วัดคอนสวรรค์
พระยาขุนหาญ ญาติกับเจ้าเมืองนครราชสีมาได้อพยพไพร่พลมาสร้างเมืองใหม่บนราบลุ่มแม่น้ำชีตอนบน
เป็นเมืองที่มีข้าวปลาอาหารอุดมสมบูรณ์ กระทั่งนกกาบินมาหากินเป็นต้องหลงใหล พระยาขุนหาญจึงตั้งชื่อเมืองว่านครกาหลง
ได้เกิดสงครามหลายครั้ง เมืองร้างลง คนอพยพมาอยู่ใหม่อีก
จนต้นกรุงรัตนโกสินทร์ มีชาวลาวเวียงจันทน์อพยพมาตั้งบ้านเรือนอยู่ ตั้งชื่อใหม่ว่าบ้านคอนสวรรค์ ... มีสิมเก่าวัดคอนสวรรค์
เมืองคอนสวรรค์เป็นเมืองในวัฒนธรรมทวารวดี ดูจากคูน้ำคันดิน หลวงพ่อให๋ทวารวดี และเสมา วึ่งได้รวบรวมมาไว้ที่วัดคอนสวรรค์
สิมเก่าวัดคอนสวรรค์
เป็นสิมไม้ ผังรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขยายส่วนอาคารรอบนอกออกไป มีเสารอบนอก มีเสมา
ฐานสิมไม้เป็นเอวขันไม้แกะสลักลายกลีบบัว
หันหน้าไปทางทิศตะวันออก มีประตูทางเข้าด้านเดียว
หลังคา ... เคย ... มุงสังกะสี ผนังไม้ ผนังด้านทิศเหนือและทิศใต้เจาะเป็นช่องหน้าต่างด้านละ 2 ช่อง
วัฒนธรรมทวารวดีเป็นวัฒนธรรมที่อยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 12-16
* มีเมืองที่มีคูน้ำคันดินล้อมรอบเป็นวงกลม *
* นับถือศาสนาพุทธ *
ลัทธิหินยาน นิกายเถรวาทคือ นับถือพระพุทธเจ้าห้าพระองค์ในภัทรกัลป์ ; อดีตพระพุทธเจ้า, ปัจจุบันพระพุทธเจ้า, และอนาคตพระพุทธเจ้า
เชื่อในผลกรรม
ลัทธิมหายานคือ เชื่อว่าพระพุทธเจ้าสูงสุดคือพระอาธิพุทธะ คือพระพุทธเจ้าองค์แรกที่เกิดมาพร้อมกับโลก อยู่เป็นนิรันดร์กาล
สร้างตัวแทนเป็นมนุษยพุทธะคือพระอมิตาภะ ต่อมาจะปรินิพพาน
มีบริวารคือพระโพธิสัตว์ที่จะช่วยพามนุษย์ไปสู่ความหลุดพ้นได้คราวละมาก ๆ
* เชื่อโชคลาง และมีพิธีปลงศพ *
ต่อมาเขมรมีอำนาจมากขึ้น จึงส่งผลต่อศิลปะทวารวดีคือ พระพักตร์พระพุทธรูปเป็นรูปสี่เหลี่ยม ขัดสมาธิราบแบบเขมร จากเดิมที่ขัดสมาธิเพ็ชร
ยิ้มหมายถึงมีเมตตาแบบมหายาน
หลวงพ่อทวารวดี
สร้างจากศิลาแลงทั้งองค์ อุษณีษะทรงกรวย พระพักตร์รูปไข่ พระขนงต่อกันเป็นรูปปีกกา พระเนตรหลุบต่ำ พระนาสิกโด่ง พระโอษฐ์หนา พระกรรณยาว
