสติรู้สติ ในมโนทวารวิถีหลังๆ โทสะอารมณ์ที่ตามรู้ในปัจจุบันก็เบาบางลงจนกระทั่งสิ้นหมดจดไปแล้วในมโนทวารวิถีต่อๆมา เมื่อในมโนทวารวิถีในปัจจุบันได้เกิด สติเจตสิก ซึ่งเป็นกุศลเจตสิก ก็นับว่าได้โยนิโสมนสิการแล้ว ปัญญาเจตสิกเกิดแล้ว มโนสัมผัสสชาเวทนา เป็น อุเบกขา ตัณหา อุปทาน ก็ไม่เกิด อุปปัติภวะก็ไม่สร้างรอ