ข้อ 1. โจทย์มีอยู่ว่า จากข้อมูลที่ให้มา เราจะสามารถใช้วิธีใดในการเข้าถึงมรรคผลนิพพานเร็วที่สุด และใช้เวลาในการบำเพ็ญกี่กัปถึงจะเต็ม แสนมหากัป ให้คำนวนจากข้อมูลที่ให้มาตามนี้ องค์พระอรหันตสาวกปกติ ต้องใช้ระยะเวลาบำเพ็ญบารมี แสนมหากัป
สร้างพระ 1 องค์ ได้อานิสงส์ 5 กัป
บวชเณรด้วยตัวเอง ได้อานิสงส์ 30 กัป (ได้ 1 ครั้ง ต่อ 1 ชาติที่เกิดมา)
ลูกบวชเณรให้ พ่อแม่ได้อานิสงส์ 15 กัป
บวชเป็นพระด้วยตัวเอง ได้รับอานิสงส์ 60 กัป (ได้ 1 ครั้ง ต่อ 1 ชาติที่เกิดมา)
เป็นผู้ช่วยในการบวช ได้อานิสงส์ 8 กัป (บวชพระ 42 รูป ถ้าช่วยกันบำเพ็ญกุศลช่วยในการ บวชพระ ไม่เจาะจงท่านผู้ใดผู้หนึ่ง เรียกว่าช่วยหมดทั้ง 42 รูป ก็ต้องเอา 42 ตั้งเอา 8 คูณ จะได้เท่ากับ 336 กัป *อนุญาตให้บวชพระได้ 100 รูป ต่อ 1 ชาติที่เกิดมา* )
เป็นเจ้าภาพบวชพระ ได้อานิสงส์ 12 กัป (่เช่นเดียวกับ เป็นผู้ช่วยในการบวช แต่เอา 12 คูณ *อนุญาตให้บวชพระได้ 100 รูป ต่อ 1 ชาติที่เกิดมา* )
สร้างโรงทาน ตลอด ๗ ปี ๘ เดือน ๗ วัน ได้อานิสงส์ อสงไขยภพ
1 มหากัป เท่ากับ 256 อันตรกัป
กัปล์หรือกัลป์ หมายถึงช่วงอายุขัยของโลก ๑ ช่วง คือระยะเวลาที่โลกเกิดแล้วดับไป ๑ ครั้ง มีระยะเวลาประมาณกว่า ๕๒๖๐๐๐ อสงไขยปี
1 กัป ไม่เท่ากับ มหากัป
ข้อ 2. หลังจากได้ระยะเวลาตามโจทย์ข้อ 1 แล้ว ให้นำระยะเวลานั้นมาแบ่งเป็น 10 กอง ตามบารมี 10 ทัศ ให้ถือว่าทานบารมีได้เต็มแล้ว การใช้วิธีสร้างบารมีแบบเดิมจะมีค่าลดลงครึ่งหนึ่ง แต่สามารถนำไปใช้เพิ่มบารมีตัวอื่นๆ ได้ เราจะสามารถใช้วิธีใด และ ระยะเวลาเท่าไหร่ ในการสร้างบารมีอีก 9 กองให้เต็ม อ้างอิงจากข้อมูลเดิมที่ข้อ 1.