พระหัตถ์ซ้ายห้อยลงข้างพระกาย พระหัตถ์ขวายกขึ้นลูกพระอุระ ครองจีวรคลุม ... มองไม่ออก
ยังพบพระพุทธรูปองค์รองอีกจำนวน 3 องค์
พระใหญ่และพระพุทธรูปองค์น้อยอีก 3 องค์ ถูกลักลอบตัดเศียร แต่เศียรพระใหญ่ตัดไม่สำเร็จ
จึงได้ย้ายพระใหญ่และพระพุทธรูปองค์เล็กที่ถูกตัดเศียรไปประดิษฐานวิหารใหม่ ติดกับชุมชน เพื่อง่ายต่อการดูแลรักษา
ทวารวดีในอิสานมีลักษณะเฉพาะคือมี เสมา หรือ หินตั้ง
เสมาวัดคอนสวรรค์ เป็นเสมาที่รวบรวมมาจากบริเวณใกล้ ๆ นี้
เสมาหรือหินตั้งนั้น สันนิษฐานว่า
1. แสดงเขตศักดิ์สิทธิ์ของพุทธศาสนา ... ตั้งล้อมบริเวณใดบริเวณหนึ่งไว้
2. ปักไว้เหนือหลุมศพเพื่อเป็นเครืองเซ่นหลุมศพ สันนิษฐานจากที่พบเสมาสลักเป็นรูปหม้อและเครื่องบายศรีเป็นชั้น ๆ หรือเสมาที่ไม่มีรูปสลักใด ๆ อาจเป็นป้ายสุสานก็ได้
3. เป็นการสร้างบุญกุศลอันเทียบเท่ากับการสร้างพระพุทธรูป หรือเจดีย์ อาจสลักเป็นรูปสถูป รูปธรรมจักร รูปชาดก รูปพระพุทธประวัติ เรียกแผ่นหินพุทธบูชา
แผ่นหินบูชาเล่าเรื่องชาดกจากวัดคอนสวรรค์ ... เท่าที่อ่านออกนะคะ
เสมาเรื่องวิธูรบัณฑิตชาดก
วิธูรบัณฑิตแสดงธรรม ... ดูจากมือขวาเป็นรูปโอเค คือ นิ้วหัวแม่มือแตะกันกลมเป็นดั่งกงล้อ แสดงถึงพระธรรมที่หมุน ... ปางแสดงธรรม วิตรรกมุทรา
แก่ปุณณกยักษ์ ... มีตาโปน
.
.
มีฤาษี 4 ตนเป็นเพื่อนกันมาแต่ก่อนบวช ในฤดูฝนหนึ่งได้เข้ามาอยู่ในเมืองเดียวกัน
ในเมืองนั้นมีเศรษฐี 4 คนเป็นเพื่อนกัน มีความเลื่อมใสในฤาษีทั้ง 4 จึงนิมนต์ฤาษีไปแต่ละตนไปบ้านแต่ละบ้าน
ก่อนถึงเวลารับนิมนต์ ฤาษีทั้งสี่ได้ไปพักผ่อน 4 สถานที่คือ ดาวดึงส์... เทวดา เมืองบาดาล... นาค วิมาณฉิมพลี ... พญาครุฑ และในราชอุทยานของพระเจ้าธนญชัยโกรพ
เมื่อรับนิมนต์ ฤาษีแต่ละท่านได้เล่าให้เศรษฐีแต่ละคนฟังในที่ที่ได้ไปมา ทำให้เศรษฐีทำบุญแล้วปราถนาขอให้ได้สมบัตินั้น ๆ
เมื่อตายไป เศรษฐี่ 4 คนนั้นได้ไปเกิดเป็น พระอินทร์ในดาวดึงส์ , พญาวรุณนาค เมืองบาดาล , พญาครุฑ วิมานฉิมพลี และ พระราชโอรสของพระเจ้าธนญชัยโกรพ ชื่อโกรพกุมาร ครองเมืองต่อมาชื่อพระเจ้าโกรพ
.
.
