เริ่มหวั่นไหว​ ปัญหาเศรษฐกิจ

กระทู้คำถาม
ปีก่อนกะว่าหลังเลือกตั้ง​ เศรษฐกิจ​ จะกลับมา​ บูม​ บูม​ อีกครั้ง​ ถึงกับลงทุนทั้งเครื่องจักร​ และกำลังคนเตรียมพร้อมเอาไว้

มาต้นปี​ จินตนาการบรรเจิดเพิ่มขึ้นอีก​ เมื่อออเดอร์ล้นทะลัก​ ฝันว่าจะเปิดการผลิตแบบ​ 24​ ชั่วโมง​ และทำการศึกษาถึงวิธีการวางแผนการผลิต​  และจัดเตรียม​ซุปเปอร์ไวเซอร์เพิ่ม

เพิ่งจะมา​ 2-3​ เดือนนี้​  ความไม่แน่นอนเริ่มบังเกิด​  ความฝันหรือแผนการที่วางไว้กำลังเอื่อยเฉื่อยลงเรื่อยๆ​ ยอดขายปรับลดลงถึง​ 10% ในเดือนที่ผ่านมาจากค่าเฉลี่ยที่คาดการณ์ไว้ทั้งปี...    แผนการที่จะเพิ่มยอดจากปีก่อน​ 8% เริ่มมีเป้าหมายที่พร่ามัวขึ้นทุกวัน




ยังโชคดี​ ที่ไม่มีปัญหาทางการเงินใดๆ​ ให้ต้องคิด มากระหน่ำซ้ำเติม​   เค้าบอกให้ปรับตัวก่อนที่จะถูกบังคับให้ปรับ​ Change​ before you have to change...    แต่แผนการที่วางไว้ต้องปรับแผนใหม่หมด​ ก็อาจเสมือนไม่ได้วางแผนไว้

ถึงแม้นี่ยังไม่เรียกวิกฤต​ เพราะก่อนหน้าผ่านวิกฤตจริงๆ​ มา​ 3 ครั้งแล้ว​   แต่ปัญหาตอนนี้คือการมองไปที่อนาคต

อนาคตที่ประเทศไทยถูกออกแบบให้เป็นระบบ​ ที่ต้องพึ่งพิงรายใหญ่..  เครือข่ายการกระจายสินค้าผ่านช่องทางที่กึ่งผูกขาด...  และสำคัญคืออนาคตจะไม่มี​ Cash Cow. อีกต่อไป... ทะเลสีครามคงเหลือเพียงน้อยนิด​จากผลของการลดลำดับของการเข้าถึงสินค้าจากทั้งโลกผ่านอินเตอร์เน็ต

หมัดน๊อคจะอยู่ที่การปรับค่าแรงขั้นต่ำ​ การที่จะหวังว่าคู่แข่งจะตายก่อน​ อาจเป็นไปไม่ได้​  เพราะคู่แข่งคือโลกใบนี้

ยิ่งทำต้องยิ่งออกแรง... แต่ทั้งหมดที่เตรียมตัวมาตลอดก็คงเพื่อช่วงเวลาเหล่านี้
แก้ไขข้อความเมื่อ

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 9
เวลามีปัญหาเศรษฐกิจ​  รัฐบาลบอกเรื่องแรกคือ​ ต้องสนับสนุนทางการเงิน​เรื่องดอกเบี้ย​  หรือกระทั่งการยืดเวลาชำระหนี้​ หรือ​กระทั่งสนับสนุนให้ลงทุนเพิ่ม...    ในความเป็นจริงสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปลายเหตุทั้งสิ้น

ปัญหาหลักคือขายสินค้าไม่ได้​ จึงควรเน้นที่จุดนี้ก่อนว่าจะทำอย่างไรให้ขายสินค้าได้... ประเทศไทยส่งออกเป็นหลัก​ ตามด้วยการท่องเที่ยว...   ต้องพยายามแก้สองจุดนี้...   ทำอย่างไรถึงแก็ได้... ส่วนตัวมองว่า..

1.) ถึงแม้ทางภาครัฐ​  บังคับ​ ธปท.ไม่ได้ให้ลดดอกเบี้ยเพื่อหยุดยั้งการแข็งค่าของเงินบาท​   แต่ทางภาครัฐอาจสนับสนุนการส่งออกผ่านมาตรการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม​  โดยปกติเวลาส่งออก​ จะเสียภาษี​ Vat​ 0%. ให้ทำการช่วยเหลือ​โดยเครดิตกลับอีก​ 2-3%  ในกลุ่มสินค้าเป้าหมาย​ ประเทศเป้าหมายแบบมีระยะเวลา​  -​-  โดยวิธีการนี้ทางจีนใช้สนับสนุนการส่งออกในช่วงที่ผ่านมาขณะมีสงครามการค้าที่ผ่านมา

เมื่อขายของได้ทุกอย่างเริ่มเดิน

2.) มาตรการท่องเที่ยว​  นอกจากฟรีวีซ่า​ ซึ่งเป็นนโยบายที่ควรยกเลิก​ เพราะพิสูจน์แล้วว่าไม่ได้ช่วยการท่องเที่ยวเท่าไหร่​   ควรเปลี่ยนทำโปรโมชั่น​ Thailand Grand Sales... โดยทำการแจกคูปองส่วนลดต่างๆ​  ที่สนามบิน ทำโครงการร่วมกับภาคเอกชนที่จะเข้าร่วมโครงการส่วนภาครัฐลดค่าเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยว​ ในจุดที่อยากให้นักท่องเที่ยวไป...   และทำการออกแรงโปรโมตไปยังประเทศต่างๆ​  

เอาเงินที่ต้องเสียไปกับฟริ​ิ​ วีซ่า​ ไปทำประโยชน์ระยะยาวและเห็นผลดีกว่า



อย่าแจกเงิน​ ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำอีกเลย​ เพราะมันไม่ได้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างแท้จริง​   ควรทำโครงการกระตุ้นแบบเน้นขายของดีกว่า...
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  SME เศรษฐกิจ
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่