1. ทานบารมี (การเสียสละ การให้สิ่งที่ควรให้)
2. ศีลบารมี (การบำเพ็ญศีลให้ครบบริบูรณ์)
3. เนกขัมมบารมี (การเว้นจากกาม)
4. ปัญญาบารมี (การไต่ถามจากผู้รู้ ความรอบรู้เข้าใจสภาวะของสิ่งทั้งหลายตามความเป็นจริง)
5. วิริยบารมี (การทำความเพียร)
6. ขันติบารมี (การมีความอดทนอดกลั้น)
7. สัจจบารมี (การรักษาวาจาสัตย์ พูดแต่ความจริง)
8. อธิษฐานบารมี (การตั้งจิตไว้ให้มั่นคง)
9. เมตตาบารมี (การมีความเมตตา)
10. อุเบกขาบารมี (การวางเฉย วางใจเป็นกลาง ไม่ว่าเรื่องดีหรือไม่ดี ไม่ว่าจะมีลาภหรือเสื่อมลาภ ไม่ว่าจะมียศหรือเสื่อมยศ สรรเสริญ นินทา สุข ทุกข์)
โจทย์ตัวเลขทางพุทธศาสนา หาวิธีคำนวนระยะเวลาในการบำเพ็ญบารมีเพื่อได้มรรคผลนิพพานให้เต็ม
สร้างพระ 1 องค์ ได้อานิสงส์ 5 กัป
บวชเณรด้วยตัวเอง ได้อานิสงส์ 30 กัป (ได้ 1 ครั้ง ต่อ 1 ชาติที่เกิดมา)
ลูกบวชเณรให้ พ่อแม่ได้อานิสงส์ 15 กัป
บวชเป็นพระด้วยตัวเอง ได้รับอานิสงส์ 60 กัป (ได้ 1 ครั้ง ต่อ 1 ชาติที่เกิดมา)
เป็นผู้ช่วยในการบวช ได้อานิสงส์ 8 กัป (บวชพระ 42 รูป ถ้าช่วยกันบำเพ็ญกุศลช่วยในการ บวชพระ ไม่เจาะจงท่านผู้ใดผู้หนึ่ง เรียกว่าช่วยหมดทั้ง 42 รูป ก็ต้องเอา 42 ตั้งเอา 8 คูณ จะได้เท่ากับ 336 กัป *อนุญาตให้บวชพระได้ 100 รูป ต่อ 1 ชาติที่เกิดมา* )
เป็นเจ้าภาพบวชพระ ได้อานิสงส์ 12 กัป (่เช่นเดียวกับ เป็นผู้ช่วยในการบวช แต่เอา 12 คูณ *อนุญาตให้บวชพระได้ 100 รูป ต่อ 1 ชาติที่เกิดมา* )
สร้างโรงทาน ตลอด ๗ ปี ๘ เดือน ๗ วัน ได้อานิสงส์ อสงไขยภพ
1 มหากัป เท่ากับ 256 อันตรกัป
กัปล์หรือกัลป์ หมายถึงช่วงอายุขัยของโลก ๑ ช่วง คือระยะเวลาที่โลกเกิดแล้วดับไป ๑ ครั้ง มีระยะเวลาประมาณกว่า ๕๒๖๐๐๐ อสงไขยปี
1 กัป ไม่เท่ากับ มหากัป
ข้อ 2. หลังจากได้ระยะเวลาตามโจทย์ข้อ 1 แล้ว ให้นำระยะเวลานั้นมาแบ่งเป็น 10 กอง ตามบารมี 10 ทัศ ให้ถือว่าทานบารมีได้เต็มแล้ว การใช้วิธีสร้างบารมีแบบเดิมจะมีค่าลดลงครึ่งหนึ่ง แต่สามารถนำไปใช้เพิ่มบารมีตัวอื่นๆ ได้ เราจะสามารถใช้วิธีใด และ ระยะเวลาเท่าไหร่ ในการสร้างบารมีอีก 9 กองให้เต็ม อ้างอิงจากข้อมูลเดิมที่ข้อ 1.
1. ทานบารมี (การเสียสละ การให้สิ่งที่ควรให้)
2. ศีลบารมี (การบำเพ็ญศีลให้ครบบริบูรณ์)
3. เนกขัมมบารมี (การเว้นจากกาม)
4. ปัญญาบารมี (การไต่ถามจากผู้รู้ ความรอบรู้เข้าใจสภาวะของสิ่งทั้งหลายตามความเป็นจริง)
5. วิริยบารมี (การทำความเพียร)
6. ขันติบารมี (การมีความอดทนอดกลั้น)
7. สัจจบารมี (การรักษาวาจาสัตย์ พูดแต่ความจริง)
8. อธิษฐานบารมี (การตั้งจิตไว้ให้มั่นคง)
9. เมตตาบารมี (การมีความเมตตา)
10. อุเบกขาบารมี (การวางเฉย วางใจเป็นกลาง ไม่ว่าเรื่องดีหรือไม่ดี ไม่ว่าจะมีลาภหรือเสื่อมลาภ ไม่ว่าจะมียศหรือเสื่อมยศ สรรเสริญ นินทา สุข ทุกข์)