ด้วยชอบพอกันมาแต่ชาติก่อน วันหนึ่งทั้ง 4 ได้มาพบกันหลังจากออกจากการรักษาศีลในอุทยานพระเจ้าโกรพ จึงสนทนากันเรื่อง ใครมีศีลประเสริฐกว่ากัน
พญาวรุณนาคว่า ศีลของตนประเสริฐที่สุดเพราะ อดกลั้นความโกรธได้ เพราะนาคเมื่อโกรธขึ้นมาและมองอะไรจะทำให้สิ่งนั้นไหม้เป็นจุล
พญาครุฑว่า ศีลของตนประเสริฐที่สุดเพราะ อดกลั้นความอยากไว้ได้ เพราะครุฑพบนาคอันเป็นอาหารอันโอชาเมื่อไหร่จะต้องจับกิน
พระอินทร์ว่า ศีลของตนประเสริฐที่สุดเพราะ อดกลั้นในกามคุณ สมบัติทิพย์ มารักษาศีล
พระเจ้าโกรพว่า ศีลของตนประเสริฐที่สุดเพราะ เห็นโทษของ กามคุณ จึงได้สละออกมารักษาศีล
พระเจ้าโกรพจึงให้วิทูรบัณฑิตมาตัดสิน ได้ความว่าศีลของทั้ง 4 เสมอกัน มิได้ประเสริฐไปกว่ากัน
ทั้ง 4 เกิดโสมนัสปีติยินดีจึงบูชาพระธรรม
พระอินทร์ บูชาด้วยผ้าทิพย์ ,พญาครุฑบูชาด้วย ดอกไม้ทอง , นาคบูชาด้วย แก้วคล้องพระศอ , พระเจ้าโกรพทรงบูชาด้วย โคนมพันตัว
.
.
เมื่อพญาวรุณนาค กลับเมืองบาดาล นางวิมาลามเหสีก็ถามถึงสร้องพระศอ
เมื่อทราบความก็อยากฟังธรรมบ้างจะขึ้นไปก็ขึ้นไม่ได้ ... ไม่รู้ว่าทำไมถึงขึ้นมาไม่ได้เนาะ
จึงแสร้งเป็นป่วย อยากกินหัวใจวิทูรบัณฑิต
อิรันทตี ธิดาพญานาคจึงอาสาไปนำหัวใจมา
นางอิรันทตี ขึ้นมายังมนุษยโลก เหาะไปยังเขาสูงตกแต่งชะง้อนหินแห่งหนึ่งด้วยดอกไม้หลายหลาก ... เป็นฉาก
ประดับประดาตนอย่างงดงาม ยืนฟ้อนรำขับร้องอยู่ยังสถานที่นั้น ... จัดแสดง
พรรณนาถึงความงามของนางและความปรารถนาที่จะได้ดวงใจของเจ้าวิทูรบัณฑิต ถ้าผู้ใดทำให้สำเร็จนางจะมอบตัวให้เป็นคู่ครอง
แล้วยักษ์ปุณณกะบินผ่านมา จึงเข้าอาสา
.
.
ยักษ์ปุณณกะไปเล่นสกากับพระเจ้าโกรพ ชนะ ได้วิทูรบัณฑิต
วิฑูรบัณฑิตได้ไปสั่งเสียที่บ้าน 3 วัน ระหว่างนั้นนั้นก็รับรองให้ยักษ์ปุณณกะพักอยู่ที่บ้าน ถึงเวลาเดินทางก็เกาะหางม้ายักษ์ปุณณกะไป
ระหว่างทางยักษ์ปุณณกะไปพยายามฆ่าเพื่อเอาหัวใจหลาย ๆ วิธี แต่ทำอะไรวิทูรบัณฑิตไม่ได้
ก็ชักม้ามายังภูเขาให้เจ้าวิทูรบัณฑิตนั่งบนยอดเขา จึงคิดจะฆ่าด้วยมือของตัวเอง
ภาพชาดกสมัยยุคหลัง ๆ จะเขียนเป็นภาพยักษ์ปุณณกะ กำลังจับวิทูรบัณฑิตกำลังจะขว้างออกไปไกลถึง 15 โยชน์ แต่ก็ไม่ตาย
วิทูรบัณฑิตจึงถามเหตุผลที่ต้องการฆ่า ยักษ์ปุณณกะก็เล่าให้ฟัง
วิทูรบัณฑิต ได้แสดงธรรมว่า
1. ให้เดินตามบุคคลผู้ก่อนนั้น คือผู้ใดมีคุณแก่ตน ก็พยายามตอบแทนผู้นั้น
2. อย่าเผามือชุ่มนั้น คือตนได้อาศัยในเรือนท่านผู้ใดด้วยกันไม่ประทุษร้ายท่านนั้น
3. อย่าประทุษร้ายมิตรนั้น คือท่านผู้ใดมีคุณแก่ตน พึงคิดตอบแทนให้จนได้ไม่คิดมุ่งร้ายเลย
4. อย่าลุอำนาจแก่ผู้ประกอบด้วยกามนั้น คืออย่าลุ่มหลงสตรี ทำความชั่ว
.
