ธรรมะแท้ บำเพ็ญจริง ศรัทธาพาให้ได้ประจักษ์ อุบัติเหตุรถชนเลือดออกในสมองกับโอกาศรอดเพียง 10%

 

คนเราส่วนมากนั้นจะชอบวิ่งไปไหว้พระทำบุญก็ต่อเมื่อ ตนเองมีปัญหาหรือเรื่องเดือดร้อนที่ไม่สามารถจะแก้ไขได้  และไม่ว่าจะอยู่ไกลแค่ไหนขอให้รู้ว่าที่นั่นที่นี่ศักดิ์สิทธิ์ก็จะวิ่งเข้าไปหา แต่ก็มีน้อยคนที่จะรู้ว่าแท้จริงแล้วความศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่ได้อยู่ที่พระหรือสถานที่ ทั้งหมดแล้วล้วนแต่เป็นเพราะ แรงกรรมและกุศลที่เราได้สร้างสมมาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพียงแต่นำกุศลเหล่านั้นมาช่วยสนองเราเท่านั้นเอง ยุคสุดท้ายนี้โชคดีได้รับธรรมบำเพ็ญ บุญจริง กุศลแท้ 1 บุตรบำเพ็ญ กุศล บรรพชน 9 ชั้น ลูกหลาน 9 ชั่วคนได้รับอนิสง ด้วย มีวาสนาได้พบธรรมจริง อย่าได้ดูเบา

เรื่องนี้เกิดขึ้นกับครอบครัวผมเองครับ  ผมได้มีโอกาศรับธรรมะเมื่อตอนอายุ 17 ปี  จากการชักชวนของเพื่อนสนิดคนหนึ่ง ซึ่งเขาบอกกับผมว่าไปรับธรรมะใหมดีนะ ผมเองปกติตั่งแต่เด็กๆก็ชอบไปวัดทำบุญอยู่แล้ว เลยตกลงไปกับเพื่อนโดยง่าย ซึ่งในวันที่ผมไปวันนั้น พอดีตรงกับวันที่เขามีการประชุมธรรม 3 วันเลยได้มีโอกาศ เข้าไปฟังธรรม ก็เกิดจิตสัทธามาก ตั่งแต่นั้นมา จึงได้กินเจตลอดชีวิตและทำบุญมาตลอด 22 ปี ไม่ว่าจะมีงานธรรมที่ใหนก็จะไปช่วยตลอด  ถึงแม้จะยากและลำบาก ถึงคนที่ไม่เข้าใจจะพูดจาถากถางผมก็ไม่เคยถดถอย  จนถึงวันนี้จึงได้รู้ว่า ฟ้านั้นรักเรามากที่สุด เพราะ ในวันที่ไม่มีใครในโลกนี้ที่ช่วยเราได้แม้ว่าเขาอยากจะช่วย และต่อให้เรามีเงินเท่าภูเขาก็ไม่อาจซื้อสิ่งนั่นมาได้ แต่กุศลจากการบำเพ็ญนั้น ได้แผ่ถึงแม่ที่ผมรักมากที่สุด ทุกวันนี้ ผมยังไม่เคยลืม 
 
หากเรารอง พิมพ์คำว่า อุบัติเหตุรถชนเลือดออกในสมอง ลงในกูเกิล จะมีกี่คนที่รอดชีวิต และจะมีกี่คนที่รอดชีวิตมาแล้วหายเป็นปกติ  กับคนที่มีอายุมากถึง 62 ปี กับคนที่แม้แต่หมอก็บอกกับผมว่าให้ทำใจ กับโอกาศรอดที่มีให้เพียง 10% ที่หมอบอก  เป็นเรื่องจริงที่เกินกว่า ปาฏิหาริย์
  

เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อตอนต้นปีที่ผ่านมาคุณแม่ของผม ประสบอุบัติเหตุโดนรถบิ๊กไบค์ชนอย่างแรงจนหัวฟาดลงกับขอบฟุตบาทเลือดที่ศรีษะแตกกระจายนองเต็มพื้นถนน เหตุเกิดที่หน้าบ้านเอื่ออาทรวัดกู้  ตอนเจ็ดโมงเช้ากว่าหน่วยกู้ภัยจะมาถึงก็แปดโมงกว่าเนื่องจากเป็นเวลาทำงานรถและจะติดมากในซอยนั้น  ผมได้รับโทรศัพท์จากน้องสาวว่าแมโดนรถชนตอนที่ผมถึงที่ทำงานแล้ว  ผมเองก็ตกใจมาก เลยติดต่อไปที่โรงพยาบาลเพื่อสอบถามอาการ ทำให้ทราบว่าแม่ผมถูกส่งไปห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลชลประทานแล้ว  แต่ทางเจ้าหน้าที่แจ้งกับผมว่าเขาไม่สามารถบอกอาการคนไข้ผ่านทางโทรศัพท์ได้ ต้องให้ญาติมาดูและรับฟังอาการเองที่โรงพยาบาล ผมจะได้รีบนั่งรถแท็กซี่จากที่ทำงานไป พอผมไปถึงผมช็อกมากและก็ร้องไห้และทำอะไรไม่ถูก แม่ผมอยู่บนเตียงเห็นเลือดใหลนองเต็มแผ่นกระดาษที่เขารองศรีษะไว้ซับเลือดเต็มไปหมด และตอนนั้นแม่ผมก็ไม่มีสติแล้ว หมอบอกว่าลมหายใจอ่อนแรงลงไปเรื่อยๆ แล้วหมอเรียกผมเข้าไปคุยที่ในห้อง หมอบอกกับผมว่าคุณแม่ อาการรุ่นแรงมาก หลังจากหมอทำการ tc แสกนสมองแล้วพบว่า มีเลือดออกมากในสมองมาก ทั้งสองชั้นคือชั้นนอกและชั้นในสมอง ต้องรีบทำการผ่าตัด โดยด่วน แต่โอกาศรอดนั้น มีแค่ 10% เพราะอายุมากแล้ว (62ปี)และการผ่าตัดสมองนั้นคาดเดาผลได้ยาก ถ้ารอดมาได้ก็จะไม่มีทางเหมือนเดิม ( เป็นผู้ป่วยติดเตียง) แต่ถ้าไม่ผ่าตัดก็ต้องเสียชีวิตแน่นอน หมอก็ถามผมว่าจะผ่าใหม แล้วจะให้กู้ชีวิตใหมถ้าแม่หยุดหายใจ ตอนนั้นผมทำอะไรไม่ถูกเลย จึงได้ตัดสินใจเซ็นเอกสารยินยอม ผมเองอยากช่วยแม่มาก เพราะผมเหลือแม่แค่คนเดียว ตอนหมอบอกผมว่าไม่รับประกันอะไร ตัวผมชาไปหมด ผมจึงนึกขึ้นได้ว่าในเมื่อคนช่วยไม่ได้ก็ขอ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ช่วยแล้วกัน ผมรีบไปซื้อธูป นั่งรถไปสถานธรรม ปักธูปแล้วก็ อธิฐาณ กับศักดิ์สิทธิ์ว่า ตลอดหลายปีที่ผ่านมาแม้ว่าจะยากลำบากแค่ใหน ผมก็ตั้งใจทำบุญและไม่เคยแตกเจแม้แต่วันเดียว ไม่ว่ามีกุศลใดก็ขอให้เอากุศลนี้ไปช่วยแม่ผมด้วย และตั่งปณิธาน ช่วยคนรับธรรม 500 คน จากนั้นผมก็กราบไปหมื่นกราบ น้ำตาก็ใหลลงไม่หยุดเลย  ที่โรงพยาบาลเองกว่าจะเตรียมห้องผ่าตัดได้กว่าหมอที่ผ่าจะมาถึงก็จะบ่ายสองแล้วแม่ผมจึงได้ทำการผ่าตัด