เรามองหน้ากัน จ้องตากัน ต่างฝ่ายต่างไม่ขยับ ...
ฉันขยับได้นะ แต่กิ้งก่าตัวน้อยที่ฉันจ้องตากับมันอยู่ขยับไม่ได้
ก็เท้าของมันติดกับยางมะม่วงเหนียว ๆ จนมันสลัดไม่หลุดนะสิ
ไม่ได้การแล้ว ฉันต้องหาทางช่วยมัน แต่พอฉันขยับตัว มันก็ตกใจพยายามหนีจนฉันกลัวว่าขาเล็ก ๆ ของมันจะหักซะก่อนที่จะได้หนี
ทำไงดีนะ คิดสิคิด
ที่พึ่งสุดท้ายของฉันคือ ตะโกนถามย่าว่าทำไงดีกับกิ้งก่าตัวน้อยที่ติดยางมะม่วงอยู่
ก่อนอื่น คุณคงสงสัยใช่มั้ยว่า ฉันอยู่ที่ไหน ถึงได้มาเจอกับกิ้งก่าตัวน้อยนี้ แล้วทำไมมันถึงได้เอาขามาติดกับยางมะม่วงเหนียว ๆ นี่
ต้นเหตุที่ทำให้มันติดไปไหนไม่ได้คือฉันนี่แหละ
ฉันอยู่บนต้นมะม่วง ย้ำว่า ฉันอยู่บนต้นมะม่วง
ฉันปีนขึ้นมานั่งเล่นบนต้นมะม่วงต้นนี้เป็นประจำ เพราะฉันชอบที่จะมองทุกอย่างจากที่สูง ไม่ว่าจะเป็นหมาเดินเล่นอยู่บนพื้นล่าง แล้วฉันก็จะเรียกมันให้มันงงว่า เสียงฉันมาจากไหนนะ
วันนี้คงเป็นวันที่กิ้งก่าน้อยโชคไม่ดี มาเจอฉันอยู่บนต้นมะม่วง
มันก็เลยตกใจวิ่งหนีจนเท้าข้างหนึงของมันติดกับยางมะม่วงแสนจะเหนียวนี่ไง
แถมมดแดงตัวโต ๆ ก็กำลังจะมาหามันแล้ว ฉันต้องรีบหาวิธีแล้วแหละ
ย่าเดินถือแป้งกระป๋องมาให้ บอกให้ฉันเอาโรยตรงเท้าที่ติดยางมะม่วงของมัน
ฉันรีบทำตามจนสุดท้ายมันก็หลุดออก จากยางมะม่วงได้สำเร็จ
มันมองหน้าฉันด้วยตารี ๆ สีดำของมันอยู่พักนึง แล้ววิ่งหนีฉันไป
ฉันมองตามมัน แต่แค่กระพริบตา มันก็หายไปซะแล้ว
ฉันหันไปถามย่าว่า กิ้งก่าหายตัวไปไหนเพียงแค่ชั่วกระพริบตา
ย่าบอกว่ามันไม่ได้หายไปไหน เพียงแต่มันสามารถ” ปรับตัวให้กลมกลืน” ไปกับสิ่งแวดล้อมรอบตัวของมัน
ย่าบอกกับฉันว่า พอคนเราโตขึ้น ก็ต้องทำตัวเหมือนมันในบางเวลา
“ปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อม" ฉันจะจำเอาไว้ แต่ฉันก็ยังไม่เข้าใจหรอกว่าคืออะไร
ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วแหละ
“ปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อม แต่อย่าเปลี่ยนจนกลายเป็นคนน่ารังเกียจ”
Cr.รูปกิ้งก่าจากกระทู้นึงในพันทิปจำไม่ได้แล้วกระทู้ไหน
เมื่อฉันตกหลุมรัก : กิ้งก่าตัวน้อย
เรามองหน้ากัน จ้องตากัน ต่างฝ่ายต่างไม่ขยับ ...
ฉันขยับได้นะ แต่กิ้งก่าตัวน้อยที่ฉันจ้องตากับมันอยู่ขยับไม่ได้
ก็เท้าของมันติดกับยางมะม่วงเหนียว ๆ จนมันสลัดไม่หลุดนะสิ
ไม่ได้การแล้ว ฉันต้องหาทางช่วยมัน แต่พอฉันขยับตัว มันก็ตกใจพยายามหนีจนฉันกลัวว่าขาเล็ก ๆ ของมันจะหักซะก่อนที่จะได้หนี
ทำไงดีนะ คิดสิคิด
ที่พึ่งสุดท้ายของฉันคือ ตะโกนถามย่าว่าทำไงดีกับกิ้งก่าตัวน้อยที่ติดยางมะม่วงอยู่
ก่อนอื่น คุณคงสงสัยใช่มั้ยว่า ฉันอยู่ที่ไหน ถึงได้มาเจอกับกิ้งก่าตัวน้อยนี้ แล้วทำไมมันถึงได้เอาขามาติดกับยางมะม่วงเหนียว ๆ นี่
ต้นเหตุที่ทำให้มันติดไปไหนไม่ได้คือฉันนี่แหละ
ฉันอยู่บนต้นมะม่วง ย้ำว่า ฉันอยู่บนต้นมะม่วง
ฉันปีนขึ้นมานั่งเล่นบนต้นมะม่วงต้นนี้เป็นประจำ เพราะฉันชอบที่จะมองทุกอย่างจากที่สูง ไม่ว่าจะเป็นหมาเดินเล่นอยู่บนพื้นล่าง แล้วฉันก็จะเรียกมันให้มันงงว่า เสียงฉันมาจากไหนนะ
วันนี้คงเป็นวันที่กิ้งก่าน้อยโชคไม่ดี มาเจอฉันอยู่บนต้นมะม่วง
มันก็เลยตกใจวิ่งหนีจนเท้าข้างหนึงของมันติดกับยางมะม่วงแสนจะเหนียวนี่ไง
แถมมดแดงตัวโต ๆ ก็กำลังจะมาหามันแล้ว ฉันต้องรีบหาวิธีแล้วแหละ
ย่าเดินถือแป้งกระป๋องมาให้ บอกให้ฉันเอาโรยตรงเท้าที่ติดยางมะม่วงของมัน
ฉันรีบทำตามจนสุดท้ายมันก็หลุดออก จากยางมะม่วงได้สำเร็จ
มันมองหน้าฉันด้วยตารี ๆ สีดำของมันอยู่พักนึง แล้ววิ่งหนีฉันไป
ฉันมองตามมัน แต่แค่กระพริบตา มันก็หายไปซะแล้ว
ฉันหันไปถามย่าว่า กิ้งก่าหายตัวไปไหนเพียงแค่ชั่วกระพริบตา
ย่าบอกว่ามันไม่ได้หายไปไหน เพียงแต่มันสามารถ” ปรับตัวให้กลมกลืน” ไปกับสิ่งแวดล้อมรอบตัวของมัน
ย่าบอกกับฉันว่า พอคนเราโตขึ้น ก็ต้องทำตัวเหมือนมันในบางเวลา
“ปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อม" ฉันจะจำเอาไว้ แต่ฉันก็ยังไม่เข้าใจหรอกว่าคืออะไร
ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วแหละ
“ปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อม แต่อย่าเปลี่ยนจนกลายเป็นคนน่ารังเกียจ”
Cr.รูปกิ้งก่าจากกระทู้นึงในพันทิปจำไม่ได้แล้วกระทู้ไหน