.
แล้ว ยักษ์ปุณณกะก็กลับใจ วิทูรบัณฑิตให้พาไปเมืองบาดาล ได้แสดงธรรมให้นางวิมาลา ยักษ์ปุณณกะแต่งงานกับอิรันทตี
เสมาเรื่องเวสสันดรชาดก
รูปนี้เมื่อขยายดูพบว่าบุคคลยืนอยู่ พระหัตถ์ซ้ายจับเด็กไว้ 2 คน
คนที่นั่งอยู่หงายมือเพื่อทำความเคารพ
เสมาชาดกเรื่องมโหสถ
ภาพเสมานี้คล้ายเสมาที่เมืองฟ้าแดดสงยาง จังหวัดกาฬสินธุ์
มโหสถเป็นบัณฑิตให้กับพระเจ้าวิเทหราช กรุงมิถิลา พระเจ้าจุลนีต้องการครอบครองเมืองมิถิลาจึงมีการออกอุบายเพื่อให้ได้มา
แต่ที่สุดได้พ่ายแพ้แก่ปัญญาของมโหสถ และอยากให้มโหสถมาอยู่ด้วย
เมื่อพระเจ้าวิเทหราช สิ้นพระชนม์ มโหสถจึงได้มาอยู่กับพระเจ้าจุลนี
นางเภรี ปริพาชิกา หรือนักบวชหญิง ในเสมานี้จะเห็นผู้หญิงถักผมและเกล้ามวยแบบนักบวข
ได้ถามปัญหาด้วยเครื่องหมายแห่งมือ
จึงมองมโหสถ แล้วแบมือออก ... ถามว่าพระเจ้าจุลนีนำมโหสถมาจากเมืองอื่น ทรงทำนุบำรุงหรือไม่ได้ทำนุบำรุง
มโหสถตอบด้วยการกำมือ ... ตอบว่าพระเจ้าจุลนียังไม่พระราชทานอะไรให้
ในรูปคือตอนต่อไปนี้
นางเภรีเข้าใจคำของมโหสถ จึงยกมือขึ้นลูบศีรษะของตน ... ถ้าท่านลำบาก ทำไม จึงไม่บวชเหมือนอาตมาเล่า
มโหสถจึงลูบท้องของตน ... ตอบว่า มีบุตรภรรยาที่ต้องเลี้ยงดูอีกมาก
ใบเสมาที่มี บายศรี บูชาชุดใหญ่
ชาวบ้านนับถือ กันว่าเป็น พ่อปู่เทพ ชาวบ้านเคารพและศรัทธามาก มีพิธีสักการะบูชาประจำทุกปี
เสมาทวารวดีที่จังหวัดชัยภูมิ
พระยาขุนหาญ ญาติกับเจ้าเมืองนครราชสีมาได้อพยพไพร่พลมาสร้างเมืองใหม่บนราบลุ่มแม่น้ำชีตอนบน
เป็นเมืองที่มีข้าวปลาอาหารอุดมสมบูรณ์ กระทั่งนกกาบินมาหากินเป็นต้องหลงใหล พระยาขุนหาญจึงตั้งชื่อเมืองว่านครกาหลง
ได้เกิดสงครามหลายครั้ง เมืองร้างลง คนอพยพมาอยู่ใหม่อีก
จนต้นกรุงรัตนโกสินทร์ มีชาวลาวเวียงจันทน์อพยพมาตั้งบ้านเรือนอยู่ ตั้งชื่อใหม่ว่าบ้านคอนสวรรค์ ... มีสิมเก่าวัดคอนสวรรค์
เมืองคอนสวรรค์เป็นเมืองในวัฒนธรรมทวารวดี ดูจากคูน้ำคันดิน หลวงพ่อให๋ทวารวดี และเสมา วึ่งได้รวบรวมมาไว้ที่วัดคอนสวรรค์