ผมกับน้อง 2 คน ก็นั่งรอแม่ที่หน้าห้องผ่าตัด ในระหว่างนั้นผมก็ลองเข้าไปหาข้อมูลในอินเตอเนตเกี่ยวกับ อาการเลือดออกในสมองก็พบว่า โอกาศรอดนั้นมีน้อยมากจริงๆโดยมากจะเสียชีวิต หรือไม่ก็นอนเป็นพักติดเตียงไปเลย แต่ผมก็ยังไม่หมดความหวังอยู่ตลอด แม่ผมเข้าผ่าตัดตอนบ่ายสอง เสร็จอีกที่ ก็เกือบสองทุ่ม เสร็จแล้ว เขาก็ส่งแม่ผมเข้าห้อง ICU ผมเข้าไปหาแม่ ในห้องนั้น ชื่อไหมครับว่า ที่ห้องนั้นน่ากลัวมากคือ เงียบมากๆ มีแต่เสียงเครื่องช่วยหายใจดังติ๊ดๆ เป็นระยะ ๆ  หมอก็เรียกผมเข้าไปคุยอีกครั้งหลังผ่าแล้ว  หมอ บอกผมว่า หมอเอาเลือดที่สมองออกแล้ว แต่ก็ยังมีที่อยู่ด้านในซึ่งหมอเอาออกไม่ได้เพราะสมองมีเส้นประสาทมากมายที่เราไม่รู้ ต้องให้มันสลายไปเอง ผมก็ได้แต่พยักหน้ารับ และก็ถามหมอไปว่าแม่ผมปลอดภัยแล้วใช่ไหมครับ หมอก็บอกผมแค่ว่า ยังตอบอะไรไม่ได้ จากนั่นเขาก็ให้ผมกลับบ้านเพราะ ที่ ICU มีหมอเฝ่าตลอดอยู่แล้ว วันรุ่งขึ้นผมรีบมาที่โรงบาลตั่งแต่เช้า เข้าไปหาแม่ผมก็สวดมนต์ หมีเล่อเจินจิง ยืนสวดตั่งแต่เช้าจนไกล่จะเที่ยง พอดีเห็นมือแม่ขยับๆ ผมเลยรีบไปเรียกหมอให้เข้ามาดู  หมอเข้ามาแล้วเขาก็เรียกแม่ผม ว่า ป้าๆได้ยินใหม แม่ผมก็พยักหน้ารับ แต่ตาลืมไม่ได้ ผมดีใจมาก หมอเขาก็บอกว่าผมว่า เป็นสัญญาณที่ดีเพราะรู้สึกตัวเร็วมาก แต่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจอยู่ตลอกเวลา  ผมก็อยู่กับแม่จนหมดเวลาเยี่ยม วันที่สอง ผมก็มาสวดมนต์ให้แม่ที่เตียงอีกครั้ง ครั้งนี้ แม่ผมลืมตาขึ้นมาได้แล้วน้ำตาก็ใหล ผมเองก็ร้องไห้ ดีใจว่าแม่ลืมตาได้แล้ว ก็ลองคุยกับแม่ดูถามแม่ว่าแม่จำลูกได้ไหม เขาก็พยักหน้า หมอเข้ามาดูอาการอีกครั้งก็ยังบอกกับผมว่า แม่ฟื้นตัวเร็วดี  เดี๋ยวพรุงนี้จะแสกนสมองอีกรอบ เข้าวันที่สาม หมอเขาก็เอาแม่ผมไปแสกนอีกครั้ง พบว่าเลือดที่อยู่ด้านในมีขนาดเล็กลงแต่ สมองยังบวมอยู่ ต้องให้ยาลดปวมแล้วดูอาการ วันที่สี่ ผมคุยกับแม่ถามแม่ว่าจำตอนที่รถชนได้ไหม แม่พยักหน้าว่าจำได้ แม่รู้เรื่องหมดแต่พูดไม่ได้เพราะติดเครื่องช่วยหายใจ  หมอเห็นว่าเริ่มดีขึ้น เขาก็ถอดเครื่องช่วยหายใจออก คลาวนี้ผมคุยกับแม่ตั่งแต่เช้าถึงเย็น ดีใจมาก