เจอสถานการณ์ในที่ทำงานแบบนี้ จะใช้ไหวพริบการเอาตัวรอดอย่างไร

เรื่องนี้เกิดขึ้นกับรุ่นน้องของผมครับ เขาได้มาปรึกษาผมว่าจะทำอย่างไรดี เพราะเขาได้ทำงานที่นี่เป็นเวลา 4 เดือนแล้ว ตั้งแต่เข้าไปทำงานก็ได้เงินเดือนและเวลาทำงานที่ไม่ตรงตามที่ตกลงกันไว้ เงินเดือนต่ำกว่าที่เสนอให้ก่อนหน้านี้ 3,000 บาท บอกหลังจากที่เข้าทำงานว่าผ่านโปรฯ แล้วจะเพิ่มเงินเดือนให้ตามที่คุยกันไว้ สุดท้ายผ่านโปรฯ ก็ไม่เพิ่มให้ ส่วนเวลาทำงานก็มีวันเสาร์เพิ่มมาทั้งที่บอกตอนสัมภาษณ์ว่าทำวันจันทร์-ศุกร์ และเงินเดือนได้ช้ามาก เดือนกันยายนนี้ยังไม่ได้เลย น้องผมจึงลำบากใจในเรื่องค่าปรับที่ตามมาในเรื่องค่ากิน ค่าเช่าห้อง ค่าเดินทาง และค่าอินเตอร์เน็ต

ซึ่งเขาให้รายละเอียดว่า เขาได้ทำอยู่ฝ่ายการตลาดดิจิทัล ที่บริษัท (คลินิกเวชศาสตร์ชะลอวัยและทางเลือกแบบองค์รวม) เพิ่งเปิดมาได้ 3 ปี และไม่มียอดขายเลย เจ้าของธุรกิจได้บ่นเปรยๆ กับพนักงานที่นี่ว่าอยากจะได้ทีมงานใหม่มาทำเพราะทีมปัจุบันไม่สามารถสร้างยอดขายได้ตามเป้าที่ควร และขาดทุนมาโดยตลอดตั้งแต่เปิดกิจการ และการที่เขาจ่ายเงินเดือนช้าก็เหมือนกับการที่จะบีบพนักงานให้ออกทางอ้อม (คหสต. ของผม) และตอนนี้หัวหน้าและเป็นพี่เลี้ยงที่สอนงานน้องผมเขาก็ได้ลาออก เพราะทนแรงกดดันไม่ได้ (ระดับ ผจก. และหัวหน้าของที่นี่นอกจากได้เงินเดือนช้า และก็ยังถูก จข.ธุรกิจ เรียกไปด่าเช้าด่าเย็น) ทำให้น้องผมต้องรับผิดชอบในฝ่ายการตลาดดิจิทัลคนเดียว และ จข.ธุรกิจก็ได้ตัดงบประมาณการโฆษณาสินค้าผ่านช่องออนไลน์ทั้งหมด และให้น้องผมดูแลและทำ Content อย่างเดียวบนหน้าเพจ Facebook กับเว็บไซต์ ซึ่งน้องผมเกรงว่าจะไม่ได้ประสบการณ์จากการทำการตลาดดิจิทัลในส่วนของการโฆษณา และมีแนวโน้มที่อาจจะถูกแทนที่โดยทีมงานใหม่อีกด้วย

* โดยตามที่ผมได้คิดและกำลังจะเสนอแนะแนวทางให้เขาไป มี
- แนะนำให้เขาทนอยู่ทำงานไปก่อนเพื่อเป็นโปรไฟล์ไว้ จนกว่าเขาจะโดนจ้างออก และให้เขาสมัครงาน เตรียมนัดสัมภาษณ์ที่อื่นรอไว้ระหว่างทำงานที่นี่

* เนื่องจากผมก็ประสบการณ์น้อยเหมือนกันและก็ไม่เคยประสบพบเจอเหตุการณ์แบบนี้ในที่ทำงานจึงอยากถามท่านผู้มีประสบการณ์ทุกท่านต่อในรายละเอียด ว่า

1. เคยแนะนำให้เขาลาหยุดเพื่อไปสัมภาษณ์งาน แต่ทีนี้ที่นี่หากลาหยุดทั้งวันหรือครึ่งวันโดยที่ทำงานไม่ครบ 1 ปี จะโดนหักเงินเป็นรายวัน และเงินเดือนน้องผมได้ต่ำกว่ามาตรฐานระดับ ป.ตรี เขาเกรงว่าจะมีผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน ผมเลยว่าจะแนะนำให้เขาใช้ช่วงพักเที่ยงของเขา คือ ช่วงบ่ายโมงถึงบ่ายสองของวันทำงานในกรณีนัดสัมภาษณ์งาน แบบนี้ดูจะเหมาะสมหรือไม่กับสถานการณ์อย่างนี้

2. ตอนสัมภาษณ์งาน จะต้องบอกฝ่าย HR ที่บริษัทใหม่อย่างไร จะบอกตรงๆ เลยดีไหมว่ามีปัญหาตามที่กล่าวมาข้างต้น หรือต้องตอบแนวไหนเพื่อที่ให้มีโอกาสได้งานใหม่มากขึ้น จากสถานการณ์แบบนี้

3. HR มองอย่างไร? กับผู้สมัครงานที่เพิ่งได้ทำงานได้เพียง 4 เดือน และก็ต้องมาหางานใหม่จากสถานการณ์แบบนี้ (โดยก่อนหน้านี้ 1 ปี น้องผมไม่ได้ทำงาน เพราะไปเปิดร้านเบเกอรี่ออนไลน์ แต่เขาก็มีประสบการณ์ทำงานโดยรวมในด้านการประสานงานขาย การบริการลูกค้า และการตลาดดิจิทัล รวมเป็นเวลา 1 ปี 8 เดือน *ไม่รวมที่ทำงานปัจจุบัน)

ซึ่งเขาก็กลัวในอนาคตที่ไม่แน่นอนและการหางานทำที่ได้ยากในยุคนี้ จึงขอคำปรึกษาและขอคำชี้แนะจากทุกๆ ท่าน เพื่อเป็นวิทยาทานความรู้และแนวทางหน่อยครับ

ขอขอบคุณทุกท่านล่วงหน้าสำหรับความอนุเคราะห์ในครั้งนี้ครับ

____________________
*หมายเหตุ:
คหสต. = ความคิดเห็นส่วนตัว
จข. ธุรกิจ = เจ้าของธุรกิจ
ผจก. = ผู้จัดการ
แก้ไขข้อความเมื่อ

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
หางานใหม่ หักเงินก็หักไป

ไม่ว่าคุณจะเปลี่ยนงานตอนไหน หยุดสัมภาษณ์ตอนไหนก็ถูกหักเงินอยู่ดี

ไม่ต้องไปหวังเอาประสบการณ์จากบริษัทที่ขาดความเป็นมืออาชีพแบบนี้หรอก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่