เป็นสิมไม้ ผังรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขยายส่วนอาคารรอบนอกออกไป มีเสารอบนอก มีเสมา
ฐานสิมไม้เป็นเอวขันไม้แกะสลักลายกลีบบัว
หันหน้าไปทางทิศตะวันออก มีประตูทางเข้าด้านเดียว
หลังคา ... เคย ... มุงสังกะสี ผนังไม้ ผนังด้านทิศเหนือและทิศใต้เจาะเป็นช่องหน้าต่างด้านละ 2 ช่อง
* นับถือศาสนาพุทธ *
เชื่อในผลกรรม
สร้างตัวแทนเป็นมนุษยพุทธะคือพระอมิตาภะ ต่อมาจะปรินิพพาน
มีบริวารคือพระโพธิสัตว์ที่จะช่วยพามนุษย์ไปสู่ความหลุดพ้นได้คราวละมาก ๆ
ต่อมาเขมรมีอำนาจมากขึ้น จึงส่งผลต่อศิลปะทวารวดีคือ พระพักตร์พระพุทธรูปเป็นรูปสี่เหลี่ยม ขัดสมาธิราบแบบเขมร จากเดิมที่ขัดสมาธิเพ็ชร
ยิ้มหมายถึงมีเมตตาแบบมหายาน
พระหัตถ์ซ้ายห้อยลงข้างพระกาย พระหัตถ์ขวายกขึ้นลูกพระอุระ ครองจีวรคลุม ... มองไม่ออก
ยังพบพระพุทธรูปองค์รองอีกจำนวน 3 องค์
จึงได้ย้ายพระใหญ่และพระพุทธรูปองค์เล็กที่ถูกตัดเศียรไปประดิษฐานวิหารใหม่ ติดกับชุมชน เพื่อง่ายต่อการดูแลรักษา
เสมาวัดคอนสวรรค์ เป็นเสมาที่รวบรวมมาจากบริเวณใกล้ ๆ นี้
1. แสดงเขตศักดิ์สิทธิ์ของพุทธศาสนา ... ตั้งล้อมบริเวณใดบริเวณหนึ่งไว้
2. ปักไว้เหนือหลุมศพเพื่อเป็นเครืองเซ่นหลุมศพ สันนิษฐานจากที่พบเสมาสลักเป็นรูปหม้อและเครื่องบายศรีเป็นชั้น ๆ หรือเสมาที่ไม่มีรูปสลักใด ๆ อาจเป็นป้ายสุสานก็ได้
3. เป็นการสร้างบุญกุศลอันเทียบเท่ากับการสร้างพระพุทธรูป หรือเจดีย์ อาจสลักเป็นรูปสถูป รูปธรรมจักร รูปชาดก รูปพระพุทธประวัติ เรียกแผ่นหินพุทธบูชา
แผ่นหินบูชาเล่าเรื่องชาดกจากวัดคอนสวรรค์ ... เท่าที่อ่านออกนะคะ
เสมาเรื่องวิธูรบัณฑิตชาดก
วิธูรบัณฑิตแสดงธรรม ... ดูจากมือขวาเป็นรูปโอเค คือ นิ้วหัวแม่มือแตะกันกลมเป็นดั่งกงล้อ แสดงถึงพระธรรมที่หมุน ... ปางแสดงธรรม วิตรรกมุทรา
แก่ปุณณกยักษ์ ... มีตาโปน
ในเมืองนั้นมีเศรษฐี 4 คนเป็นเพื่อนกัน มีความเลื่อมใสในฤาษีทั้ง 4 จึงนิมนต์ฤาษีไปแต่ละตนไปบ้านแต่ละบ้าน