แต่แม่ยังขยับตัวไม่ได้ จนเข้าวันที่ 6 หมอก็เอาแม่ผมก็ออกจากห้อง  ICU  ไปนอนห้องพักฟื้น ผมกับน้องพลัดกันไปเฝ้าแม่ตลอด  เวลาผ่านมา 1 อาทิตย์ แม่ผมสามารถลุกขึ้นนั่งได้เอง  อาทิตย์ถัดมา เดินเข้าห้องน้ำได้แต่ต้องมีคนช่วยพยุง หมอที่ดูแล กับ พยาบาล เวลามาดูทุกคนพูดเหมือนกันหมดว่า ป้าทำไมมีบุญจัง 10  กว่าวันก็เดินได้แล้ว  ถัดมาอีก 1  อาทิตย์เขาก็ส่งนักกายภาพบำบัดมาฝึกแม่ผม อาทิตย์สุดท้ายผมก็พาแม่ออกมาเดินด้านล่างตึกได้ ขึ้นลงลิฟก็ไม่เวียนหัว แต่ผมสังเกตว่ากระหม่อมด้านขวาที่ผ่าตัดยุบไปเลยไม่เท่ากัน ผมก็นั่งคุยกับแม่ว่า แม่จำได้ไหม ตอนที่ผมเริ่มทานเจใหม่ๆแม่ผมชอบกินกบเผามาก แม่จะเอากบเป็นๆจับขาแล้วฟาดลงกับขอบเตาถ่าน จากนั้นก็โยนเผาในถ่านไฟ ทำแบบนี้บ่อยมาก แม่ผมก็ร้องไห้ ผมก็เล่าเรื่องที่ผมไปไหว้พระอุทิศบุญให้แม่ฟังแม่ก็ร้องไห้อีก ผ่านมา อาทิตย์สุดท้าย ผมก็พาแม่ออกจากโรงบาล เดินออกพมาพร้อมกัน ทั้งหมอทั้งพยาบาลต่างก็ดีใจและก็งงกันไปหมด จาก ที่บอกว่า 10% โอกาศรอด ถึงรอดมาแล้วก็จะไม่เหมือนเดิม ผ่านไปแค่ 1 เดือนกว่า แม่ผมก็สามารถเดินกลับบ้านได้ ทุกคนพูดเหมือนกันหมด ว่าป้าทำบุญอะไรมา  ขนาดอีกเดือนถัดมาหมอนัดให้มาตรวจและรับยา แม่ผมยังนั่งรถเมร์ไปเองอีก  ตอนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมไปหาแม่ที่บ้าน เห็นแม่แข็งแรงผมแม่ขึ้นเต็มหัวแล้วแถมยังไปวิ่งออกกำลังกายอีกตอนเช้า ผมก็ดีใจมาก จึงพาแม่ไปเดินเล่นห้าง แม่บอกผมว่าอยากได้ Iphone 7+ ก็จึงพาแม่ไปซื้อ  

สิ่งศักดิ์สิทธิ์เคยเมตาว่า  เวลาเราทำงานสิ้นเดือนเถ้าแก่ก็ให้เงินเดือนเรา แต่เราทำงานให้ฟ้าช่วยคนช่วยโลกสร้างสมบุญจริงกุศลแท้ ฟ้านั้นให้เราทุกวัน ช่วยเราในสิ่งที่เกินกว่าเราจะได้รับจากใครบนโลกนี้  จากเหตุการนี้ ผมสำนึกในพระคุณฟ้า จริงๆครับ หวังว่าทุกท่านที่ได้รับธรรมะแล้วขอให้ตั่งใจรีบบำเพ็ญ คนที่ยังไม่ได้รับหากมีวาสนาก็อย่าได้ปล่อยโอกาสนั้นไป คนที่ยังไม่มีวาสนาก็ขอให้รีบเปลี่ยนแปลงตนเอง สร้างบุญกุศล ถอยห่างความชั่ว ก็จะได้พบธรรมแท้อย่างแน่นอน  ไม่ว่าท่านจะนับถืออะไร ธรรมะกับศาสนานั้นไม่เหมือนกัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่