ก่อนถึงเวลารับนิมนต์ ฤาษีทั้งสี่ได้ไปพักผ่อน 4 สถานที่คือ ดาวดึงส์... เทวดา เมืองบาดาล... นาค วิมาณฉิมพลี ... พญาครุฑ และในราชอุทยานของพระเจ้าธนญชัยโกรพ
เมื่อรับนิมนต์ ฤาษีแต่ละท่านได้เล่าให้เศรษฐีแต่ละคนฟังในที่ที่ได้ไปมา ทำให้เศรษฐีทำบุญแล้วปราถนาขอให้ได้สมบัตินั้น ๆ
เมื่อตายไป เศรษฐี่ 4 คนนั้นได้ไปเกิดเป็น พระอินทร์ในดาวดึงส์ , พญาวรุณนาค เมืองบาดาล , พญาครุฑ วิมานฉิมพลี และ พระราชโอรสของพระเจ้าธนญชัยโกรพ ชื่อโกรพกุมาร ครองเมืองต่อมาชื่อพระเจ้าโกรพ
ด้วยชอบพอกันมาแต่ชาติก่อน วันหนึ่งทั้ง 4 ได้มาพบกันหลังจากออกจากการรักษาศีลในอุทยานพระเจ้าโกรพ จึงสนทนากันเรื่อง ใครมีศีลประเสริฐกว่ากัน
พญาวรุณนาคว่า ศีลของตนประเสริฐที่สุดเพราะ อดกลั้นความโกรธได้ เพราะนาคเมื่อโกรธขึ้นมาและมองอะไรจะทำให้สิ่งนั้นไหม้เป็นจุล
พญาครุฑว่า ศีลของตนประเสริฐที่สุดเพราะ อดกลั้นความอยากไว้ได้ เพราะครุฑพบนาคอันเป็นอาหารอันโอชาเมื่อไหร่จะต้องจับกิน
พระอินทร์ว่า ศีลของตนประเสริฐที่สุดเพราะ อดกลั้นในกามคุณ สมบัติทิพย์ มารักษาศีล
พระเจ้าโกรพว่า ศีลของตนประเสริฐที่สุดเพราะ เห็นโทษของ กามคุณ จึงได้สละออกมารักษาศีล
ทั้ง 4 เกิดโสมนัสปีติยินดีจึงบูชาพระธรรม
พระอินทร์ บูชาด้วยผ้าทิพย์ ,พญาครุฑบูชาด้วย ดอกไม้ทอง , นาคบูชาด้วย แก้วคล้องพระศอ , พระเจ้าโกรพทรงบูชาด้วย โคนมพันตัว
.
เมื่อทราบความก็อยากฟังธรรมบ้างจะขึ้นไปก็ขึ้นไม่ได้ ... ไม่รู้ว่าทำไมถึงขึ้นมาไม่ได้เนาะ
จึงแสร้งเป็นป่วย อยากกินหัวใจวิทูรบัณฑิต
อิรันทตี ธิดาพญานาคจึงอาสาไปนำหัวใจมา
นางอิรันทตี ขึ้นมายังมนุษยโลก เหาะไปยังเขาสูงตกแต่งชะง้อนหินแห่งหนึ่งด้วยดอกไม้หลายหลาก ... เป็นฉาก
ประดับประดาตนอย่างงดงาม ยืนฟ้อนรำขับร้องอยู่ยังสถานที่นั้น ... จัดแสดง
พรรณนาถึงความงามของนางและความปรารถนาที่จะได้ดวงใจของเจ้าวิทูรบัณฑิต ถ้าผู้ใดทำให้สำเร็จนางจะมอบตัวให้เป็นคู่ครอง
แล้วยักษ์ปุณณกะบินผ่านมา จึงเข้าอาสา
.
ยักษ์ปุณณกะไปเล่นสกากับพระเจ้าโกรพ ชนะ ได้วิทูรบัณฑิต
วิฑูรบัณฑิตได้ไปสั่งเสียที่บ้าน 3 วัน ระหว่างนั้นนั้นก็รับรองให้ยักษ์ปุณณกะพักอยู่ที่บ้าน ถึงเวลาเดินทางก็เกาะหางม้ายักษ์ปุณณกะไป
ระหว่างทางยักษ์ปุณณกะไปพยายามฆ่าเพื่อเอาหัวใจหลาย ๆ วิธี แต่ทำอะไรวิทูรบัณฑิตไม่ได้
ก็ชักม้ามายังภูเขาให้เจ้าวิทูรบัณฑิตนั่งบนยอดเขา จึงคิดจะฆ่าด้วยมือของตัวเอง
ภาพชาดกสมัยยุคหลัง ๆ จะเขียนเป็นภาพยักษ์ปุณณกะ กำลังจับวิทูรบัณฑิตกำลังจะขว้างออกไปไกลถึง 15 โยชน์ แต่ก็ไม่ตาย
วิทูรบัณฑิตจึงถามเหตุผลที่ต้องการฆ่า ยักษ์ปุณณกะก็เล่าให้ฟัง
วิทูรบัณฑิต ได้แสดงธรรมว่า
1. ให้เดินตามบุคคลผู้ก่อนนั้น คือผู้ใดมีคุณแก่ตน ก็พยายามตอบแทนผู้นั้น
2. อย่าเผามือชุ่มนั้น คือตนได้อาศัยในเรือนท่านผู้ใดด้วยกันไม่ประทุษร้ายท่านนั้น
3. อย่าประทุษร้ายมิตรนั้น คือท่านผู้ใดมีคุณแก่ตน พึงคิดตอบแทนให้จนได้ไม่คิดมุ่งร้ายเลย
4. อย่าลุอำนาจแก่ผู้ประกอบด้วยกามนั้น คืออย่าลุ่มหลงสตรี ทำความชั่ว
.
รูปนี้เมื่อขยายดูพบว่าบุคคลยืนอยู่ พระหัตถ์ซ้ายจับเด็กไว้ 2 คน
คนที่นั่งอยู่หงายมือเพื่อทำความเคารพ
ภาพเสมานี้คล้ายเสมาที่เมืองฟ้าแดดสงยาง จังหวัดกาฬสินธุ์
มโหสถเป็นบัณฑิตให้กับพระเจ้าวิเทหราช กรุงมิถิลา พระเจ้าจุลนีต้องการครอบครองเมืองมิถิลาจึงมีการออกอุบายเพื่อให้ได้มา
แต่ที่สุดได้พ่ายแพ้แก่ปัญญาของมโหสถ และอยากให้มโหสถมาอยู่ด้วย
เมื่อพระเจ้าวิเทหราช สิ้นพระชนม์ มโหสถจึงได้มาอยู่กับพระเจ้าจุลนี
นางเภรี ปริพาชิกา หรือนักบวชหญิง ในเสมานี้จะเห็นผู้หญิงถักผมและเกล้ามวยแบบนักบวข
ได้ถามปัญหาด้วยเครื่องหมายแห่งมือ
จึงมองมโหสถ แล้วแบมือออก ... ถามว่าพระเจ้าจุลนีนำมโหสถมาจากเมืองอื่น ทรงทำนุบำรุงหรือไม่ได้ทำนุบำรุง
มโหสถตอบด้วยการกำมือ ... ตอบว่าพระเจ้าจุลนียังไม่พระราชทานอะไรให้
ในรูปคือตอนต่อไปนี้
นางเภรีเข้าใจคำของมโหสถ จึงยกมือขึ้นลูบศีรษะของตน ... ถ้าท่านลำบาก ทำไม จึงไม่บวชเหมือนอาตมาเล่า
มโหสถจึงลูบท้องของตน ... ตอบว่า มีบุตรภรรยาที่ต้องเลี้ยงดูอีกมาก